ตอนที่ 109 มาตรการขั้นเด็ดขาด

ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

“ไร้สาระ!”

ชายที่มีปากแหลมและแก้มเหมือนลิงปฏิเสธคำพูดของเสี่ยวหลัว“สินค้าและราคาบ้านในปัจจุบันสูงมาก นอกจากนี้พวกเราทุกคนก็มีครอบครัวให้ต้องดูแล ใครมันอยากจะแบ่งปันหอพักกับคนอื่นๆ มีใครไม่ต้องการที่จะมีบ้านเป็นของตัวเอง บริษัท มีรายได้หลายร้อยล้านต่อปี มีเหตุผลอะไรที่พวกเราจะต้องได้รับเงินเดือนน้อยนิดเช่นนี้ด้วย!”

คนงานส่วนใหญ่เริ่มลังเล จากนั้นพวกเขาก็ยึดถือในความเชื่อของพวกเขา และพูดสนับสนุนคำพูดนี้ออกมาเสียงดังในทันที

“ใช่แล้ว ราคาบ้านมันสูงมากและเงินเดือนของพวกเรามันก็ต่ำมาก เราต้องรัดเข็มขัดไว้หลายสิบปีเพื่อที่จะซื้อบ้านได้สักหลัง ใครเล่าที่อยากจะมีชีวิตแบบนั้น”

“พวกเราไม่สามารถที่จะเรียกร้องอะไรได้เลยงั้นเหรอ คุณคิดว่าพวกเราคนงานสมควรที่จะถูกบีบให้ไปเช่าหอพักร่วมกันคนอื่นงั้นเหรอ?”

“พวกเราไม่ต้องการชีวิตแบบนั้น!”

ฝูงชนไม่พอใจ พวกเขาตะโกนประท้วงกันต่อไป และยกกำปั้นขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง

“ไอเชี้..ยเอ้ย ฉันเคยเห็นคนที่ไร้ยางอายมาก่อน แต่ฉันไม่เคยเห็นคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อนเลย!”

จาง ซูซาน ไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป เขาม้วนแขนเสื้อขึ้นและต้องการที่จะไปตื๊บชายที่มีปากแหลมและแก้มหมือนลิง ด้วยอารมณ์ของเขาเขาไม่สามารถทนต่อสิ่งนี้ได้

เสี่ยวหลัวเอื้อมมือออกไปหยุดเขา หากเขาไม่สามารถหยุดการทะเลาะวิวาทกันเช่นนี้ได้ ในฐานะประฐานของ บริษัท เขาก็คงจะไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีใดๆอยู่แล้ว เสี่ยวหลัวมองลงไปที่ฝูงชนด้วยสายตาที่เยือกเย็นและหัวเราะออกมา“เหอะ! อสังหาริมทรัพย์พวกนั้น มันเกี่ยวข้องกับฉันตรงไหน? ฉันเป็นตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์หรือผู้อำนวยการสำนักงานบริหารทรัพยากรที่ดินแห่งชาติพวกนั้นหรือไง? ที่พวกคุณตำหนิ บริษัท เพราะว่าพวกคุณไม่สามารถซื้อบ้านได้งั้นเหรอ? ดังนั้นหากในอนาคตสมมติว่าพวกคุณต้องการที่จะซื้อรถยนต์หรือบ้านพักตากอากาศ บริษัท ควรจะจ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านั้นให้กับพวกคุณด้วยงั้นเหรอ?”

คำถามเกี่ยวกับวาทศิลป์เช่นนี้ มันทำให้กลุ่มผู้ประท้วงเงียบเสียงลง พวกเขาไม่สามารถคิดอะไรมาปฏิเสธคำพูดของเสี่ยวหลัวได้เลย

“กลับไปทำงานของพวกคุณซะ และฉันจะปล่อยไป มิฉะนั้นพวกคุณก็เตรียมพร้อมที่จะรับผลที่จะตามมาได้เลย!” เสี่ยวหลัวพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ตอนนี้อารมณ์ของเราเริ่มที่จะไม่ดีแล้ว

“ตึก ตึก ตึก ตึก!”

