บทที่ 220 บังคับ เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยกลั่นแกล้งชิงเฉิน

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ทั่วห้องโถงของจวนเฟิ่งพลันเต็มไปด้วยกลิ่นอายของรังสีฆ่าฟันในทันที ทุกคนพลันกลั้นหายใจไปในทันที ความเงียบที่น่าใจหายนี้ เสมือนกับว่า หากมีเข็มตกเล่มนึง ทุกคนก็ยังคงได้ยินอย่างชัดเจน องครักษ์ที่ถือด้านมีดอยู่ในมือ เพียงแค่รอคำสั่งขององค์หญิงเหยาหวาให้ลงมือเท่านั้น พวกเขาก็พร้อมที่จะก้าวเข้าไปด้านหน้าเพื่อกุดหัวเฟิ่งชิงเฉินในทันที
หากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างการทูตทั้งสองแคว้นขึ้นมา หากถูกฆ่าตายไป ก็ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถึง หากเฟิ่งชิงเฉินกล้าทำเช่นนั้นจริง ๆ
ทั้งซีหลิงเหยาหวาและซูหว่านเองต่างอยากจะให้เฟิ่งชิงเฉินยโสโอหังเข้าไปอีก เช่นนั้น วันนี้ เฟิ่งชิงเฉินจักต้องจ่ายค่าเสียหายของความยโสโอหังของนางในวันนี้ให้พวกนางอย่างแน่นอน
เฟิ่งชิงเฉินเองก็มิได้ทำให้สตรีผู้สูงศักดิ์ทั้งสองผิวหวังแต่อย่างใด นางนั่งลงด้วยท่าทีที่มั่นคง พร้อมทั้งไม่มีวี่แววที่จะลุกขึ้นยืนอีกด้วย
นางเข้าใจได้ถึงความภาคภูมิใจและความหยิ่งยโสในแต่ละแคว้นของตนเป็นอย่างดี ขอเพียงแค่นางยืนอยู่จุดสูงสุดของแคว้น ทุกอย่างก็จักดีเอง เฟิ่งชิงเฉินจึงเอ่ยถามออกไปว่า
“องค์หญิงเหยาหวา? หากหม่อมฉันจำไม่ผิดละก็ ท่านเป็นองค์หญิงของแคว้นซีหลิง หาใช่องค์หญิงของราชวงศ์ตงหลิงใช่หรือไม่ ท่านที่เป็นองค์หญิงซีหลิง แต่ต้องมาตงหลิง นับว่าเป็นตัวอันใดได้? ข้า ราษฏรแคว้นตงหลิง เหตุใดต้องมานั่งคุกเข่าให้องค์หญิงแคว้นซีหลิงกัน หรือว่าแคว้นตงหลิงตกเป็นเมืองขึ้นของซีหลิงไปแล้วงั้นหรือ?”
ประโยคสุดท้าย ทำให้ผู้คนชวนขวัญผวาในทันที
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่าได้พูดเรื่องอันใดที่ไร้สาระ ข้าวยังพอกินกับสำรับใดก็ได้ แต่คำพูด เมื่อเอ่ยออกไปแล้วไม่อาจเรียกคืนกลับมาได้ ตงหลิงกับซีหลิงล้วนแต่เป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนาน เปิ่นกงเป็นตัวแทนของซีหลิงมาเคารพตงหลิงด้วยความนอบน้อม เจ้าก็ควรปฏิบัติตัวให้สุภาพเช่นกัน” สีหน้าของซีหลิงเหยาหวาเปลี่ยนไปในทันที พร้อมรีบร้อนกล่าวออกมา
“หลังจากนั้นเล่า?” เปลือกตาของเฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ ปรือขึ้นเล็กน้อย พลันแฝงไปด้วยท่าทีเยาะเย้ย
พวกท่านคิดว่านางโง่เง่านักหรือ คิดนางไม่รู้เรื่องอันใดเลยหรือ
เมื่อเห็นการมาของซูหว่านแล้วนั้น หวังชีก็บอกเล่าให้นางฟังว่า องค์หญิงและองค์รัชทายาทแคว้นซีหลิงเองก็ใกล้จักมาถึงแล้วเช่นกัน พร้อมกล่าวเตือนนางว่า ซีหลิงเหยาหวาผู้นี้ชมชอบตงหลิงจื่อลั่ว
