ตอนที่ 281 ยั่วยุนาง
ตอนที่ 281 ยั่วยุนาง
ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงรีบเดินออกจากตำหนักฉางเล่ออย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็มีสาวใช้สองคนเดินตามออกมาทันที “คุณหนูจ้าว พระสนมมีเรื่องที่อยากจะพูดกับเจ้า ได้โปรดตามข้าน้อยไปด้วยเจ้าค่ะ”
“หื้อ?” ซูหวานหว่านมองสาวใช้ทั้งสองคนด้วยแววตาสงสัย หลังจากจ้องมองสาวใช้ไม่นาน รอยยิ้มบนใบหน้าของสาวใช้ก็หุบลงทันที และสาวใช้ก็เอ่ยย้ำออกมาอีกว่า “คุณหนูจ้าว รีบไปเถอะ โปรดอย่าทำให้นางสนมต้องรอเป็นเวลานาน”
สือซีเอ๋อร์เรียกหานางจะไปมีเรื่องที่ดีได้อย่างไร แน่นอนว่ามันไม่มีเรื่องอะไร นางยังไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย ซูหวานหว่านก็จ้องมองไปที่สาวใช้ทั้งสองคนอย่างครุ่นคิดอยู่ภายในใจ สาวใช้ทั้งสองคนต้องซ่อนบางสิ่งบางอย่างเอาไว้แน่ ๆ แน่นอนว่าซูหวานหว่านมองออกอย่างเด็ดขาด
“จ้าว…คุณหนูจ้าว! ได้โปรดอย่าขยับ!” ลิ้นของสาวใช้ดูเหมือนจะแข็งทื่อ และพวกนางก็พูดออกมาอย่างประหม่า
ซูหวานหว่านก้าวเดินเข้าไปหาสาวใช้ทั้งสอง ร่างกายแผ่กระจายความโหดเหี้ยมออกมา ทำให้พวกนางผงะถอยหลังด้วยความกลัว และพบว่ามีชายร่างสูงใหญ่กำลังถือมีดมีดเดินเข้ามา ทันใดนั้นมือของเขาก็เป็นตะคริวทันที ทำให้มีดในมือร่วงหลุดจากมือของเขาทันที
“พวกเจ้าเรียกข้ามาทำไม? จะฆ่าข้าเหรอ?” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ข้าคนนี้ต้องขอโทษด้วย ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับพวกเจ้าหรอกนะ”
หลังจากพูดออกมาอย่างนั้น ซูหวานหว่านก็เดินออกมาอย่างไม่ใส่ใจทันที
ฉีเฉิงเฟิงรีบเดินตามออกมาด้วย พวกเขาทั้งสองคนมองหาต้นไม้ขนาดใหญ่ และปีนขึ้นไปนั่งด้านบน
ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิท และถึงแม้จะจุดตะเกียงไฟ หากมองจากต้นไม้ก็ยังมองได้ไม่ชัดเจน ทั้งสองคนซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ แฝงตัวเป็นกิ่งไม้ซ่อนตัวอยู่ในความมืด
อากาศยามค่ำคืนหนาวเย็นราวกับสายน้ำ
ฉีเฉิงเฟิงก็มองดูเหล่าองครักษ์ที่เดินลาดตระเวนรอบเมืองอยู่ไกล ๆ และถามออกมาว่า “เหตุใดเมื่อครู่ เจ้าถึงไม่ลงมือจัดการตั้งแต่ตอนนั้น”
ซูหวานหว่านรู้ดีว่าฉีเฉิงเฟิงกำลังพูดถึงเรื่องอะไร นางจึงเอ่ยออกมาว่า “สือซีเอ๋อร์ชอบยั่วยวนฮ่องเต้ด้วยการใช้ภาพลวงตาไม่ใช่รึ? ในเมื่อฮ่องเต้กำลังหลงใหลนาง เหตุใดพวกเราไม่รอเวลาที่ประจวบเหมาะแล้วค่อยจัดการนางทีเดียวไม่ดีกว่าเหรอ แน่นอนว่าภาพลวงตาของนาง พวกเราสามารถจัดการมันได้อยู่แล้ว แบบนั้นจะทำให้ฮ่องเต้จดจำเรื่องนี้ไปจนตาย!”
นางเป็นคนฉลาดมาก! ฉีเฉิงเฟิงส่งยิ้มให้ซูหวานหว่านพร้อมกับยื่นมือออกไปจับมือซูหวานหว่านไว้ และบอกเกี่ยวกับกฎระเบียบของการนอนในวังเวลาตอนกลางคืน ในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม ฉีเฉิงเฟิงจึงพาซูหวานหว่านไปดูความคึกคักของในเมืองต่อ
ในขณะที่ซูหวานหว่านกำลังนอนหลับตา ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาในมิติฟาร์ม หญิงสะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันที จากนั้นก็ถอดจิตเข้าไปในมิติฟาร์ม แต่เมื่อเข้าไปถึงแล้วก็ต้องตกใจ ในมิติฟาร์มมีแปลงฮวาเจียวเพิ่มขึ้นมาหนึ่งแปลง สือฉินเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ทำให้ซูหวานหว่านพึงพอใจมาก อีกทั้งคะแนนในมิติฟาร์มก็เพิ่มขึ้น จนตอนนี้มีคะแนนหนึ่งร้อยคะแนน!