หัวใจของผู้คนจำนวนมากเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง ท้ายที่สุดแล้วที่ หลัวฝาง ก็ไม่ได้ปฏิบัติกับพวกคนงานอย่างเลวร้าย หากพวกเขายังคงดึงดันและถูกไล่ออก พวกเขาก็จะต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และเงินเดือนของพวกเขาจะกลับไปอยู่ที่จุดต่ำสุดอีกครั้ง

ชายที่มีปากแหลมและแก้มเหมือนลิงตะโกนอย่างเร่งรีบ“อย่าไปกลัว! พวกเรามีกันเป็นจำนวนมาก! พวกเขาไม่กล้าที่จะไล่คนจำนวนมากออกหรอก มิฉะนั้นการดำเนินงานของ หลัวฝาง ทั้งหมดก็จะต้องปิดตัวลง ในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน!”

คำพูดของเขา มันได้ทำให้ฝูงชนกระจ่างแจ้ง ใช่แล้วพวกเขาจะต้องกลัวอะไร การดำเนินงานของ หลัวฝาง มันไม่เหมือนกับในอดีตแล้ว และตอนนี้มันก็กำลังดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด หากโรงงานหยุดการผลิตเป็นเวลาหนึ่งวัน มันจะเป็นผลอันตรายถึงชีวิต เสี่ยวหลัวคงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นกับพวกเขาอย่างแน่นอน

เสียงคุยเริ่มดังเอะอะดัง“เขาพูดถูก! พวกเรามีจำนวนมากพวกเราจะไปกลัวทำไมกับแค่ชายคนหนึ่ง! พวกเราจะหยุดงาน! ถ้าเขาไม่ขึ้นเงินเดือนและเงินโบนัสให้กับพวกเรา!”

“พวกเราจะต้องประท้วง ที่บริษัทปล้นเงินที่พวกเราสมควรจะได้รับไปอย่างไร้ยางอาย!” ชายที่มีปากแหลมและแก้มเหมือนลิง พูดพร้อมกับยกกำปั้นของเขาขึ้นและตะโกนเสียงดัง

คนอื่นๆ ก็ส่งเสียงร้องตะโกน:“ประท้วง! ที่บริษัทปล้นเงินที่พวกเราสมควรจะได้รับไปอย่างไร้ยางอาย!”

ในเวลานี้สถานการณ์มันเริ่มที่จะควบคุมอะไรไม่ได้แล้ว

ผู้จัดการร้านและหัวหน้าแผนกทั้งหมดต่างก็มองไปที่เสี่ยวหลัว มันมีทั้งบางคนที่กำลังยิ้ม และ บางคนที่กำลังขมวดคิ้ว และบางคนก็ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

ซุน เจียนอัน รู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเสี่ยวหลัวมาก เขาหวังว่าเสี่ยวหลัวสามารถรับมือกับวิกฤตินี้ได้อย่างราบรื่น และทำให้คนงานสงบลงได้ แต่เมื่อมองดูสถานการณ์ในตอนนี้แล้วนั้น ผลลัพธ์มันไม่ได้ออกไปในทางแง่ดีเลย

เสี่ยวหลัว พูดออกมาอย่างรู้สึกจนใจ“ฉันให้โอกาสพวกคุณในการทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่พวกคุณก็ไม่รู้วิธีที่จะถนอมมัน พวกคุณคิดว่าฉันไม่กล้าที่จะไล่พวกคุณออกงั้นเหรอ? พวกคุณคิดผิดแล้ว! หลิน เฉาตง!” เสี่ยวหลัวเปล่งเสียงของเขาในทันที น้ำเสียงของเขามันเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

“ครับ ประธานเสี่ยว?” หลิน เฉาตง

เสี่ยวหลัวชี้ไปที่ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างและพูดว่า“ไล่คนพวกนี้ออกทั้งหมด และในอนาคตอย่าจ้างพวกเขาอีก!”