ผู้ที่มาชมชอบตงหลิงจื่อลั่วเป็นถึงองค์หญิงของแคว้น เกรงว่าฝีมือของคนที่กลั่นแกล้งนาง ยามวันสมรสนั้น มีห้าส่วนที่ต้องเป็นฝีมือของสตรีนางนี้อย่างแน่นอน
นางและซีหลิงเหยาหวานับว่าเป็นคู่กัดคู่แค้นตั้งแต่ชาติปางก่อนเลยเชียว แม้ว่านางจักนั่งคุกเข่าขอร้องซีหลิงเหยาหวา อย่างไรซีหลิงเหยาหวาก็ไม่ปล่อยนางไปโดยง่ายอย่างแน่นอน นางจักต้องไปด้อยค่าตนเองทำไมกัน
“เฟิ่งชิงเฉิน โดยมารยาทพื้นฐานแล้ว เจ้าควรคุกเข่าให้ความเคารพองค์หญิงมิใช่หรือ” นางกำนัลที่อยู่ด้านหลังเหยาหวาพลันกล่าวเตือนเฟิ่งชิงเฉินอีกครั้ง หากแต่เฟิ่งชิงเฉินหาได้ลืมตาฟังพวกนางพูดไม่
โจวสิงมิได้อยู่ที่นี่ ดูจากนิสัยของเขาแล้วที่เป็นคนระมัดระวังตนเองแล้ว เขาย่อมไม่ออกไปเจอซูหว่านแน่ ไม่เช่นนั้น เขาคงไปนำขบวนกองทัพมาแล้ว แต่มิรู้ว่าจะกองทัพของผู้ใดกัน
“เฟิ่งชิงเฉินเจ้าช่างกล้านัก ถึงได้กระทำการดูหมิ่นองค์หญิงเช่นนี้ มานี่ เจ้าจักได้รู้ว่า บุคคลที่ต่อต้านคำสั่งต้องมีจุดจบเช่นไร” เป็นนางกำนัลรับใช้องค์หญิงเหยาหวาเองที่ออกคำสั่งแทนเจ้านายของตน
“ขอรับ” องครักษ์พลันหยิบมีดขึ้นมา พร้อมก้าวเดินไปด้านหน้า เฟิ่งชิงเฉินหาได้มีท่าทีหวาดกลัวไม่ บนใบหน้ายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับมองไปที่ซีหลิงเหยาหวาด้วยท่าทางเยาะเย้ย
นางหาได้มองเห็นรังสีอาฆาตในดวงตาของซีหลิงเหยาหวาไม่สตรีนางนี้ เพียงมองดูนางด้วยสายตาที่ดูถูกพร้อมกับระคนสงสารนางในคราเดียวกัน
นอกจากนี้ นางไม่คิดว่าซีหลิงเหยาหวาจะโง่ได้ถึงเพียงนี้ ท่าทีเอิกเกริก เพื่อต้องการให้นางกระทำความผิด หลังจากนั้นก็กล่าวหาเหตุผลเพื่อที่จะฆ่านาง หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ ก็ได้แต่ต้องบอกว่า องค์หญิงเหยาหวาไร้คุณสมบัติยิ่งนัก
ฆ่านาง อาจจะทำให้แคว้นตงหลิงมีเหตุผลที่บุกทัพไปซีหลิงเช่นกัน ซีหลิงเหยาหวาหาได้ขวัญกล้าเทียมฟ้าไม่ นางกล้าเดิมพันได้เลยว่า ซีหลิงเหยาหวาเพียงแค่ต้องการทำให้นางหวาดกลัวเท่านั้น
ฆ่านาง อาจจะทำให้แคว้นตงหลิงมีเหตุผลที่บุกทัพไปซีหลิงเช่นกัน ซีหลิงเหยาหวาหาได้ขวัญกล้าเทียมฟ้าไม่ นางกล้าเดิมพันได้เลยว่า ซีหลิงเหยาหวาเพียงแค่ต้องการทำให้นางหวาดกลัวเท่านั้น
สุดท้ายแล้ว เหลือเพียงแค่ก้าวเดียวที่องค์รักษ์จะเข้ามาประชิดตัวนางได้ ซีหลิงเหยาหวาก็พลันเฟิดปากพูดขึ้นมาว่า “หยุดมือ เปิ่นกงชื่นชมทักษะการแพทย์ของแม่นางเฟิ่ง พวกเจ้าไม่ควรจะไปทำตัวไร้มารยาทต่อนางเช่นนี้”
ซีหลิงเหยาหวามองเฟิ่งชิงเฉินด้วยท่าทีชื่นชม พลางฉีกยิ้มออกมาเสมือนกับว่า นางยินดีที่จะละเว้นเฟิ่งชิงเฉิน และเฟิ่งชิงเฉินก็สมควรที่จะได้รับเกียรตินั้น
เฟิ่งชิงพลันก้มหน้ามองไปยังลวดลายรองเท้าปักของตนเอง
บัวแฝดหรือ นางมิค่อยเข้าใจนัก ว่าร่างเดิมของนางมีความคิดเช่นไร ถึงได้ปักรองเท้าเป็นรูปดอกบัวแฝดกัน
