— ปัง! —
มู่เฉียนซีถีบเขากระเด็นออกไปอีกครั้ง นางตัดสินใจที่จะออกไปและแยกกับบุรุษนุ่มนิ่มน่ารำคาญผู้นี้ ทางที่ดีอย่าได้เจอะเจอกันอีกเลย
จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้กล่าวว่า “ในเมื่อเชียนอ้าวเซี่ยได้กระบี่วิญญาณน้ำแข็งแล้ว สุสานนี้ก็จะจมลงสู่ก้นบึ้งของชั้นน้ำแข็ง พวกเจ้ารีบออกไปเถอะ”
“ไปกันเถอะ”
มู่เฉียนซีและเชียนอ้าวเซี่ยรีบถอยออกไปในทันที เมื่อพวกเขาเดินออกจากสุสาน งูเหลือมยักษ์ทั้งสองตัวก็รออยู่ด้านนอก พวกมันดูดุร้ายเต็มที่
“เจ้ามนุษย์สารเลวทั้งสอง ในที่สุดพวกเจ้าก็ออกมากันเสียที”
พวกมันจ้องมองมู่เฉียนซีและเชียนอ้าวเซี่ยอย่างดุร้าย
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เสี่ยวหง อู๋ตี้ พวกเจ้าไปปะทะกับพวกมันอีกสักหน่อยซิ”
“ได้เลยนายท่าน”
อู๋ตี้และเสี่ยวหงรีบพุ่งออกไป ต่อสู้กับงูเหลือมหิมะและงูเหลือมเพลิงอีกครั้ง
“เป็นเจ้าสารเลวสองตัวนี้อีกแล้ว รนหาที่ตายแท้ ๆ!”
— ตูม! ตูม! —
พวกมันทั้งสี่ต่อสู้กันอีกครั้ง
มู่เฉียนซีไม่ได้คิดว่าจะต้องแพ้หรือชนะ เพียงแต่นางต้องได้ดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นมาถึงจะยอมจากไป นางฉวยโอกาสพุ่งเข้าใส่ดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นนั้น
เวลานี้งูเหลือมหิมะโกรธยิ่งนัก พายุหิมะอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งตรงเข้าใส่มู่เฉียนซี
“โล่วิญญาณวารี!”
งูเหลือมหิมะใกล้เข้ามาแล้ว มันเกือบจะกลืนมู่เฉียนซีลงท้อง แต่แล้วร่างสีขาวหิมะก็พุ่งเข้ามา กวัดแกว่งกระบี่วิญญาณน้ำแข็งเพื่อป้องกันมู่เฉียนซี
“เจ้ากล้าแตะต้องเสี่ยวซีซีของข้าก็ลองดู” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างเย็นชา
ม่านตาของงูเหลือมหิมะหดเล็กลงทันที “กระบี่วิญญาณน้ำแข็ง เจ้าเป็นลูกหลานของจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้รึนี่!”
“กล้าดีอย่างไรมาแตะต้องนายท่านของข้า!” อู๋ตี้โกรธกรุ่น มันตะคอกพลางกระโจนเข้าใส่
— ตูม! —
งูเหลือมหิมะถูกตบกระเด็นออกไป ส่วนงูเหลือมเพลิงเพียงมองเชียนอ้าวเซี่ยกับกระบี่เล่มนั้น มันไม่ได้ลงมือทําอะไรบุ่มบ่าม
งูเหลือมหิมะ “พวกข้าไม่รู้ว่าเป็นลูกหลานของท่านจักรพรรดิ หากเป็นลูกหลานของท่านจักพรรดิ เช่นนั้นดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นนี้พวกข้าจะใส่พานถวายให้”
เดิมทีคิดว่าจะมีการต่อสู้ที่ดุเดือดแต่ตอนนี้กลับจบลงอย่างสงบ
งูเหลือมหิมะให้มู่เฉียนซีเก็บสมุนไพรอย่างใจกว้าง มู่เฉียนซีดีใจอย่างมาก นางเก็บดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นลงมาอย่างระมัดระวัง พลางเก็บมันไว้อย่างอ่อนโยนราวกับว่ามันคือเด็กที่ต้องการการดูแล
เชียนอ้าวเซี่ยเห็นมู่เฉียนซีเช่นนี้ก็ถึงกับยืนอึ้ง นางหยิ่งยโส เผด็จการ เย็นชา ไร้ความปราณี สิ่งเหล่านี้เขาได้เจอมาหมดแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเสี่ยวซีซีในมุมอ่อนโยนเช่นนี้ …ราวกับรังสีของแสงแดดที่ทำให้หัวใจของเขาสั่น
มู่เฉียนซีเก็บดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นไว้แล้ว ครั้งหน้าหากท่านอาเล็กป่วย นางก็ไม่จําเป็นต้องตื่นตระหนกอีกแล้ว
แต่ทว่า…
มู่เฉียนซีถามขึ้น “พวกเราจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไรรึ ?”
