บทที่ 522 พ่อหนูสุดยอด

บทที่ 522 พ่อหนูสุดยอด

เมื่อเห็นอวี้ฮ่าวหรานส่งลูกหมาตัวน้อยให้ คุณหมอก็เผยยิ้มกว้าง

“โอเคค่ะ ฉันจะไปจัดการให้”

เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยให้กับผู้จัดการไม่ได้

ถึงแม้ลูกค้าจะไม่ต้องการการรักษา เขาก็ไม่ควรทำตัวแบบนี้

แต่ผู้จัดการร้านหัวล้านยังคงทำท่ายืดอกเหมือนตนถูกอยู่อย่างนั้น

“ผมใจดีต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมไม่เคยเห็นใครไร้ความรับผิดชอบเท่าคุณมาก่อน รีบเตรียมการผ่าตัดเลย!”

เมื่อได้ยินดังนั้น ถวนถวนก็เริ่มรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย

“คุณพ่อ…รักษาเจ้าลูกกวาดแล้วใช่ไหม?”

“แน่นอน!”

อวี้ฮ่าวหรานปลอบลูกสาวอย่างอ่อนโยน

ตอนนั้นเอง สัตวแพทย์หญิงก็อุ้มเจ้าลูกกวาดขึ้นมาและสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งแปลกไปในไม่ช้า

“ฮะ? จับไม่เจอก้อนในท้องของเจ้าลูกกวาดแล้ว”

เธอจับมันอย่างระมัดระวังแล้วก็อดประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้ จากนั้นเธอก็หันไปมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความอัศจรรย์ใจ

หรือว่าผู้ชายคนนี้จะทำได้จริง ๆ?

ในไม่ช้าก็ภาพเอ็กซเรย์ก็ออกมา

ผู้จัดการร้านหัวล้านถือแผ่นฟิล์มไว้ในมือ

“เห็นที่ผมพูดถึงหรือยัง? เห็นไหม…นี่…”

เขาเคยมีความภาคภูมิใจอยู่บนใบหน้า แต่ตอนนี้กลับเบิกตากว้างและจ้องมองแผ่นฟิล์มในมืออย่างโง่งม

“ไม่…! เป็นไปได้ยังไง?!”

ไม่ว่าจะมองยังไงส่วนที่เคยเป็นเนื้องอกก็หายไปจนหมดสิ้น

“คุณ…เปลี่ยนหมาเหรอ??”

“ผู้จัดการคะ!”

เมื่อสัตวแพทย์ผู้งดงามได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็อุทานลั่นทันที

ในฐานะสัตวแพทย์ ทั้งสองสามารถระบุได้ว่านี่คือสุนัขตัวเดียวกัน

“ใช่แล้ว…มันแค่…เนื้องอกถูกรักษาง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน?”

หลังจากที่ผู้จัดการร้านหัวล้านเห็นดังนั้น ดวงตาของเขาก็ยังคงเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อสายตา

นี่มันเหนือไปกว่าจินตนาการของเขามาก

ถวนถวนพลันตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

“ฮิ ๆ คุณพ่อของหนูสุดยอด!”

เธอกอดเจ้าลูกกวาดไว้ในอ้อมแขนพร้อมกล่าวอย่างมีความสุข

เมื่อเห็นลูกสาวดีใจ ความหงุดหงิดของอวี้ฮ่าวหรานก็หายไปทันที

“ไปเถอะ กลับบ้านกัน”

“เดี๋ยวก่อน! คุณหมออัจฉริยะ กลับมาคุยกันก่อน!”

หลังจากที่ยืนยันสิ่งมหัศจรรย์นี้แล้ว ผู้จัดการหัวล้านก็รีบเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว

การรักษาเนื้องอกในสัตว์ชั่วข้ามคืนนั้นเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ทีเดียว!

