บทที่89 เล่นละครตบตา
“อะไรนะ ไสยศาสตร์?”
ฉินกางชะงัก แปลกใจขึ้นมาทันที
ช่วงนี้คนที่ดูฮวงจุ้ยให้กับตระกูลฉิน ก็มีแค่เย่เฉินคนเดียว
ฉินกางเชื่อมั่นเย่เฉินอย่างมาก แล้วกล่าว “อาจารย์ คุณดูผิดหรือปล่า ความจริงก็มีอาจารย์เย่เคยช่วยแก้ให้ แต่ฝีมือเขาได้ผลมาก ไม่น่าจะเป็นไสยศาสตร์อะไรหรอก”
อาจารย์วีเยาะเย้ย แล้วกล่าว “คนที่เล่นละครตบตา มักจะหลอกคนที่ไม่รู้ ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อเขา งั้นฉันก็จะไป!”
“อาจารย์วีหยุดก่อน” ฉินกางร้อนใจ กล่าวต่อว่า “ขออาจารย์ได้โปรดชี้แนะ วิธีของอาจารย์เย่ มีสิ่งไหนที่ไม่ถูกต้อง?”
อาจารย์วีไม่เงยหน้าขึ้นมา ชี้ไปในห้อง “ยกน้ำมา”
ฉินกางยกน้ำมา
อาจารย์วีถือน้ำแล้วสวดมนต์ แล้วเขียนอักขระบนน้ำ จากนั้นก็พรมน้ำไปที่เปลือกตาของฉินกาง
ฉินกางเพิ่งเปิดตา ตกใจกะทันหัน แล้วถอยหลังทันใด
“อาจารย์ นี่ นี่…..นี่มันอะไร……”
ทันใดนั้นเขาได้เห็นในห้อง เต็มไปด้วยควันดำ!
แล้วบนหัวของทุกคนในตระกูลฉิน ก็มีกลิ่นอายความตาย แต่ล่ะคนหน้าซีด ราวกับเป็นศพกันไปหมด
อาจารย์วีกล่าว “ฉันเปิดตาให้คุณ สิ่งที่คุณเห็นคือธาตุหยิน และคนในตระกูลของคุณมีกลิ่นอายความตาย อายุสั้น”
ฉินกางตกใจจนขาอ่อนลงไปนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วกล่าว “นี่ นี่จะทำยังไง?”
“ไม่มีปัญหา วันนี้ที่ฉันมา ถือว่าเรามีพรหมลิขิตต่อกัน”
อาจารย์วีหยิบยันต์คุ้มกันออกมา ยื่นไปให้คนตระกูลฉิน
ฉินกาจเห็น ยันต์คุ้มกันมีแสงสีทอง แสงสีทองนั้นทำให้พลังชั่วร้ายที่อยู่บนหัวของคนตระกูลหายไปเยอะในทันใด
อาจารย์วีสะบัดมือหน้าฉินกาง สิ่งที่ฉินกางเห็นได้หายไปทั้งหมด แล้วกลับมาเป็นสภาพเดิม
“นี่……นี่……” ฉินกางเหนื่อยไหล แล้วกล่าว “อาจารย์คือเทพเจ้าในโลกมนุษย์! ขออาจารย์ได้โปรดช่วยผมด้วย ไม่ว่าจะเท่าไหร่ ผมยอมจ่าย”
“ช่วยคนหนึ่งชีวิต ยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น วันนี้ที่ฉันมาก็เพราะเรื่องนี้”
อาจารย์วีพูดไป ก็ได้หยิบยันต์คุ้มกันสิบผืนยื่นให้ “ชีวิตของผู้นำตระกูลพกติดตัวไว้ มันจะทำลายสิ่งชั่วร้าย”
ฉินกางรับมาอย่างซึ้งใจ ลังเลพลางกล่าว “มิทราบว่าอาจารย์ต้องการค่าครูเท่าไหร่?”
