บทที่ 520 คนทรยศ

บทที่ 520 คนทรยศ

อวี้ฮ่าวหรานคิดในใจว่า การคาดเดาของเขาถูกต้องอย่างแน่นอน

ในไม่ช้า เอกสารมากมายก็ถูกนำเข้ามาและหลี่อิงไห่เริ่มตรวจสอบพวกมันทีละแผ่น ๆ

“ยากที่จะเชื่อ แต่ก็มีปัญหาอยู่จริง ๆ”

หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน เขาก็อ้าปากพูดในที่สุด…

ในขณะเดียวกัน เขาก็อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ที่มีคนกล้าทำอะไรกับเครือฮ่าวหรานอย่างไม่กลัวตาย

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า แล้วหันไปมองชายวัยกลางคน ซึ่งยืนหน้าซีดเผือดอยู่ข้างกาย

“มีอะไรจะพูดอีกไหม?”

“ผม…ผมไม่รู้ว่าทำไม…หลังจากที่เจอปัญหาผมก็ให้ช่างหลายคนไปตรวจสอบอีกครั้ง แต่ก็ไม่เจอปัญหาเลย”

หัวหน้าเสิ่นโต้แย้งขณะที่เหงื่อไหลท่วมหน้าผาก อวี้ฮ่าวหรานยืนจ้องอีกฝ่ายเขม็ง

หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็ต้องประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อพบว่าชายคนนี้ไม่ได้โกหก เขาไม่รู้เรื่องจริง ๆ

หลังจากนั้น เขาจึงนึกถึงพนักงานเก่าทั้งหลายที่อีกฝ่ายพูดถึง

“ช่างเก่า ๆ พวกนั้นอยู่ที่นี่ไหม? ให้พวกเขาออกมาหน่อย”

หลังจากที่เขาออกคำสั่ง หัวหน้าเสิ่นผู้อยากแก้ตัวก็สอดส่องสายตาไปรอบ ๆ แล้วจึงนึกบางสิ่งขึ้นได้

“อีกอย่าง พวกเขาเพิ่งบอกมาว่าจะไปที่สายการผลิต เพื่อตามหาปัญหาและไปที่โรงงานด้วยกัน”

อวี้ฮ่าวหรานอดยิ้มมุมปากไม่ได้

คนที่น่าสงสัยที่สุดจำนวนหนึ่งไปหาคนที่น่าสงสัย ไม่จำเป็นต้องเดาว่าเกิดอะไรขึ้นอีกต่อไปแล้ว

“ประธานอวี้ ผมจะพาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปด้วย”

หวังจวิ้นขมวดคิ้วและเข้าใจปัญหาทันที

“ไม่ต้อง ไปกันเลย”

แล้วอวี้ฮ่าวหรานก็มุ่งหน้าออกไปจากฝ่ายเทคนิค

ก่อนจะจากไป เขาหันไปมองชายหนุ่มเสี่ยวโจวอีกครั้ง

“นายทำได้ดีมาก ไปที่ออฟฟิศฉันด้วย”

เขาตัดสินใจว่าจะเลื่อนขั้นให้ชายหนุ่มคนนี้

หลังจากเหตุการณ์นี้ เขาพบว่าผู้จัดการระดับสูงยังจำเป็นต้องมีบุคลากรด้านเทคนิคมาช่วยดูแลด้วย

ไม่อย่างนั้นหากมีอะไรผิดพลาดไป พวกเขาคงจัดการได้อย่างยากลำบาก

เมื่อทั้งสามจากไป ความเงียบงันก็เข้าปกคลุมฝ่ายเทคนิค แต่ผู้คนบางส่วนก็นึกเรื่องเสี่ยวโจวขึ้นได้ในไม่ช้า “เสี่ยวโจวสุดยอดมาก ฉันไม่รู้มาก่อนเลย”

“เสี่ยวโจว นายมีพรสวรรค์ไม่ใช่เล่นเลยนะ ตอนนี้แม้แต่ท่านประธานก็ชื่นชมนาย คราวนี้นายได้เลื่อนขั้นแน่!”

