ตอนที่ 335 แผนที่ทะเล

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 335 แผนที่ทะเล

เรื่องคลื่นใต้น้ำที่ก่อตัวอย่างเงียบ ๆ ของเมืองกวนหยุน ฟู่เสี่ยวกวนมิได้รับรู้อันใดเกี่ยวกับมัน

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่ 9 เดือนสาม วันที่ยี่สิบ ฟู่เสี่ยวกวนไปยังสถานทูตแห่งราชวงศ์หยู อยู่ที่นั่นเป็นเวลาครึ่งค่อนวัน เพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความที่พวกเขาประพันธ์ออกมา

เมื่อใกล้ถึงยามอู่ เขาก็ได้ออกมาจากสถานทูต พาศิษย์สำนักเต๋าทั้งสี่ไปกินมื้อกลางวันที่เซียนเค่อหลาย ดื่มชาอยู่อีกชั่วครู่ แล้วซูซูก็ตามต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินไปยังจวนติ้งกั๋วโหวอีกครา วันนี้พวกนางจะไปเจรจาเรื่องร้านค้า เหตุผลของซูซูคือคุ้มกันต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวิน ฟู่เสี่ยวกวนเองก็คิดเช่นนั้น มีเพียงซูโหรวเท่านั้นที่พอจะเข้าใจว่าซูซูคิดอันใดอยู่

แต่นางย่อมชื่นชอบเช่นนี้อย่างแน่นอน ลอบคิดว่าเด็กหญิงซูซูจะได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นอีกสักนิด เป็นทางอ้อมเพื่อช่วยแว่นแคว้น

เมื่อถึงยามเซิน ภายใต้การนำทางของเติ้งซิว กลุ่มคณะก็ได้เดินทางไปที่ตรอกต้วนสุ่ยเฉียวที่เป็นจุดเชื่อมเมืองชั้นกลางและเมืองชั้นนอก

สถานที่นี้ค่อนข้างห่างไกล รถม้าต้องใช้เวลาเดินทางราวครึ่งชั่วยามได้

เมื่อลงจากรถม้า ฟู่เสี่ยวกวนก็มองสำรวจไปรอบ ๆ สภาพแวดล้อมถือว่ามิเลว ถนนหนทางยังคงกว้างขวาง ถึงแม้ว่าร้านค้าที่อยู่ข้างทางจะสู้เมืองชั้นในและเมืองชั้นกลางมิได้ แต่ก็ยังดูมีชีวิตชีวามากอยู่ดี

เติ้งซิวเดินเข้ามา และยกมือขึ้นคำนับ “ใต้เท้าที่นี่คือสถานทูตของสามแคว้นเล็ก ๆ สถานที่แรกนั้นอยู่ในจวนเล็กที่อยู่ตรงหัวสะพานแห่งนี้ มีนามว่าแคว้นหลิว เป็นแคว้นแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนเกาะ เป็นแคว้นเล็ก ๆ ที่ใหญ่ที่สุดในสามแคว้นนี้ อีกสองแห่งที่เหลือก็อยู่ในระยะใกล้กัน หนึ่งคือแคว้นลี่ สองคือแคว้นหลู่ซ่ง ต่างก็เป็นแคว้นที่อยู่บริเวณชายฝั่งทะเล กล่าวว่าต้องใช้เวลาเดินทางบนเรือหลายสิบวันขอรับ”

“อ่า…ลองไปดู”

เติ้งซิวเดินไปยังจวนเล็กที่อยู่ตรงหัวสะพาน มิได้ส่งเทียบเชิญอันใดให้ แต่กลับตรงไปเคาะประตูทันที

เพียงมินาน ประตูก็ถูกเปิดออก เป็นชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อผ้าแปลกตาปรากฏอยู่เบื้องหน้าฟู่เสี่ยวกวน

“นายท่านจิ่งเปียน มิได้พบกันนานเลยนะขอรับ”

ชายวัยกลางคนผู้นั้นดีใจทันพลัน และกวักมือเรียกอย่างรวดเร็ว “ไอหยา ๆ ท่านขุนนางเติ้ง ลมอันใดพัดให้ท่านมาถึงที่นี่กัน เชิญเข้ามา ๆ…” เขาหันหลังกลับไปตะโกนว่า “ยิงฮวา เตรียมต้มชา มีแขกมาที่จวน”