อาจารย์วีโบกมือ “ทำลายสิ่งชั่วร้าย เป็นจริยธรรมที่พึงมี ฉันไม่เอาแม้แต่สตางค์แดงเดียว แต่ถ้ามีคนมาเล่นละครตบตามาหลอกลวงอีก ให้คุณจ่ายเงินมหาศาลเพื่อซื้อเครื่องมือทางธรรม คุณห้ามรับไว้ เบาหน่อยก็ทำให้สิ่งที่ทำไว้สูญหายไปหมด ถ้าหนักก็บ้านแตกสาแหรกขาด คุณต้องจำไว้ให้ดี”
ฉินเอ้าตงที่อยู่ด้านข้างอดที่จะพูดไม่ได้ “ลุงรอง ผมบอกแล้วว่าเย่เฉินคือนักตุ้มตุ๋น! ลุงเอาเงินของครอบครัวเรา ไม่รู้ว่ามุดหัวอยู่ไหนแล้ว! ต้องเอาเงินกลับมาให้ได้ มิเช่นนั้นจะแจ้งความเขาในข้อหาฉ้อโกง! ให้มันติดคุกตลอดไป!”
ฉินเอ้าเสวี่ยนกลับขมวดคิ้ว ในใจ ไม่รู้ว่าทำไม ตัวเองกลับรู้สึกว่า อาจารย์วีท่านนี้สิดูเหมือนนักต้มตุ๋นมากกว่า
เย่เฉินนั่น นอกจากจะเลว แล้วยังไม่มีอีคิว แต่ก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไรขนาดนั้น แล้วในหลายครั้ง คนอื่นจะรู้สึกว่าเขาเข้าใจยาก เหมือนกับน้ำในแม่น้ำที่ลึกจนมองไม่เห็นพื้นล่าง
“หุบปากไปซะ” ฉินกางชักตาใส่ฉินเอ้าตง หันหลังแล้วกล่าวอย่างเคารพต่ออาจารย์วีว่า “ขอบคุณอาจารย์สำหรับคำแนะนำ อนาคตผมจะระวังให้มาก”
อาจารย์วีพยักหน้า แล้วยืนขึ้นเดินจากไป
เมื่ออาจารย์วีเดินออกไป ฉินเอ้าตงกล่าวทันใดว่า “ลุงรอง อาจารย์วีเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของสำนักเสวียนจี เย่เฉินนักต้มตุ๋นจะเทียบได้ไง? ครั้งนี้อาจารย์วีลงมือเอง ปัญหาทุกอย่างของตระกูลเราก็ถูกแก้ไขแล้ว ที่สำคัญคือไม่ต้องเสียเงินสักบาท!”
“แม้แต่สตางค์แดงเดียวอาจารย์วีไม่เอา แต่เย่เฉินหลอกเอาเงินของเราไปไม่น้อย เขาใช้ร้อยล้าน ประมูลเปลือกหอยร้ายๆ นี่มันสิบแปดมงกุฏชัดๆ! ลุงก็เหมือนกัน ทำไมให้เงินเขามากขนาดนั้น ถ้าเรื่องนี้ถูกประกาศออกไป คนของเมืองจินหลิงจะไม่ว่าตระกูลฉินของเราว่าโง่หรือไง?”
ฉินกางไร้ซึ่งคำพูด แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
ชื่อเสียงของอาจารย์วีดีจริง และ สิ่งที่อาจารย์วีให้ตนดูเมื่อกี๊นั้น ภาพในอนาคต ไม่เชื่อก็ไม่ได้
สำคัญที่สุดคือ อาจารย์วีไม่เอาเงิน แต่เย่เฉิน ใช้เงินร้อยกว่าล้านในงานประมูล……
ยิ่งเทียบกันแบบนี้ เขายิ่งรู้สึกว่าเย่เฉินไม่ชอบมาพากล!
