บทที่ 521 หน้าหลุมศพ

บทที่ 521 หน้าหลุมศพ

“ฮะ! เพราะไอ้ขยะนั่นอย่างนั้นหรอกเหรอฦ! น่าจะฆ่ามันไปตั้งแต่แรก! น่าเสียดายจริง ๆ!!”

หลัวจวินผู้รู้ถึงสาเหตุของเหตุการณ์นั้นดูไม่สบอารมณ์อย่างถึงที่สุด

เขาไม่คิดเลยว่าบุคคลที่ธรรมดาสุด ๆ จะเป็นผู้ทำลายแผนการใหญ่ในครั้งนี้จริง ๆ!

และเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาพลันเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม

หลัวจวินค่อย ๆ หยิบสายรัดออกมาจากลิ้นชักและสวมเข้าที่มือ

“ฮึ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว! แกรู้แล้วยังไงล่ะ? ถ้าฉันฆ่าพวกแกตอนนี้ เครือฮ่าวหรานจบเห่แน่!”

ความเย็นยะเยือกทำให้หวังจวิ้นและหลี่อิงไห่ต้องถอยไปครึ่งก้าว แต่อวี้ฮ่าวหรานกลับมองภาพตรงหน้าราวกับเป็นเรื่องตลก

“ฆ่าฉัน? ฮ่า ๆๆ!!”

เขาหัวเราะเย้นหยัน ก่อนจะนอนลงบนโซฟาอย่างเกียจคร้าน ท่าทางเช่นนี้ดูเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด

และนั่นไม่ได้ทำให้ท่าทีของหลัวจวินผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย

“ฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้แหละ!”

เขาไม่ลังเลอีกต่อไป ส่งเสียงแผดเสียงลั่นก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะแล้วปล่อยหมัดไปทางโซฟา!

เมื่อเห็นดังนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อย พลังจิตวิญญาณไหลเวียนไปทั่วทั้งฝ่ามือ

“เฮอะ! รนหาที่ตาย!”

หลัวจวินพ่นลมหายใจแรงเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย ตอนนี้เขาอยากจะเห็นภาพที่หมัดของตัวเองหักคอศัตรูแล้วด้วยซ้ำ!

แต่ตอนที่หมัดกำลังจะโดนอวี้ฮ่าวหรานนั่นเอง เขาก็เห็นว่ามือของตัวเองสั่นไหวเล็กน้อยขึ้นมาในทันใด!

ปัง!

หลัวจวินสัมผัสได้ถึงพลังงานไร้ที่สิ้นสุดที่พวยพุ่งเข้ามาในชั่ววินาที!

ทั้งร่างกายของเขาลอยออกไปพร้อมกับระเบิดรุนแรงและกระแทกเข้ากับกำแพง

อั่ก!

เลือดมากมายพุ่งออกจากปากของเขา หลังจากนั้นเขาก็ได้แต่มองดูชายหนุ่มบนโซฟาด้วยความหวาดผวา

“แก…! แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง…?!”

ด้วยการยกมือเพียงครั้งเดียวก็ปลดปล่อยพลังเช่นนี้ได้ อีกฝ่ายต้องอยู่ในขั้นที่หยั่งไม่ถึงอย่างแน่นอน!

ไร้สาระจริง ๆ ที่คิดว่ามีโอกาสชนะ…

เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาทันที

เขาสามารถสังหารผู้ฝึกกำลังภายในระดับสูงสุดได้อย่างง่ายดาย และผู้ฝึกกำลังภายในตรงหน้าเขานั้นก็ไม่ต่างไปจากเด็กทารก

แต่เขาไม่รู้ว่าในหัวใจของหลัวจวินเป็นเหมือนกับพายุท่ามกลางมหาสมุทรที่ไม่อาจสงบลงได้แม้แต่น้อย

ประธานบริษัทที่มีตำแหน่งสูงส่งและพละกำลังมหาศาลเช่นนี้ไม่ให้โอกาสคนได้เอาชีวิตรอดเลยสักนิด!