เติ้งซิวหัวเราะร่าจนหลังโค้งหลังงอ “เรื่องเป็นเยี่ยงนี้ ได้มีขุนนางจากเมืองหลวงจากแคว้นของข้าท่านหนึ่งมาเยือน เขาต้องการสนทนากับท่านจิ่งเปียน”

จิ่งเปียนสงเอ้อปลาบปลื้มมากยิ่งขึ้นไปอีก ในฐานะแคว้นหลิวที่มีทรัพยากรที่มิดีนัก องค์จักรพรรดิของพวกเขาจึงอยากให้เชื่อมสัมพันธไมตรีกับแคว้นเหล่านี้เป็นอย่างมาก พวกเขาจัดตั้งสถานทูตที่แคว้นอู๋ได้เพียงแค่ 2 ปี แต่กลับทำให้พวกเขาได้เห็นถึงความรุ่งเรืองและความแข็งแกร่งของแคว้นเหล่านี้แล้ว

พวกเขาได้ยินชื่อเสียงของแคว้นหยูมาเนิ่นนานแล้ว เป็นอีกหนึ่งแคว้นที่มีข้อดีแตกต่างออกไปในแบบของตนเองที่มิเหมือนกับแคว้นอู๋ เพียงแต่แคว้นหยูนั้นห่างไกลออกไปสามพันกว่าลี้ นั่นถือว่าห่างไกลมากยิ่งนัก พวกเขายังมิมีความพร้อมที่จะไปกราบทูลฮ่องเต้ของราชวงศ์หยูเพื่อขอจัดตั้งสถานทูตขึ้นมา

จิ่งเปียนสงเอ้อหันหน้าไปมองทางฟู่เสี่ยวกวน กลับรู้สึกตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน ใต้เท้าผู้นี้ผู้มาจากเมืองหลวงของราชวงศ์หยูเหตุใดจึงอ่อนเยาว์ถึงเพียงนี้กัน ?

เขาหันหน้าไปมองเติ้งซิวด้วยความสงสัยอย่างมิปิดบัง

เติ้งซิวกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ใต้เท้าผู้นี้คือฟู่เสี่ยวกวน รับตำแหน่งเป็นไท่จงต้าฟู เจี้ยนอี้ต้าฟูแห่งเสมียนกลาง ทั้งยังเป็นหัวหน้าคณะตัวแทนมาร่วมงานชุมนุมวรรณกรรมของราชวงศ์อู๋ในครานี้อีกด้วย”

จิ่งเปียนสงเอ้อตกใจขึ้นมาทันพลัน ฟู่เสี่ยวกวนเยี่ยงนั้นหรือ !

“ท่านขุนนางคือฟู่เสี่ยวกวนผู้ประพันธ์ความฝันในหอแดงเยี่ยงนั้นหรือขอรับ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าน้อย ๆ จิ่งเปียนสงเอ้อรีบโค้งตัวคำนับทันที “นามที่ยิ่งใหญ่ของท่านใต้เท้าฟู่แม้แต่องค์จักรพรรดิของราชวงศ์ข้าก็ชื่นชมท่านเป็นอย่างมาก เชิญเข้ามาโดยเร็วเถิด เชิญเข้ามาขอรับ ! ”

ให้ตายเถอะ ความฝันในหอแดงถูกขายไปยังแคว้นหลิวแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?

นี่เป็นการขาดทุนอย่างมหาศาลเลยนี่ !

ฟู่เสี่ยวกวนปวดใจเป็นอย่างมาก ยุคสมัยนี้ ไร้ซึ่งความรู้เกี่ยวกับเรื่องของลิขสิทธิ์ !