“เฟิ่งชิงเฉิน เปิ่นกงเรียกเจ้าว่าชิงเฉินได้หรือไม่?” องค์หญิงเหยาหวากล่าวถามด้วยสีหน้าที่อยากเป็นมิตร ทว่า สีหน้าของนางกำนัลที่อยู่ด้านหลังกลับแปรเปลี่ยนเป็นแดงและขาวซีด
“แล้วแต่องค์หญิงจะพอพระทัยเพคะ อย่างไรก็แค่นาม” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย ยามที่ซีหลิงเหยาหวากำลังเอ่ยขึ้นมานั้น คู่สามีภรรยาซุนเจิ้งเต้าและซุนซือสิงก็มาพอดี
เมื่อครอบครัวตระกูลซุนทั้งสามชีวิตเดินเข้ามานั้น เฟิ่งชิงเฉินก็ได้บอกให้ซุนซือซิงพาบิดามารดาของเขาไปรอที่ห้องพักในทันที
ในขณะเดียวกัน ยามที่เฟิ่งชิงเฉินยืนขึ้นนั้น ก็พลันโบกมือส่งแขก พร้อมกล่าวว่า “องค์หญิง ซูซิ่ว ชิงเฉินยังมีงานอีกมาก ไม่อาจต้อนรับพวกท่านให้ดี ขออภัยพวกท่านด้วยที่ไม่อาจส่งพวกท่านได้”
“แม่นางเฟิ่ง เรื่องที่เจ้ากำลังยุ่งอยู่ คือการผ่าเปิดหน้าท้องให้ฮูหยินของหมอหลวงซุนงั้นหรือ?”
นี่เป็นเหตุผลที่ซูหว่านและซีหลิงเหยาหวามาที่จวนเฟิ่งในวันนี้ ก็เพื่อต้องมาชมการผ่าตัดเปิดหน้าท้องของเฟิ่งชิงเฉิน พวกนางเชื่อว่า ทักษะการแพทย์ของเฟิ่งชิงนั้น มีความลับซ่อนอยู่ หรือบางทีอาจมีเรื่องที่ไม่อาจบอกให้คนนอกรับรู้ได้
หากพวกนางสามารถค้นเจอความลับนั้น เฟิ่งชิงเฉินย่อมไม่มีความสามารถในการดึงดูดอันใดอีกแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ทั้งเสด็จอาเก้า หลานจิ่วชิง ปู้จิงหยุน และตงหลิงจื่อลั่ว รวมไปถึงซีหลิงเทียนเหล่ยย่อมไม่มีความรู้สึกประทับใจต่อเฟิ่งชิงเฉินอีก
ถึงแม้ว่าไม่อาจค้นเจอความลับของเฟิ่งชิงเฉินได้ หากว่าเฟิ่งชิงเฉินลงมือทำการผ่าตัดผิดพลาดขึ้นมา ย่อมเป็นเรื่องดีหากนางทำให้ซุนฮูหยินตายได้
หมอเพียงหนึ่งคน หากรักษาผู้ป่วยผิดพลาดจนตายแล้วละก็ ชั่วชีวิตนี้คงต้องดับสูญเป็นแน่
มิเช่นนั้นก็ หากการผ่าตัดเปิหน้าท้องของเฟิ่งชิงเฉิน ทำร้ายคนไข้ถึงตายละก็ พวกนางเองก็สามารถใช้วิธีที่สวยงาม ทำให้เฟิ่งชิงเฉินถึงคราวชิบหายวายวอดได้เช่นกัน
ในเมื่อรู้เรื่องกันตั้งแต่แรกแล้ว นางจักไปพูดอันใดได้อีก? เฟิ่งชิงเฉินจึงได้ตอบกลับไปด้วยท่าทีสบายอารมณ์ว่า “เพคะ”
“ไม่รู้ว่า พวกเราขอเข้าชมได้หรือไม่” ซูหว่านไม่อาจนั่งสบายใจเฉิ่มไปได้อีกต่อไป คำถามเสมือนกับต้องการเกลี้ยกล่อมเฟิ่งชิงเฉิน
ในขณะเดียวกัน แววตาขององค์หญิงซีหลิงเหยาหวาเองก็ดูจะเฉียบคมมากขึ้น ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า บรรยากาศภายในห้องโถงแห่งนี้ จู่ๆ ก็พลันปรากฏความกดดันออกมาในทันที ผู้คนไม่กล้าแม้แต่ถอนหายใจออกมาเลยทีเดียว