กระทั่งหัวหน้าเสิ่นก็รีบก้มหัวให้พร้อมคำชม

“เสี่ยวโจว อย่าไปสนใจเลย ก่อนหน้านี้ฉันไม่เข้าใจสถานการณ์เลยพูดกับนายแบบนั้น ฉันไม่คิดว่านายจะเป็นฮีโร่ของฝ่ายเทคนิคแบบนี้”

ขณะที่พูด ใบหน้าของเขาที่เคยดูถูกเหยียดหยามกลับเต็มไปด้วยความเป็นมิตร

“ผม…ผมเจอระหว่างที่เบื่อ ๆ ตอนตรวจสอบน่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก…”

ชายหนุ่มผู้เป็นที่สรรเสริญของทุกคน มีใบหน้าเขินอายเล็กน้อย

ในออฟฟิศของหัวหน้าสายการผลิต

หัวหน้าหนุ่มกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยชัยชนะ

“ฟังผมนะ สบายใจได้ ช่างเทคนิคที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในบริษัทคือพวกคุณ ถ้าทุกคนต่างก็บอกว่าไม่มีปัญหา แล้วใครจะสงสัยล่ะ?”

ตรงหน้าเขาคือชายวัยกลางคน 4 คนที่พยักหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง

“ในที่สุดก็จบแล้ว วันนี้ประธานบริษัทไม่เจออะไรเลย และสุนทรพจน์ที่ฉันเตรียมไว้ตั้งนานก็เปล่าประโยชน์”

“คนธรรมดาแค่คนเดียวจะทำอะไรได้? เขายังมองเห็นปัญหาได้ไหมนะ?”

“ฮ่า ๆ ถ้าอย่างนั้น ฉันหวังว่าพวกเราจะได้ร่วมมือกันอีกคราวหน้า!”

“…”

พวกเขาพูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุข หนำซ้ำ พวกเขาล้วนมั่นใจในอนาคตที่จะมาถึงเป็นอย่างมาก

แต่ตอนนั้นเอง ประตูออฟฟิศก็กระเด็นเปิดออกในทันใด!

ปัง!

เสียงดังลั่นนั้น พลันทำให้พวกเขาตกตะลึง

หัวหน้าโรงงานตะโกนลั่น แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าแท้จริงแล้วคนที่มาคือประธานบริษัท!

เขาอดรู้สึกไม่ดีอยู่ในใจไม่ได้

พวกเขามารวมตัวกันที่นี่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ดูน่าสงสัย เขาจึงรีบอธิบายทันทีที่นึกขึ้นได้

“ประธานอวี้ มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ? คนพวกนี้คือพนักงานเก่าจากฝ่ายเทคนิค ช่วงที่ผ่านมามีปัญหากับสายการผลิต ผมเลยเรียกพวกเขามาปรึกษา”

“ปรึกษาเหรอ? ฮะ ๆ คิดว่าพวกเราโง่หรือไง?”

เมื่อหวังจวิ้นได้ยินดังนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่ถูกหลอกเหมือนกับคนโง่

“หา? คุณหวังพูดถึงอะไรเหรอ? ทำไมผม…”

“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง ฉันตรวจสอบความผิดปกติทั้งหมดในฝ่ายเทคนิคแล้ว!”

หวังจวิ้นกล่าวอย่างเยือกเย็น

อวี้ฮ่าวหรานเดินไปด้านข้าง ก่อนจะนั่งลงขณะที่จ้องมองพนักงานเก่าฝ่ายเทคนิคทั้งหลาย

“พวกนายคงนั่งจิบชาคุยกันสบายใจอยู่ที่นี่สินะ”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น พนักงานเก่าทั้งสี่ก็รู้สึกราวกับว่า ตนนั่งอยู่บนเข็มแหลมจนเหงื่อท่วมหน้าผาก

“กลัวเหรอ? รู้ไหมว่าการทำแบบนี้ผิดกฎหมาย และผลการตัดสินก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องด้วย?”

