บทที่ 523 เยี่ยมเยียน

บทที่ 523 เยี่ยมเยียน

สวี่รุ่ยที่ไม่อยากจะเชื่อคำพูดของถวนถวนพลันตะลึงงันไปเล็กน้อย

“คุณหวังคะ มีอะไรเหรอ?”

เธอพึ่งจะมาถึงโรงเรียนและยังไม่เข้าใจสถานการณ์นัก

คุณครูหวังจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

สวี่รุ่ยพยักหน้าเมื่อฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นและไม่อาจโทษอีกฝ่ายได้

เธอเข้าใจสถานการณ์ของตงตงดีแต่ก็ไม่อยากให้เด็ก ๆ ร้องไห้เสียยิ่งกว่า

“อย่าร้องไห้เลยถวนถวน ช่างมันเถอะ พอเลิกเรียนแล้วไปเยี่ยมคุณแม่ของตงตงกันเถอะ โอเคไหม?”

“อื้อ…หนูไม่ได้โกหก…”

เด็กสาวตัวน้อยในอ้อมแขนพยักหน้าทั้งน้ำตา

“ครูสวี่รู้ว่าถวนถวนใจดี”

แม้สวี่รุ่ยจะรู้ว่าอวี้ฮ่าวหรานทรงพลังมาก แต่เมื่อพูดถึงโรคมะเร็งก็ยากที่จะเชื่อว่าเขาสามารถรักษามันได้

อย่างไรแล้วมันก็เป็นโรคระยะสุดท้ายสำหรับคนทั่วไป

แต่เธอก็ยังไม่พูดถึงเรื่องจริงเท็จและปลอบเด็กสาวให้ใจเย็นลงก่อน

“ถวนถวนลองคิดดูว่าพวกเราจะเอาอะไรไปเยี่ยมพ่อแม่ของตงตง หลังเลิกเรียนดี”

สวี่รุ่ยดึงความสนใจของเด็กน้อยไปที่เรื่องอื่นอย่างมืออาชีพ

ถวนถวนหยุดร้องไห้และเริ่มคิดจริง ๆ

ตงตงคือหนึ่งในเพื่อนสนิทที่โรงเรียน เธอจึงเอาใจใส่เขาเป็นพิเศษ

“อือ… ถวนถวนอยากซื้อผลไม้…แล้วก็…แล้วก็ดอกไม้…”

ถึงจะยังสะอึกสะอื้นอยู่บ้าง เธอก็พยายามจำรายการสิ่งของต่าง ๆ อย่างหนัก

เมื่อเห็นดังนั้นคุณครูหวังก็แอบยกนิ้วให้ทันที

อย่างไรแล้วคุณครูสาวคนนี้ก็มีความสามารถมากกว่า ถ้ามีเธอแค่คนเดียวคงต้องปวดหัวแน่

หลังจากผ่านไปสักพักที่ห้องพักครู

“สวี่รุ่ย ขอบคุณเมื่อกี้นี้มาก ไม่อย่างนั้นตอนที่ถวนถวนเริ่มร้องไห้ฉันคงทำอะไรไม่ถูกจริง ๆ”

คุณครูหวังปาดเหงื่อบนหน้าผากและกล่าว

สวี่รุ่ยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหยิบส้มลูกหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก และยื่นมันให้กับอีกฝ่าย

“ถวนถวนเป็นเด็กดีมาก เธอเก่งกว่าเด็กทั่ว ๆ ไปซะอีก แต่ดู ๆ แล้ว ฉันคิดว่าบางครั้งเธอก็อ่อนไหวมากเหมือนกัน”

“ก็จริง เด็กคนนั้นฉลาดกว่าเด็กคนอื่นมากตั้งแต่เห็นแวบแรก พอเด็ก ๆ คนอื่นร้องไห้ เธอก็ยังรู้ว่าจะต้องปลอบพวกเขายังไง”

คุณครูหวังพยักหน้าเห็นด้วย เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวคนนี้ทำให้เธอประทับใจมาก แต่เหตุการณ์ในวันนี้ยังคงทำให้เธอขมวดคิ้วแน่น

‘ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ถวนถวนควรจะรู้เรื่องครอบครัวของตงตง แต่ก็ยังพูดว่าพ่อของตัวเองสามารถรักษามะเร็งได้ และยืนยันกับตงตงว่าเป็นเรื่องจริง นี่ไร้สาระชัด ๆ เลยไม่ใช่หรือไง?’