คำพูดทุกคำพูดของเขา มันส่งผลกระทบไปถึงในจิตวิญญาณของคนงาน เสมือนระฆังยักษ์ที่ดังกังวานอยู่ภายใน

อะไรนะ?!

หัวหน้าแผนกและผู้จัดการร้านค้า ต่างก็ตกใจกันจนหมด พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเสี่ยวหลัวจะใช้มาตรการที่รุนแรงเช่นนี้ แม้ว่าคนงานจะมีความผิดและถูกชักจูงด้วยผลประโยชน์ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะไล่คนงานทุกคนออกเพื่อแก้ปัญหาอย่างที่เสี่ยวหลัวทำ

สวี่ กว่างซ่ง รู้สึกกังวลเขารีบแนะนำว่า“คุณเสี่ยว การกระทำเช่นนี้มันไม่ค่อยเหมาะสม การเลิกจ้างคนงานจำนวนมาก มันจะทำให้พนักงานใน บริษัท ของเราขาดความมั่นคง”

หลี่ จื่อเมิ่ง ผู้ซึ่งมีรูปร่างนาฬิกาทรายเดินไปข้างหน้าและกล่าวว่า“เราเพิ่งได้รับคำสั่งซื้อ ล๊อตใหญ่จากลูกค้าเก่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หากเราไล่คนงานเหล่านี้ทั้งหมดออกไป เราก็จะไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อตรงเวลาได้ หากเราส่งไม่ทันเวลา เราจะต้องจ่ายค่าชดเชยที่หนักหนาสาหัส และเราก็จะสูญเสียลูกค้าเก่าผู้นี้ไปตลอดกาล”

เสี่ยวหลัวไม่สนใจเธอ เขาจ้องมองไปที่ หลิน เฉาตง อย่างเยือกเย็น “คุณไม่ได้ยิน คำพูดของฉันเหรอ?”

ภายใต้การจ้องมองของเสี่ยวหลัว หลิน เฉาตง เขารู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาในทันที

“ได้ครับ! ผมจะบอกเพื่อนร่วมงานในแผนกทรัพยากรบุคคล ให้ไล่พวกเขาออกทั้งหมดในครั้งเดียว”

“ไปดำเนินการซะ! ในครึ่งวันฉันต้องการที่จะเห็นรายงานการเลิกจ้างของพวกเขาทั้งหมด” เสี่ยวหลัว เขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้คนเหล่านี้แต่อย่างใด

หลิน เฉาตง รู้สึกแย่อยู่นิดหน่อย แม้ว่างานแบบนี้มันจะไม่มีข้อกำหนดทางเทคนิคและเป็นเรื่องง่าย แต่เขาก็ต้องเตรียมสำเนามากกว่า 500 ฉบับ การจัดทำและการเขียนรายงานในครึ่งวันนั้นเป็นเรื่องที่ยากอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ความประพฤติที่เข้มงวดและของเสี่ยวหลัว มันทำให้เขาเกิดความตื่นเต้นตอนนี้มันมีความกระตือรือร้นอยู่ในดางตาของเขา!

“คุณเสี่ยว คุณทำกับเราแบบนี้ไม่ได้! ฉันไม่ต้องการเงินเดือนเพิ่มแล้ว! ฉันไม่ต้องการเงินเดือนเพิ่มอีกต่อไปแล้ว!”

เมื่อพวกเขาเห็นว่าเสี่ยวหลัว หมายความอย่างที่เขาพูดจริงๆ พวกคนงานก็สับสนวุ่นวาย พวกเขาไม่คิดเลยว่า ประธานคนใหม่ของพวกเขาที่ดูใจดีและเป็นมิตร จะไร้ความปรานีแบบนี้ แล้วเขากล้าพอที่จะไล่พวกเขาออกทั้งหมดจริงๆ

พวกคนงานต่างรู้สึกกลัวมากในตอนนี้ มันมีที่ไหนกันที่พวกเขาจะหางานที่ดีได้เช่นนี้? หากพวกเขาไม่สามารถทำงานที่นี่ บ้านที่พวกเขากำลังวางแผนที่จะซื้อในไม่กี่ปีข้าง มันก็อาจจะต้องรอไปอีกสิบปี และตอนนี้พวกเขายังสามารถที่จะสร้างครอบครัวได้อยู่อีกไหม?