อวี้ฮ่าวหรานชำเลืองมองคนเหล่านั้น แล้วกล่าวอย่างประชดประชัน

“ผม…พวกเรา…”

หนึ่งในพวกเขาตัวสั่นเทิ้มและเริ่มพึมพำ แต่หัวหน้าโรงงานยังคงตีหน้าซื่อ

“ท่านประธานพูดอะไรกัน? ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด”

ตอนนั้นเอง พนักงานเก่าคนหนึ่งก็ขวัญผวาอย่างหนัก

ฟุ่บ!

เขาทรุดตัวลงนั่งทับเข่า

“ประธานอวี้ ประธานอวี้…ครั้งนี้ยกโทษให้ผมเถอะ เขาเป็นคนผิด! ทั้งหมดเป็นความผิดของหลัวจวินที่หลอกล่อและข่มขู่ผมให้ทำ ผมไม่ได้อยากทำ…”

คำขอร้องพลันดังกึกก้องไปทั่วทั้งออฟฟิศ

และเขาชี้นิ้วไปที่หัวหน้าโรงงาน ผู้ยังต้องการที่จะโต้เถียงอย่างชัดเจน

“ไอ้เวร!”

หัวหน้าโรงงานนามว่าหลัวจวิน หัวเสียทันทีที่ได้ยินดังนั้น

เป็นสมาชิกที่แย่อะไรอย่างนี้

จบกัน! ยังไม่ทันมีใครพูดอะไร ตาแก่คนนี้ก็กระโดดออกไปอธิบายซะงั้น

อวี้ฮ่าวหรานมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าขบขันและเลิกคิ้วขึ้น

“มีอะไรจะพูดอีกไหม?”

ชายคนนี้ปิดบังทุกสิ่งเป็นอย่างดี เขาไม่เคยสังเกตเห็นอะไรน่าสงสัยในตัวอีกฝ่ายมาก่อนเลย

“หึ! ไม่ชนะก็แพ้! จะมีอะไรได้อีกล่ะ!”

หัวหน้าโรงงานหลัวจวินกล่าวอย่างโกรธแค้น และไม่มีความเกรงกลัวอยู่บนใบหน้าแม้แต่น้อย

“อย่ามั่นใจมากนักเลย! แกสู้ฉันไม่ได้หรอก!”

แคว่ก!

เสื้อของหลัวจวินพลันขาดออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อภายในที่ปะทุออกมา!

แท้จริงแล้วเขาเป็นผู้ฝึกกำลังภายใน!

อวี้ฮ่าวหรานประหลาดใจเล็กน้อย แต่มันก็เป็นแค่อุบัติเหตุนิดหน่อยเท่านั้น

“คิดจะหนีเหรอ?”

ที่มุมปากของเขามีรอยยิ้มเล็กน้อย

“ฮะ ๆ แกจะหยุดฉันได้เหรอ? ถ้าฉันจะฆ่าแกก็ไม่มีใครช่วยได้ทั้งนั้น!”

ใบหน้าของหลัวจวินเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง มันเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก แต่ก็ยังมีความสงสัยปะปนอยู่

“แกรู้ได้ยังไง? ฉันปกปิดได้ดีแล้วแท้ ๆ!”

เขามั่นใจยิ่งนักว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบ

อวี้ฮ่าวหรานยังคงนิ่งเฉย เขาดูไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย

“แกลืมไปแล้วเหรอว่าเคยเจอหลี่จิงเทียนมาก่อน?”

เขากล่าวด้วยท่าทีนิ่งเฉย ประโยคนี้เองที่ทำให้ใบหน้าของหลัวจวินบิดเบี้ยวไปทันที