ในขณะเดียวกันนี้ ผู้ดูแลคนหนึ่งของตระกูลฉินเคาะประตูใหญ่ หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากฉินกางแล้ว จึงได้เดินเข้ามาด้านใน
“ประธานฉิน มีของส่งมาถึงท่าน”
พูดจบ เขาก็ยื่นกล่องให้
ฉินกางขมวดคิ้ว หลังจากที่แกะกล่องออกแล้ว พบว่าด้านในมีโทเคนวางอยู่หนึ่งอัน
มองโทเคนอย่างละเอียด ราวกับเป็นเหรียญบางๆ ขนาดเล็กเท่ากับกล่องไม้ขีดไฟ ใช้เชือกแดงมัดไว้ ดูๆไปแล้วเหมือนกับเป็นชองที่วางขายตามพื้นตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
ฉินกางดูชื่อผู้ส่ง เขียนเย่เฉินสองคำนี้ไว้
ดูหมายเหตุ ก็เขียนอย่างง่ายๆว่า “ยันต์จิงซ่า ติดไว้ในห้องโถงทำลายสิ่งชั่วร้าย!”
ฉินเอ้าตงเห็น ก็ด่าขึ้นมาทันใดว่า “แม่ง ลุงรอง ไอ้เย่เฉินนี่มองว่าลุงเป็นไอ้โง่แล้วนะ! แค่เปลือกหอยร้ายๆ ไม่แน่อาจจะหยิบมาจากหาดไหนซักหาดก็ได้นะ! ยังบอกอีกว่าป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้?”
“อีกอย่าง เขาใช้เงินของเราไปร้อยกว่าล้าน แล้วให้มาแค่เนี่ย? แล้วยังให้คนส่งของมาส่งอีก! เขาไม่กล้าให้ต่อหน้าลุงแล้ว! ลุง ลุงว่าถ้าเย่เฉินไม่ใช่สิบแปดมงกุฏ แล้วจะเป็นอะไร?”
ฉินเอ้าตงโมโหอย่างมาก กล่าวอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ลุงรอง ตอนนี้เราพาคนไปหาเย่เฉินเถอะ เอาเงินคืนมา! ไม่งั้น ถ้าเย่เฉินหนีไป พวกเราจะเสียหายหนักมากเลยนะ!”
“แกหุบปากไป ฉันขอเวลาคิด” ฉินกางนวดคิ้ว ดูยันต์จิงซ่านี้ ดูไม่ออกถึงความลี้ลับของยันต์นี้แต่อย่างใด
หังจากที่ลังเลแล้วนั้น ฉินกางเรียกคนตระกูลฉินมารวมตัวกัน กล่าวอย่างบูดบึ้งว่า “เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายของตระกูลฉิน เป็นเรื่องสำคัญ พรุ่งนี้ผมจะไปหาเย่เฉิน ถามหาความจริง! พวกคุณแขวนยันต์คุ้มกันเอาไว้ให้ดี ห้ามถอดออก!”
“รับทราบ!”
“ลุงรอง ผมจะไปด้วย!” ฉินเอ้าตงกัดฟันพูด “คนแซ่เย่ทำลายผมไว้สาหัส ตอนนี้จะจับมัน ทำลายเสียให้เข็ด”
“แค่ลุง? จะชนะเขาหรอ?”
ฉินกางขมวดคิ้ว แล้วกล่าว “ถ้าแกอยากไปจริงๆ ก็พาการ์ดไปหลายๆคนหน่อย สืบกิจวัตรของเขาในวันพรุ่งนี้ก่อน กันไว้”
พูดจบ เขาได้พูดต่อ ว่า “แกจำเอาไว้นะ ฉันไม่ได้ให้แกพาคนไปหาเรื่องเย่เฉิน ฉันล่ะกลัวแกจะสะเพร่า เดี๋ยวจะถูกเขาตีมาอีก!”
ฉินเอ้าตงดีใจ แล้วตอบทันทีว่า “ได้”
ฉินกางกล่าวอย่างเรียบง่ายว่า “ถึงแม้ตระกูลฉินจะไม่ใช่ตระกูลชั้นนำ แต่ก็ไม่ใช่จะรังแกกันได้ง่ายๆ ใครรังแกผม ผมก็ต้องเอาคืน! เรื่องนี้ผมจะต้องรู้ให้ได้ ถ้าเย่เฉินเล่นละครตบตา ผมจะไม่ปล่อยเขาไว้แน่!”