บังคับข้า? เฟิ่งชิงเฉินแย้มยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา คราก่อนที่นางทำการผ่าตัดให้หวังจิ่นหลิงนั้น นางสามารถปฏิเสธการเข้าร่วมชมการผ่าตัดได้ แต่ทว่า สตรีต่างแคว้นทั้งสองคนที่นั่งอยู่ด้านหน้า นับว่าเป็นตัวอันใดกัน เมื่อกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธออกมานั้นซุนซือสิงก็เดินเข้ามา หลังจากที่เขาทำความเคารพแล้วนั้น ก็หาได้สนใจเหยาหวากับซูหว่านที่นั่งอยู่ไม่
ถึงแม้ว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แปลกประหลาดภายในห้องโถง แต่ทว่า เขาตั้งสติเพื่อมีใจมุ่งมั่นไปกับการผ่าตัดในครานี้แล้ว อีกทั้ง สตรีสูงศักดิ์ต่างแคว้นทั้งสองคน ไม่ว่าพวกเขาจักมีเกียรติมากเพียงใด ก็หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับเขาไม่ ในสายตาของซุนซือสิงมีแต่อาจารย์ของเขาเท่านั้น
“ท่านอาจารย์ ทุกอย่างได้ถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้วขอรับ มิทราบว่าท่านจะเข้าไปเมื่อใด” ในสายตาของซุนซือสิง ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการผ่าตัดในวันนี้อีกแล้ว เกรงว่า แม้แต่องค์จักรพรรดิจะเสด็จมาด้วยตนเอง ก็คงไม่อาจหยุดยั้งไม่ให้เขาได้เข้าไปในห้องผ่าตัดได้กระมัง
ในสายตาของซุนซือสิงและซุนเจิ้งเต้านั้น การผ่าตัดในครั้งนี้ ถือเป็นการก้าวครั้งใหญ่ของวงการแพทย์ ถ้าหากการผ่าตัดเปิดหน้าท้องสำเร็จแล้วละก็ เช่นนี้ มันจะช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บของผู้ป่วยไปได้มากทีเดียว อีกทั้งยังลดอัตราเสี่ยงของผู้เสียชีวิตลงไปได้ด้วย
ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการช่วยชีวิตคนไข้อีกแล้ว
นี่เป็นครั้งแรก ที่เฟิ่งชิงเฉืนรู้สึกว่า ท่าทีที่ซื่อบื้อของซุนซือสิงน่ารักยิ่งนัก “ข้าจักรีบไปเดี๋ยวนี้ องค์หญิงซูซิ่ว ข้าขออภัยด้วย”
เฟิ่งชิงเฉินทิ้งทั้งสองคนเอาไว้ที่นี่ จู่ ๆ เจ้าหนอนหนังสือทางการแพทย์ซุนซือสิงก็พลันรับรู้ได้ถึงสิ่งที่ผิดปกติ “ท่านอาจารย์ ทำเช่นนี้จักดีหรือ?”
“มีอะไรไม่ดีกัน ข้ามิได้เชิญพวกนางมาเสียหน่อย ในเมื่อผู้มาคิดไม่ดี หากคิดดีคงไม่มาเช่นนี้ ในเมื่อพวกเขาคิดร้าย เจ้าจักทำเช่นไรก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี จงเย่อหยิ่งเข้าไว้”
แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจักพูดหันหลังให้เหยาหวากับซูหว่าน แต่เสียงพูดหาได้เบา ๆ ไม่ สีหน้าของทั้งสองพลันแปรเปลี่ยนไปในทันที ใบหน้าที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มพลัยหยุดลง องครักษ์ที่ถืออาวุธอยู่ในมือต่างก็กำหมัดแน่น รอฟังคำสั่ง
เฟิ่งชิงเฉินหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาจักลงมือ แต่สตรีทั้งสองกลับอดทนได้ดียิ่งนัก ยามที่นางกำลังก้าวขาออกมาจากธรณีประตู องค์หญิงเหยาหวาก็พลันยืนขึ้น พร้อมทั้งส่งสัญญาณให้องครักษ์ไปขัดขวางเฟิ่งชิงเฉิน
“เฟิ่งชิงเฉิน การผ่าตัดเปิดหน้าท้องของเจ้า เปิ่นกงจักเข้าไปดูด้วย”