“เป็นไปได้ไหมที่สามารถให้คนอื่นทำงานแทนข้า แล้วจะได้รับคะแนนมากมายจากการทำงานนี้?” ซูหวานหว่านพูดพลางหัวเราะออกมา แต่ก็ถูกเสียงของมิติฟาร์มเอ่ยเย้ยหยันออกมาหลังจากตื่นขึ้นมาจากการพักผ่อน “คนอื่นทำงานแทนเจ้ามันก็ได้คะแนนแค่หนึ่งแต้ม! นี่มันคือคะแนนที่เจ้าเป็นคนสะสม โดยที่เจ้าทำภารกิจอยู่กับฉีเฉิงเฟิงเป็นเวลานานต่างหาก”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง” ซูหวานหว่านก็อดที่จะดีใจออกมาไม่ได้ เมื่อคิดว่าช่วงนี้นางสนิทกับฉีเฉิงเฟิงมากขึ้นก็สามารถทำให้แต้มคะแนนเพิ่มขึ้นเยอะ แต่จู่ ๆ นางก็ถูกเสียงมิติฟาร์มพูดขัดภาพอันความสุขออกมาว่า “เจ้าบ้าน เจ้าคงจะลืมอะไรไป? ตอนนี้เจ้ามีแค่คะแนนหนึ่งแสนคะแนนเท่านั้น ยังเหลือเวลาอีกเพียงแค่สามวันในการรวบรวมคะแนนให้ถึงหนึ่งล้านคะแนน มิฉะนั้นจิตวิญญาณของหลิงเชอก็จะก่อตัวขึ้นมาได้ยาก แล้ว…จิตวิญญาณก็จะแตกสลายไปโดยสิ้นเชิง”
“เอ่อ…” ซูหวานหว่านก็ถอนหายใจออกมา นี่มันเรื่องใหญ่จริงๆ!
หลังจากได้ยินแบบนี้ ซูหวานหว่านก็ไม่อยากดูสือฉินเอ๋อร์ปลูกผักอีกต่อไป ในตอนนี้นางควรหาวิธีที่จะเพิ่มคะแนนเพิ่มเป็นสองเท่าก่อนจะดีกว่า
ทันใดนั้น เสียงระบบในมิติฟาร์มก็กล่าวออกมาว่า “เจ้าบ้านและจิตวิญญาณหลิงเชอนั้นมีความรู้สึกที่ดีต่อกันอย่างลึกซึ้ง มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เหมือนกัน เจ้าควรไปที่ห้องของพระสนมเพื่อค้นหาหลักฐานให้เจอภายในสามวันนี้ ถ้าความผิดของนางสนมถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชน เจ้าจะได้รับคะแนนหนึ่งหมื่นแต้มคะแนน”
หนึ่งหมื่นคะแนน! แม้ว่านางจะได้แต้มมา แต่มันก็ยังไม่ถึงหนึ่งล้านคะแนน แต่ไม่ว่าแต้มคะแนนจะน้อยแค่ไหนก็ยังดีที่ได้มันมา! ซูหวานหว่านตื่นเต้นมาก และภารกิจนี้นางจะต้องการทำให้สำเร็จ ดังนั้นนางจึงพูดแผนการของตัวเองให้กับฉีเฉิงเฟิงฟัง หลังจากตกลงกันดีแล้วพวกเขาทั้งสองคนก็เดินทางไปที่ลานของตำหนักฉางเล่ออย่างเงียบ ๆ
เมื่อมาถึงพวกเขาสองคนก็รู้ได้ทันทีว่านี่เป็นฤกษ์ของพวกเขาไม่ดีแล้วเพราะตอนนี้ในลานของตำหนักเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา และยังมีองค์รักษ์ยืนเฝ้าอยู่ด้วยการแต่งกายเต็มยศ นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวด้วยชุดเรียบ ๆ หากแต่สง่างามยืนอยู่ด้วย หญิงคนนั้นปักปิ่นดอกไม้จันทน์เอาไว้ที่บนศีรษะอย่างเรียบง่าย
แต่ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพวกเครื่องประดับที่สือซีเอ๋อร์สวมใส่ หญิงคนนี้ยังดูด้อยกว่ามาก
เพียงแต่สตรีคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คนธรรมดา ถึงแม้ว่าจะมีผู้ติดตามมาไม่เยอะก็ตาม ซูหวานหว่านเข้าใจผิดคิดว่านางเป็นคงนางสนมอีกคนของฮ่องเต้ที่อยู่ในวังนี้!
หากแต่หญิงคนนี้คือฮองเฮา!
ซูหวานหว่านยืนสังเกตสถานการณ์อย่างลับ ๆ พร้อมกับดึงฉีเฉิงเฟิงมาสังเกตสถานการณ์อยู่ในเงามืด
ฮองเฮาที่ยืนรออยู่นานเริ่มขมวดคิ้ว “เหตุใดพระสนมถึงยังไม่ออกมาอีก? นี่จะต้องให้ข้ามายืนรอนางอย่างงั้นหรือ?”