เขาเดินตามจิ่งเปียนสงเอ้อเข้าไปในเรือน จนมาถึงห้องอักษร ก็พบเห็นสตรีที่สวมชุดปักลายดอกยิงฮวากำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าโต๊ะน้ำชา

เมื่อเห็นผู้คนเดินเข้ามา สตรีผู้นั้นจึงได้ลุกขึ้นยืนและกล่าวต้อนรับ “ข้ามีนามว่ายิงฮวา คำนับใต้เท้าทุกท่าน เชิญทุกท่านนั่งตามสบายเถิด”

ฟู่เสี่ยวกวนนั่งลงเบื้องหน้าโต๊ะน้ำชา จ้องมองเครื่องแต่งกายของพวกเขาและครุ่นคิด คล้ายคลึงกับแคว้นหมู่เกาะในชาติที่แล้วพอสมควร

จิ่งเปียนสงเอ้อนั่งลงข้าง ๆ นาง “ยิงฮวาคือองค์หญิงเจ็ดของแคว้นข้า เป็นเพราะชื่นชมวัฒนธรรมของแคว้นนี้ นางจึงมาอาศัยอยู่ที่นี่ได้ครึ่งปีแล้ว และปัจจุบันก็ได้เป็นบัณฑิต ณ สำนักศึกษาหลีชาน นางชื่นชมในตัวท่านเป็นอย่างมาก”

ยิงฮวาเงยหน้า ฟู่เสี่ยวกวนถึงได้เพ่งพินิจอย่างถี่ถ้วน ให้ความรู้สึกที่อธิบายได้มิรู้จบออกมา

“ท่านจิ่งเปียน ขุนนางชั้นผู้น้อยผู้นี้คือ… ? ”

“องค์หญิงเจ็ด ท่านนี้หาใช่ขุนนางชั้นผู้น้อยไม่ เขาคือฟู่เสี่ยวกวน ท่านขุนนางฟู่ ! ”

ยิงฮวารู้สึกดีใจมากยิ่งนัก ดวงตาของนางโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ริมฝีปากยกยิ้มน้อย ๆ จนเผยให้เห็นฟันขาวสะอาดที่เรียงเป็นแถว ดูแล้วช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก

“คำนับท่านขุนนางฟู่” นางลุกขึ้นยืนอีกครา และกุมมือคำนับแก่ฟู่เสี่ยวกวน “ยิงฮวาชื่นชมบทกวีและบทความเหล่านั้นของท่านขุนนางฟู่เป็นอย่างมาก มิคาดคิดว่าท่านขุนนางยังเยาว์วัยถึงเพียงนี้ ทำให้ยิงฮวาเลื่อมใสในตัวท่านอย่างแท้จริง ! ”

“ต่างก็เป็นชื่อเสียงที่สร้างขึ้นมา…” แต่ฟู่เสี่ยวกวนมิมีเวลามาพัวพันกับเรื่องบทกวีเหล่านี้ เขาหันไปมองจิ่งเปียนสงเอ้อ และเอ่ยเข้าประเด็นอย่างเถรตรง “ที่ข้ามาในครานี้ต้องการจะมาถามท่านจิ่งเปียนว่ามีร่องทางน้ำจากแคว้นหลิวมายังแคว้นอู๋เยี่ยงนั้นหรือขอรับ ? ”

ยิงฮวาเบะปากเล็กน้อย หันหน้ามองไปทางฟู่เสี่ยวกวนด้วยความคับแค้นใจ และนั่งลงต้มชาอีกครา ครุ่นคิดว่าคนผู้นี้มิชื่นชอบสตรีที่งดงามจริงเยี่ยงนั้นหรือ ?

หากจะกล่าวถึงรูปลักษณ์ ยิงฮวานั้นงดงามเป็นอย่างมาก มิได้น้อยหน้าต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินเลยแม้แต่น้อย และยังนางยังมีบรรยากาศที่อ่อนนุ่มแผ่ออกมาอีกด้วย จนทำให้ผู้พบเห็นนึกเอ็นดู แต่กับฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้ราวกับมิได้มีความสนใจที่จะสนทนากับนางแม้แต่ประโยคเดียว อดที่จะรู้สึกเสียใจมิได้

“เรียนท่านใต้เท้าฟู่ เดิมมีร่องทางน้ำอยู่ แคว้นของข้าได้ขุดร่องทางน้ำนี้มานานหลายปี ต่างก็คุ้นชินกันแล้ว นอกจากกังวลเรื่องพายุแล้ว ก็มิมีความเสี่ยงอื่นใด”