ถ้าเขาเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ก็จะต้องมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน

“ฮ่า ๆ”

อวี้ฮ่าวหรานแค่หัวเราะและจากไป เขาไม่อยากคุยกับชายน่ารังเกียจคนนี้

คืนนั้นระหว่างทานอาหารเย็น ถวนถวนดูตื่นเต้นถึงขีดสุด

“คุณน้า คุณพ่อรักษาเนื้องอกของเจ้าลูกกวาดได้จริง ๆ! คุณพ่อเก่งเกินไปแล้ว!”

หลี่หรงตกตะลึงเมื่อได้ยินดังนั้น

“พี่เขยเก่งจริง ๆ!”

ตอนแรกเธอยังลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เชื่อว่าพี่เขยของตัวเองมหัศจรรย์จริง ๆ

“อะแฮ่ม ก็แค่บังเอิญน่ะ แค่บังเอิญ…”

อวี้ฮ่าวหรานกระแอมไอ เขารู้สึกราวกับว่าถูกน้องสะใภ้มองเป็นเทพเจ้า…

ถึงเขาจะเคยเป็นเทพเจ้าจริง ๆ ก็เถอะ

คืนนั้นเป็นคืนที่เงียบสงัด

วันถัดมา ถวนถวนใช้เวลาทั้งวันที่โรงเรียนอนุบาลไปกับการอวดเรื่องเจ้าลูกกวาดให้เพื่อน ๆ ฟัง

คุณครูหวังผู้เป็นครูประจำชั้นไม่ค่อยจะเชื่อนักและแค่ฟังเรื่องเล่าเฉย ๆ

“คุณพ่อใช้มือแตะมันไม่กี่นาทีตอนกลับมาถึงบ้าน แล้ว…แล้วอยู่ ๆ เจ้าลูกกวาดก็ร้อง…”

ระหว่างเรียน พวกเด็ก ๆ พากันกระโดดโลดเต้น และถวนถวนก็เล่าให้เพื่อน ๆ ฟังว่าพ่อของเธอเก่งแค่ไหน

เด็ก ๆ ล้อมรอบเป็นวงกลม ฟังกันอย่างอิจฉาตาร้อน

แต่ตอนนั้นเอง เด็กชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น

“ถวนถวน พ่อเธอรักษาเนื้องอกนั่น…ได้จริง ๆ เหรอ?”

ถวนถวนหันไปมองทันทีที่ได้ยิน และพยักหน้าอย่างมีความสุขเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนรักของตัวเอง

“ตงตง! พ่อฉันเก่งมาก! คุณพ่อเก่งที่สุดในโลกเลย”

ตอนนั้นเอง เด็กชายตัวน้อยตงตงก็มีมีความหวังขึ้นมาในดวงตาทันที

“แล้ว…แล้วให้พ่อเธอมาช่วยแม่ของฉันได้ไหม?”

เขาพึมพำราวกับว่ากำลังพูดสิ่งที่น่ากลัวอย่างถึงที่สุด

“แม่ของฉันก็ไม่สบายเหมือนกัน คุณหมอบอกว่าแม่กำลังจะจากฉันไป…”

ถวนถวนอดตกตะลึงไม่ได้เมื่อได้ยินดังนั้น แล้วจึงคว้ามือของอีกฝ่ายมาด้วยความเห็นใจ

“แน่นอนสิ ใครกันล่ะที่ทำให้เราเป็นเพื่อนกัน! พ่อของฉันสุดยอด”

“อื้อ! รักถวนถวนที่สุดเลย!”

เมื่อได้ยินดังนั้นตงตงก็พยักหน้าด้วยความตื่นเต้น

ตอนนั้นเอง คุณครูหวังดูตกตะลึงเล็กน้อย และรู้สึกว่าครั้งนี้ไม่อาจปล่อยให้ถวนถวนพูดจาเพ้อเจ้อไปทั่วได้

เธอรู้ดีถึงสถานการณ์ในครอบครัวของตงตง แม่ของเขาถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารเมื่อหนึ่งเดือนก่อน

เซลล์มะเร็งแพร่กระจายออกไป และโรงพยาบาลก็ไม่สามารถรักษาได้

ช่วงนี้เธอเลยค่อนข้างเอาใจใส่ตงตงเป็นพิเศษ

“ตงตงอย่าไปฟังถวนถวนเลย เธอพูดเล่นน่ะ ไม่ต้องเก็บมาคิดมากหรอกนะ”