เด็กนั้นเปราะบางเป็นที่สุด ถ้าตงตงเชื่อเธอจริง เขาจะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าเก่าในตอนท้าย

เมื่อคิดได้ดังนั้น คุณครูหวังก็ปอกเปลือกส้มด้วยความลำบากใจ

“ฉันหวังว่าถวนถวนจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกนะ”

สวี่รุ่ยขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินดังนั้น เชื่อว่าถวนถวนไม่ได้พูดจาไร้สาระ และเหตุผลที่เธอพูดแบบนั้น จะต้องเป็นเพราะสิ่งที่อวี้ฮ่าวหรานทำแน่ ๆ

อย่างไรแล้ว เธอก็รู้จักเด็กสาวผู้อ่อนโยนคนนี้เป็นอย่างดี ตั้งแต่รู้จักเธอเมื่อนานมาแล้ว

“อันที่จริง ฉันคิดว่าถวนถวนเองก็ใจดี ยังไงตงตงก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอมาตลอด”

ทั้งสองถกเถียงกันไปมาแต่ก็คิดเหตุผลไม่ออก สวี่รุ่ยตัดสินใจปรึกษาอวี้ฮ่าวหรานในที่สุด

“อืม ไม่ต้องห่วงหรอกครูหวัง ตอนไปเยี่ยมผู้ปกครองของตงตง ฉันจะถามพ่อของถวนถวนให้”

“อือ แบบนั้นคงดีที่สุดแล้ว ตอนนี้เขาเป็นผู้ถือหุ้นของโรงเรียน ผอ. โรงเรียนต้องเอาอกเอาใจเขาและจะทำให้เขาไม่พอใจไม่ได้”

เมื่อคุณครูหวังได้ยินดังนั้น คิ้วก็ผ่อนคลายลงทันที

เวลาล่วงมาถึงสี่โมงเย็นในไม่ช้า อวี้ฮ่าวหรานยืนรออยู่ที่ประตูโรงเรียนอนุบาลอย่างตรงเวลา

หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็เห็นสวี่รุ่ยเดินนำถวนถวนออกมาจากประตูโรงเรียน

“คุณพ่อ! ไปเยี่ยมคุณแม่ของตงตงกับหนูนะคะ”

เด็กสาวตัวน้อยตะโกนลั่นด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นพ่อของตน

“หือ?”

อวี้ฮ่าวหรานงงเล็กน้อยเมื่อได้ยินดังนั้น

เมื่อเห็นดังนั้น สวี่รุ่ยก็รีบอธิบายทันที

“คือว่าเรื่องนั้น คุณแม่ของตงตงไม่สบายและพวกเราจะไปเยี่ยมกันค่ะ ถวนถวนก็จะไปด้วย เธอตั้งหน้าตั้งตารอเลยละ”

เมื่อบ่ายวันนี้เธอพูดกับเด็กสาว ตอนที่ปลอบใจไว้ดิบดีและไม่อาจผิดสัญญาได้

“งั้นก็ไปกันเถอะ ผมไปได้อยู่แล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ออกความเห็นอะไร

เพราะรู้ว่าตงตงเองก็เป็นเพื่อนสนิทแค่ไม่กี่คนในโรงเรียนของถวนถวนมาตลอด

สวี่รุ่ยจำตอนที่ไปบ้านของพวกเขาคราวก่อนและเจอกับเจ้าลูกกวาดได้

“คุณพ่อคนเก่ง! พ่อต้องรักษาโรคของแม่ตงตงได้แน่ ๆ ถวนถวนรักคุณพ่อที่สุดเลย”

เด็กตัวน้อยแผดเสียงลั่นอย่างมีความสุขเมื่อได้ยินดังนั้น

ในความคิดของเธอ ตราบใดที่พ่อของเธอไปด้วย ก็ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้

“รักษาเหรอ? เอ่อ…ไม่มีปัญหา พ่อรักษาได้!”