“เดินทางบนท้องทะเลต้องใช้เวลานานเท่าใด ? ”

“หากราบรื่นไปตลอดทาง ด้วยความเร็วเรือสำเภาสามกระโดงของแคว้นข้า ใช้เวลาราวเดือนกว่า ๆ ”

ยิงฮวาต้มชาเสร็จแล้ว รินให้กับฟู่เสี่ยวกวนและส่งมอบให้ ครุ่นคิดว่าท่านขุนนางผู้น้อยผู้นี้ไถ่ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้คิดจะทำอันใดกัน หรือว่าเขาต้องการไปยังแคว้นหลิว ?

“พวกท่านบุกเบิกเส้นทางเดินเรือไปยังทะเลตะวันออกแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“การสำรวจขั้นต้นได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่เพราะ…เพราะเรื่องภายในแคว้นเรื่องหนึ่งจึงได้หยุดลงไปอีกครา ได้ยินสำนักกิจการทางทะเลของราชวงศ์ข้ากล่าวมาว่า เส้นทางเดินเรือทะเลตะวันออกนี้สามารถตรงไปถึงจิ่วเย่ซึ่งเป็นชนเผ่าริมทะเลได้ ที่ตรงนั้นมีทางผ่านแม่น้ำอยู่หนึ่งเส้นทาง สำนักกิจการทางทะเลทางราชวงศ์ข้าคาดการณ์ไว้ว่าหากขึ้นไปตามริมฝั่งแม่น้ำ เกรงว่าจะสามารถไปถึงราชวงศ์หยูได้ขอรับ”

ฟู่เสี่ยวกวนตกใจขึ้นมาทันพลัน เช่นนั้นก็คือปากแม่น้ำแยงซีแล้ว เพียงแค่ลักษณะของภูมิประเทศต่างออกไปจากโลกก่อนหน้า และอาณาเขตของราชวงศ์หยูมิได้ครอบคลุมสถานที่ที่เรียกว่าจิ่วเย่นั้นโดยสมบูรณ์นัก

“จิ่วเย่สถานที่นั้นดีมากยิ่งนัก ได้ยินมาว่าเป็นท่าเรือ แต่น่าเสียดายที่อำนาจทางแคว้นของราชวงศ์ของข้านั้นมีจำกัด จึงไร้หนทางที่จะบุกเบิกสถานที่นั้นได้”

ผู้เอ่ยไร้เจตนาแต่ผู้ฟังกลับมีเจตนา ฟู่เสี่ยวกวนจดจำสถานที่นั้นเอาไว้ ตัดสินใจแล้วว่าพอกลับไปที่คฤหาสน์จิ้งหูจะเขียนจดหมายฉบับหนึ่งไปถึงฟู่ต้ากวน ให้เขาจ้างเรือจากบ้านแม่สี่มาสักสองสามลำ ล่องไปตามแนวทางแม่น้ำแยงซี เดินทางผ่านแม่น้ำแยงซี แล้วดูว่าท้ายที่สุดแล้วจะไปถึงสถานที่ตรงไหนกัน

มิมีผู้ใดเข้าใจความสำคัญของท่าเรือได้ดีมากกว่าฟู่เสี่ยวกวน !

เขาต้องการท่าเรือนี้และต้องการสร้างเรือรบขึ้นมา แคว้นหยูเป็นแคว้นที่มิมีทางออกไปสู่ทะเล จึงมิมีของสิ่งนี้

“ข้าเป็นตัวแทนของฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยู ยินดีที่จะให้พวกท่านมาสร้างสถานทูตยังแคว้นหยู เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการค้าขาย”

“ข้าน้อยจะนำคำกล่าวของท่านขุนนางฟู่ไปทูลแก่องค์จักรพรรดิอย่างแน่นอน ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนลุกขึ้นยืน เตรียมจะจากไป ทันใดนั้นก็กล่าวขึ้นมาอีกหนึ่งประโยคว่า “แผนที่เดินเรือเหล่านั้นของเจ้า…สามารถมอบมันให้กับข้าสักฉบับได้หรือไม่ ? ”