คุณครูหวังรีบกอดตงตงไว้แน่น

สิ่งที่ทำร้ายจิตใจของใครสักคนมากที่สุดคือ การได้รับความหวังแล้วทำให้เขาต้องผิดหวัง

เด็ก ๆ ก็เหมือนกัน

แค่ถวนถวนพูดถึงความภาคภูมิใจในตัวพ่อ ก็อาจส่งผลกระทบต่อตงตงได้

“ไม่! หนูไม่ได้ล้อเล่น!”

ถวนถวนตะโกนลั่นทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น

“ถวนถวน! กลับไปนั่งที่!”

คุณครูหวังรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาและทำหน้าบึ้งทันที เด็กคนนี้ไม่รู้ความขนาดนี้ได้ยังไง?

อีกคนน่าสงสารมากพออยู่แล้วแท้ ๆ

“ครู…”

น้ำเสียงของคุณครูหวังดูไม่สบายใจนัก ปากเล็ก ๆ ของถวนถวนยังไม่หยุดนิ่ง และเริ่มมีน้ำตาออกมาจากดวงตากลมโตของเธอ

ถ้าสิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องจริง แล้วทำไมคุณครูถึงไม่เชื่อล่ะ?

“หนูพูดความจริงนะ!”

“ไร้สาระ กลับไปนั่งที่ได้แล้ว!”

คุณครูหวังพูดเสียงดังลั่น เมื่อเด็ก ๆ รอบข้างเห็นดังนั้นก็เข้าใจอะไรบางอย่างทันที

“ถวนถวนต้องกุเรื่องแน่ ๆ คุณครูหวังเลยโกรธ”

“ต้องใช่แน่ ฉันได้ยินแม่บอกว่าโรคมะเร็งรักษายากมาก งั้นถวนถวนก็โกหกน่ะสิ”

“น่าอายจริง ๆ ถวนถวนพูดโกหก…”

“…”

เด็ก ๆ ทุกคนปิดปากเงียบ

ถวนถวนได้ยินคำพูดเหล่านั้น น้ำตาก็พรั่งพรูออกมาจากดวงตากลมโตคู่นั้นในที่สุด

“ฮือออ!! ถวนถวนไม่ได้โกหกนะ…คุณพ่อเก่งมากแล้วก็รักษาเนื้องอกได้จริง ๆ… ฮือออ…”

เมื่อคุณครูหวังเห็นดังนั้นก็อดรู้สึกเสียใจเล็กน้อยไม่ได้ แต่น้ำเสียงของเธอก็ยังคงหนักแน่น

เธอได้ยินมาว่าพ่อของถวนถวนเป็นผู้ถือหุ้นของโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้!

“อะแฮ่ม…เอ่อ ถวนถวน ครูแค่คิดว่าเด็กที่โกหกเป็นเด็กไม่ดี แต่ถวนถวนยังเป็นเด็กดีนะ”

เธอรีบปลอบเด็กสาวตัวน้อย

เธอแค่ไม่อยากให้เด็กคนไหนต้องร้องไห้อีก

“ฮือ ๆ พ่อของถวนถวนรักษาเนื้องอกได้…จริง ๆ นะ…ถวนถวนไม่ได้โกหก…”

คุณครูหวังรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที นี่มันไม่ดีเลยสักนิด…

“ฮะ? เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถวนถวนถึงร้องไห้ล่ะ?”

ตอนนั้นเอง สวี่รุ่ยพลันเดินเข้ามาเห็นเด็กสาวตัวน้อยร้องไห้และอดสงสารไม่ได้

เธอรีบคว้าเด็กน้อยมากอดไว้ในอ้อมแขน

“ครู…ครูหวังบอกว่าถวนถวนโกหก…ฮือ ๆถวนถวนไม่ได้โกหกนะ…!”

เด็กน้อยเศร้าเสียใจอย่างหนักอยู่ในอ้อมกอดของเธอ