อวี้ฮ่าวหรานงุนงงเล็กน้อย และไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนแรก แต่เมื่อเห็นว่าลูกสาวยิ้มสดใส เขาก็ตอบตกลงทันที

สวี่รุ่ยอดตกตะลึงไม่ได้เมื่อได้ยินดังนั้น

หลังจากนั้นเธอก็รีบดึงชายตรงหน้ามาข้างกาย

“แม่ของตงตงเพิ่งจะถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย อย่าพูดแบบนั้นกับลูกเลยค่ะ เธอจะเข้าใจผิดเอาได้”

เธอกระซิบและคิดว่าตัวเองจำเป็นต้องคุยกับชายคนนี้ เกี่ยวกับหลักสำคัญในการอบรมเลี้ยงดูลูกเสียแล้ว

เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงยิ่งกว่าเก่า

“มะเร็งงั้นเหรอ?”

ในที่สุด เขาก็ได้รู้ถึงเหตุผลที่ถวนถวนอยากให้เขาไปรักษาแม่ของเด็กคนนั้น อย่างไรแล้ว เรื่องก็เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่นั่นก็แค่กับสัตว์เลี้ยงเท่านั้น

“ตอนนี้การรักษาด้วยยายังคงเป็นไปได้ยาก แม้แต่การให้คีโมอย่างต่อเนื่องก็มีโอกาสรอดแค่นิดเดียวเท่านั้น อย่าปล่อยให้ถวนถวนเข้าใจว่ามันรักษาได้ง่าย ๆ เลยค่ะ”

สวี่รุ่ยถอนหายใจ

เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ยินดังนั้น มุมปากของเขาก็ยกขึ้นทันที

“แต่ผมรักษามันได้จริง ๆ นะ”

ถ้าเป็นอย่างอื่นก็คงไม่อาจการันตีว่าจะรักษาได้ แต่เขาทำสิ่งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว

“ใช่แล้ว ถวนถวนไม่ได้…ฮะ? คุณว่ายังไงนะ?”

สวี่รุ่ยทำตามคำพูดของตัวเอง แต่ในไม่ช้าก็รู้ตัวว่ามีบางสิ่งแปลกไป

“คุณบอก…คุณบอกว่า…”

“ใช่ ผมบอกว่าผมรักษาได้”

อวี้ฮ่าวหรานพูดแทรกโดยไม่ลังเล แม้ว่ามันจะดูแปลกประหลาดสำหรับคนทั่วไป มันก็เป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำหรับเขา

หลังจากที่สวี่รุ่ยได้ยินคำพูดเหล่านั้นอย่างชัดเจนก็ตะลึงงัน

ในที่สุด เธอก็เข้าใจว่าทำไมถวนถวนถึงพูดอย่างมั่นใจนัก ในห้องเรียน ต้นเหตุมาจากตรงนี้นี่เอง

“แต่ว่า…นั่นมันมะเร็งระยะสุดท้ายนะคะ ไม่มีทางรักษาได้แล้ว”

“ไม่มีปัญหา ผมจัดการได้”

อวี้ฮ่าวหรานกล่าวคำมั่นว่าในเมื่อลูกสาวหวังเช่นนั้น เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือ

“พ่อจ๋า คุยกันเรื่องอะไรอยู่เหรอคะ?”

ตอนนั้นเอง ถวนถวนก็ยื่นหัวเข้ามาใกล้

“ไม่มีอะไรหรอก พ่อคุยกับครูสวี่อยู่ว่าจะรักษาคุณแม่ของตงตงยังไงน่ะ”

อวี้ฮ่าวหรานกล่าวอย่างอ่อนโยน

เมื่อเด็กสาวได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้นดีใจ

“เย้! ถวนถวนรู้ว่าคุณพ่อเก่งที่สุด! ต้องรักษาได้แน่นอน!”