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หลี่อิงไห่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

เขาคิดว่าจะได้เห็นภาพนี้ตั้งนานแล้ว เพราะพละกำลังของอวี้ฮ่าวหรานไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะเข้าใจได้

เพราะเขา กลุ่มค้าขายอังกฤษถูกควบรวมและอีก 2 แก๊งใหญ่ก็ถูกทำลาย!

ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อดยิ้มอย่างขมขื่นไม่ได้

ฉันต้องโง่ขนาดไหนกันถึงเชื่อว่าอีกฝ่ายเป็นลูกเขยที่ไม่ดี!!

พนักงานเก่าของฝ่ายเทคนิคคุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา พร้อมยินดีที่จะให้ปากคำและเปิดเผยข้อมูล

ในไม่ช้า ผู้คนมากกว่าสิบคนในบริษัทก็ถูกเลือกมา แต่เมื่อถามถึงผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังเขา หลัวจวินก็ปิดปากเงียบ

เรื่องนี้เข้าใจได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น

สุดท้ายอวี้ฮ่าวหรานเลื่อนขั้นให้เสี่ยวโจวเป็นรองหัวหน้าฝ่ายเทคนิค และฝากให้หวังจวินฝึกฝนเขาเพิ่มเติม เมื่อเขาคุ้นเคยมากขึ้นแล้วก็จะได้รับตำแหน่งหัวหน้าแผนกต่อไป

ในขณะเดียวกัน บนเนินเขาของแถบชานเมืองฮ่วยอัน

เนินเขาใกล้เมืองมีทิวทัศน์สวยงามอย่างถึงที่สุด

สถานที่แห่งนี้ควรจะกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จนถึงตอนนี้

“คุณเหอคนนั้นได้พูดอะไรไหม?”

ในศาลาบนยอดเขา หวังเหยียนเอ่ยถามขึ้นในทันใด ถัดจากเขาคือ โจวเฟยหู่ ผู้หน้าตาหม่นหมอง

“เดี๋ยวแก๊งของเขาจะทำให้รู้เอง”

“ผมรู้ว่ามันเป็นแก๊งที่ทรงพลังมาก”

“เป็นพวกเขานั่นแหละ คุณเหอคนนี้คือคนของพวกนั้นที่ต้องการจะเข้ามาแทรกแซงตอนนี้”

“นั่นสำคัญมาก”

หวังเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่ามันจะหนักหนาถึงเพียงนี้

“แก๊งใหญ่ขนาดนั้นเข้ามาเกี่ยวพัน ถ้าไม่มีพี่อวี้พวกเราจบแน่ ไม่มีทางชนะได้เลย”

โจวเฟยหู่อดถอนหายใจไม่ได้

เมืองฮ่วยอันอยู่ใกล้กับเมืองหลวง และพวกเขาก็สนใจกลุ่มแก๊งที่นั่นอยู่แล้ว

ยิ่งเข้าใจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น

ในฐานะเมืองหลวงที่พัฒนาแล้ว เป็นระยะเวลากว่าหนึ่งศตวรรษที่เมืองเซี่ยงไฮ้มีแก๊งใต้ดินจำนวนมาก และแก๊งขนาดใหญ่ที่รุ่งเรืองขึ้นมาได้นั้นคือ สัตว์ประหลาดสำหรับแก๊งเฟยหู่อย่างไม่ต้องสงสัย

“แต่ไม่ต้องห่วง ฉันคิดว่ามือของเจ้าพวกนี้ไม่ได้ยื่นมานี่เร็วนักหรอก ส่วนเราก็ไปรวบรวมแก๊งใต้ดินในเมืองฮ่วยอันกันเถอะ บางทีพวกเราอาจจะยังต้านอีกฝ่ายต่อไปได้อีกหน่อย”

โจวเฟยหู่กล่าวอย่างเรียบง่าย ใบมีดของอาบด้วยเลือดเสมอ เพราะงั้นจึงไม่ได้หวาดกลัวเรื่องนี้แม้แต่น้อย

“ยังไงพวกเขาก็เป็นแค่แก๊งต่างแดน”

หวังเหยียนเองก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนในทันใด

“ไปกันเถอะ ไปหาน้องสาวผมกัน”