“อย่าไปกลัว เขาแค่พยายามทำให้พวกเรากลัว ถ้าหากไม่มีพวกเรา พวกเขาจะทำอย่างไร นอกจากนี้การดำเนินงานของ หลัวฝาง ก็อยู่ที่ขอบเหวของการล่มสลายแล้ว มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่ Taste Buds จะกลืนกิน บริษัท นี้ไป” ชายที่มีปากแหลมและแก้มเหมือนลิง พูดอย่างไม่เกรงกลัวเขาต้องการที่จะเอาใจฝูงชน

เสี่ยวหลัวมองไปที่ผู้ชายคนนั้นด้วยรอยยิ้ม หากไม่มีผู้คนจำนวนมากอยู่ที่นี่หละก็ เขาก็คงจะเหยียบชายคนนั้นเหมือนบี้มดตัวหนึ่งไปแล้ว

เสี่ยวหลัวออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ“เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ไล่พวกคนงานที่ถูกไล่ออกพวกนี้ออกไป!”

เหี้ยมโหดและเด็ดขาด!

“ครับท่าน!”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่รักษาความสงบเรียบร้อยก่อนหน้านี้พวกเขาก็รู้สึกไม่พอใจกลุ่มคนเหล่านี้อยู่ก่อนแล้ว พวกเขาคิดว่าคนงานเหล่านี้สร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผล หลังจากได้รับคำสั่งของเสี่ยวหลัว พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ปลดแท่งเหล็กสีดำ และก่อตัวเป็นกำแพงมนุษย์ จากนั้นพวกเขาก็ผลักดันผู้ประท้วงออกจากโรงงานผ่านทางเข้าหลัก ผู้ที่ปฏิเสธความร่วมมือ ก็จะได้รับการต้อนรับด้วยท่อนไม้ในทันที

คนงานมากกว่า 500 คน ต่างก็ตื่นตระหนก นี่ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการขับไล่อย่างแท้จริง

“ฉันไม่ไป! ฉันจะไม่ประท้วงอีกต่อไปแล้ว! มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันยังต้องการที่จะทำงานที่นี่!” เหล่าคนงานต่างตะโกนวิงวอนขอร้อง

แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะรู้ว่าโรงงานของ หลัวฝาง ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีเหมือนเมื่อก่อน แต่การปฏิบัติของพวกเขาต่อคนงานแถวหน้านั้นมันก็ดีมาก ในใจของพวกเขายังคงมีศรัทธาในการดำเนินงานของ หลัวฝาง อยู่โดยไม่รู้ตัว พวกเขาไม่เชื่อว่า บริษัท จะพังทลายลง

“หัวหน้าใหญ่ …”

ลั่วฉี หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนา ต้องการขอร้องให้คนงาน แต่เธอก็ถูกหยุดโดยเสี่ยวหลัว

“ในความคิดของฉัน มีเพียงพนักงานที่ดีและพนักงานที่ไม่ดีเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่พนักงานที่ดี มีคำพูดที่ว่า เมื่อมีไม้กวาดใหม่ ก็ควรที่จะกวาดทำความสะอาด แม้ว่าฉันจะไม่ได้กำจัดทุกคนในวันนี้ แต่ขยะพวกนี้ ยังไงสักวันมันก็ต้องถูกกวาดทิ้งไปอยู่ดี”

คำพูดเหล่านี้ทำให้พนักงานหมดความสิ้นหวังอย่างแน่นอน

“เขาต้องการพยายามทำให้พวกเรากลัว! เขาไม่กล้าที่จะไล่พวกเราทุกคนออกแน่! เขาไม่สามารถรับมือกับผลที่ตามมาได้!”

ชายที่มีปากแหลมและแก้มเหมือนลิงตะโกน แต่ตอนนี้มันไม่มีใครฟังเขาอีกแล้ว!