สาวใช้ในวังที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มเยาะเย้ยออกมาดัง ๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้ “ท่านยังคิดว่าตัวเองยังสวยสง่าเหมือนดังตอนที่ท่านได้รับตำแหน่งฮองเฮาอย่างงั้นหรือ? ท่านมันก็เป็นเพียงหญิงชราที่โดดเดี่ยว! แล้วท่านกล้าดียังไงมาตะคอกใส่พระสนมของพวกเรา”
หลังจากพูดอย่างนั้น สาวใช้ก็ยกมือหนึ่งข้างหมายฟาดลงบนใบหน้าของนาง แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคนพูดขัดขึ้นมาว่า “หยุดเดี๋ยวนี้!”
สาวใช้ก็รีบชักมือกลับไป และถวายคำนับทำความเคารพทันที และกล่าวออกมาว่า “พระสนม ฮองเฮาได้มารอท่านอยู่ที่ประตู นางบอกว่ามีธุระที่จะคุยกับท่าน แต่ข้าน้อยคนนี้ไม่ยอมให้นางเข้าไป! แต่นางกำลังจะทุบตีทาสบ่าวรับใช้! และข้ากำลังจะตอบโต้กลับก่อนที่ท่านจะมา! ท่านได้โปรดช่วยข้าน้อยคนนี้ด้วย!”
หลังจากได้ยินคำพูดแบบนี้ ซูหวานหว่านก็แทบที่อดไม่ไหวที่จะปรบมือให้ และนางก็แอบคิดภายในใจว่า คนใช้ของสือซีเอ๋อร์เป็นช่างมีนิสัยเหมือนกับเจ้านายตนเองจริง สามารถพูดสร้างเรื่องต่าง ๆ ขึ้นมาแบบไร้สาระได้!
สือซีเอ๋อร์ชำเลืองฮองเฮา นางวิ่งเข้าในอ้อมกอดของชายคนหนึ่งคนนั้นซบลงบนอกของเขาแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท ไปกับท่านพี่เถอะเจ้าค่ะ คืนนี้ข้าจะอยู่เพียงลำพังเองถึงแม้ว่าคืนนี้จะอากาศหนาวเย็นแค่ไหนก็ตาม แต่ข้าก็คง…จะอยู่ได้”
หลังจากได้ยินคำพูดแบบนี้ ชายคนไหนจะสามารถทนได้กัน? แน่นอนว่าซูหวานหว่านคาดเดาความรู้สึกของฮ่องเต้ได้ และแน่นอนเป็นไปตามคาด ฉีเฉิงก็พูดออกมาว่า “เจ้ากลับไปที่ตำหนักของตัวเองก่อน! ค่อยคุยกันในวันพรุ่งนี้!”
“ฉีเฉิง! เจ้าไม่เคยมาหาข้าเลย! เจ้าให้สือซีเอ๋อร์เป็นคนดูแลเรื่องทั้งหมด! แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่า ว่าข้ากินแต่ข้าวต้มและของดองทุกวัน เจ้ารู้ไหมว่าข้าไม่มีแม้แต่น้ำจะดื่ม!” เอ่ยออกมาด้วยความอัดอั้น
“มันก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ค่อยมาพูดในวันพรุ่งนี้! อย่ามารบกวนเวลาของข้า!” ฉีเฉิงก็ได้กล่าวออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
ฮองเฮามองที่ฉีเฉิงด้วยสายตาอย่างเย็นชา ชี้นิ้วออกมาอย่างขุ่นเคือง สายตาจับจ้องไปที่สือซีเอ๋อร์ และยิ้มออกมาเล็กน้อยทั้งน้ำตา “ข้าไม่คิดเลยว่าฮ่องเต้จะชอบหญิงเหี่ยวแห้งราวกับหญิงชราที่มีอายุแปดสิบปี และข้าเองก็คงจะไม่ดีเท่านางจริงๆ!”
หลังจากพูดออกมาอย่างนั้น ฮองเฮาก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว หากแต่สือซีเอ๋อร์ได้จับมือนางเอาไว้ก่อน และพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า “จ้าวจื่อเหยียน! เจ้าพูดออกมาอีกครั้งสิ! ใครกันแก่เป็นหญิงชรา!”
สือซีเอ๋อร์ก็ยกมือขึ้นทันทีหมายตบหน้าฮองเฮาแต่ก็ถูกคนมาขวางเอาไว้ “พระสนม สิ่งที่ฮองเฮาพูดออกมามันถูกต้องแล้ว เจ้าจะตื่นตระหนกไปทำไม?”
“เจ้า!” สือซีเอ๋อร์ไม่คิดว่าซูหวานหว่านจะอยู่ที่นี่! นางจึงพูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า “ใครก็ได้! ลากคุณหนูจ้าวที่บุกเข้ามาในตำหนักของข้าในเวลาตอนกลางคืนแบบนี้ จับนางไปฆ่าให้ตาย!”