“ฮะ ๆ ฉันก็ดูแลนายมาตั้งหลายปีแล้วนะ นี่ยังไม่กล้าไปคนเดียวอีกเหรอ”

โจวเฟยหู่หัวเราะ

“ไม่กล้าหรอก”

หวังเหยียนมองไกลออกไปและกล่าวด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม

หลังจากผ่านไปสักพัก ทั้งสองก็มาถึงยังหลุมศพบนยอดเขา

“ฉันมาหาเธอ”

ตรงหน้าหลุมศพ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งสั่นสะท้านเล็กน้อย

บรรยากาศโดยรอบดูหมองหม่นเล็กน้อย โจวเฟยหู่รออยู่ไกลออกไป เขาผู้ห้าวหาญมานานไม่มีอะไรจะพูดในตอนนี้

หลังจากที่หวังเหยียนพูดจบ เขาก็ไม่สนใจเศษดินและนั่งลงบนพื้น

“ตอนนั้นเธอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ฉันช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด เธอรู้ไหมว่าฉันเกลียดตัวเองขนาดไหน? หลังจากนั้น ตอนที่เดินออกมาจากบริเวณภูเขา ฉันเดินแบกเธอไว้บนหลังตั้งนาน และใช้เวลานานเลยละก่อนจะเชื่อว่าเธอจากไป…”

เหล้าหนึ่งขวดกับคนหนึ่งคน…

เขาพึมพำกับตัวเองอยู่ตรงหน้าหลุมศพอยู่เป็นเวลานาน ตอนนี้เขาไม่ใช่ขยะขององค์กรอย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว

ปัญหาของเครือฮ่าวหรานถูกแก้ไขอย่างรวดเร็ว ด้วยความช่วยเหลือของพนักงานเก่าหลายคน ข้อมูลที่ผิดปกติทั้งหมดถูกแก้ไขภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง

หลังจากทำการทดสอบแล้ว ทุกอย่างก็กลับไปสู่สภาวะปกติ

อวี้ฮ่าวหรานมองดูโดยรอบและออกจากบริษัทไปตอนบ่าย 3 โมงครึ่งเพื่อไปรับเด็กน้อยที่โรงเรียน

วันนี้เด็กหญิงตัวเล็กดูจะกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก

“พ่อจ๋า กลับบ้านไปหาเจ้าลูกกวาดกันเถอะ!”

หลังจากการรักษาเมื่อวาน หนูน้อยก็เป็นห่วงสัตว์เลี้ยงของตนเป็นอย่างมาก

หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน หลี่หรงยังไม่กลับมา เพื่อให้ลูกสาวมั่นใจ อวี้ฮ่าวหรานจึงพาเจ้าลูกกวาดกลับมาที่โรงพยาบาลสัตว์อีกครั้ง

“ฮะ ๆ คุณกลับมาที่นี่อีกแล้ว คุณบอกว่ารักษามันได้ไม่เหรอ?”

ผู้จัดการร้านหัวโล้นอดเชิดหน้าไม่ได้เมื่อเห็นอีกฝ่ายมา

“ผมบอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เล่น ๆ โดยเฉพาะกับลูกหมา ถ้าไม่แข็งแรงมันอาจจะตายเลยก็ได้ คุณไม่รู้เรื่องสักนิด”

“ไม่! คุณพ่อรักษาเจ้าลูกกวาดแล้ว!”

ถวนถวนตะโกนลั่นทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น

“รักษาเหรอ? คุณพ่อของหนูโกหกแล้ว!”

ผู้จัดการร้านกล่าวด้วยความดูถูก นั่นมันเนื้องอกนะ! จะรักษาโดยไม่ใช้การผ่าตัดหรือเคมีบำบัดได้ยังไง?!

อวี้ฮ่าวหรานไม่ใส่ใจอีกฝ่าย เขามาที่นี่วันนี้เพียงเพื่อให้ลูกสาวสบายใจเท่านั้น

“ช่วยเอ็กซเรย์เจ้าลูกกวาดให้หน่อยนะครับ”

เขาส่งเจ้าลูกกวาดให้กับสัตวแพทย์สาวข้าง ๆ