งูเหลือมหิมะ “พวกข้ารู้ทางไปด้านบน พวกเจ้าขึ้นมาบนตัวข้า ข้าจะพาพวกเจ้าขึ้นไปเอง”
พวกมันรู้จักที่จะตอบแทนคุณที่ในตอนนั้นจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้เคยช่วยพวกมันไว้
มู่เฉียนซียืนอยู่บนหลังของงูเหลือมหิมะอย่างสงบนิ่ง แต่เชียนอ้าวเซี่ยกลับเกาะไว้แน่น เขากล่าวเสียงสั่นว่า “เสี่ยวซีซี ขะ… ข้ากลัว”
คนทั่วไปหากต้องมายืนอยู่บนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม จะไม่กลัวได้อย่างไร ?
งูเหลือมหิมะรู้สึกจนปัญญาเสียจริง มนุษย์ผู้นี้จะเป็นลูกผู้ชายหน่อยไม่ได้เลยเชียวหรือ ?
หากไม่ใช่เพราะเขาถือกระบี่วิญญาณหิมะในมือ มันคงไม่เชื่อว่าบุรุษผู้นี้เป็นลูกหลานของจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้จริง ๆ แน่
“เจ้ามายืนหรือไม่ก็นั่งดี ๆ ให้ไวเลย ไม่เช่นนั้นข้าจะไปแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
“ไม่เอา” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวทว่าเขาก็รีบปีนขึ้นไป
งูเหลือมหิมะเลื้อยไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อพาพวกเขาออกไป เพราะความเร็วที่จัดว่าเร็วมาก เชียนอ้าวเซี่ยจึงเกือบจะตกลงมาอยู่หลายครั้ง
มู่เฉียนซีได้ยินเสียงครวญครางของเขาตลอดทาง “เสี่ยวซีซี นี่มันเร็วมาก ข้ากลัวเหลือเกิน!”
“เสี่ยวซีซี อ๊าก! ช่วยด้วย”
“ฮือ! เสี่ยวซีซีเจ้าไม่สนใจข้าเลย”
เสียงเอะอะโวยวายนั่นทําให้งูเหลือมหิมะแทบอยากจะโยนบุรุษผู้นี้ลงไป เขาเสียงดังเกินไปจริง ๆ
หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นลูกหลานของจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ มันคงกลืนกินลงท้องไปนานแล้ว
ในที่สุดพวกเขาก็ขึ้นมาถึงส่วนที่เป็นที่ราบ เชียนอ้าวเซี่ยถูกโยนลงบนพื้น เขาตะโกนออกมาขณะที่มู่เฉียนซีกับงูเหลือมหิมะเข้ามาใกล้
งูเหลือมหิมะ “มนุษย์เอ๋ย… ข้าส่งพวกเจ้าเท่านี้” มู่เฉียนซีพยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า “ขอบคุณเจ้ามาก ข้าเอาดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นของพวกเจ้าไป เรื่องนั้นข้าต้องขอโทษเป็นอย่างมาก นี่เป็นสิ่งที่ข้าจะขอมอบให้พวกเจ้าเพื่อทดแทน”
“ยาเม็ด ยาแบบฉีด!” งูเหลือมหิมะตะลึงงันเมื่อเห็นสิ่งของเหล่านี้
มันปฏิเสธ “ข้าขอไม่รับไว้ ต้องขออภัย พวกเราไม่ใช่มนุษย์”
“วางใจเถอะ ยาเหล่านี้ก็มีประโยชน์กับพวกเจ้า พวกเจ้าลองดูแล้วจะรู้เอง”
งูเหลือมหิมะรู้สึกถึงความจริงใจของมู่เฉียนซี ดังนั้นมันจึงเก็บของเหล่านั้นเอาไว้ หลังจากงูเหลือมหิมะจากไป มู่เฉียนซีมองไปทางเชียนอ้าวเซี่ยที่นอนอยู่บนพื้นโดยกำลังแกล้งตาย นางกล่าวขึ้น “ข้าจะไปแล้ว หากเจ้าอยากนอนอยู่ที่นี่ให้สัตว์วิญญาณมากินละก็ เชิญนอนต่อไปได้เลย”
เชียนอ้าวเซี่ย “เสี่ยวซีซี ข้าเหนื่อยแล้ว เจ้าแบกข้าไปหน่อยสิ”
“เจ้าตัวหนักนัก เดินเองเถอะ”
“ข้าตัวไม่หนัก จริง ๆ นะเจ้าเชื่อข้าเถอะ” เชียนอ้าวเซี่ยมองไปทางมู่เฉียนซีด้วยสายตาเว้าวอน
“เจ้าอย่ามากระทำตัวน่ารำคาญ เจ้าดูแลตัวเองจะดีกว่า”
จะให้มีอีกกี่พฤติกรรม มู่เฉียนซีก็ยืนยันว่านางคร้านที่จะสนใจเขาผู้นี้แล้วจริง ๆ เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีกำลังจะเดินจากไปไกล เชียนอ้าวเซี่ยจึงดันร่างลุกขึ้นมา จากนั้นเขาวิ่งอย่างสุดกำลังพุ่งตามมู่เฉียนซีไป
“เสี่ยวซีซี เจ้าอย่าโกรธไปเลย ข้าเพียงแค่ล้อเล่นกับเจ้าเท่านั้นเอง”
“เสี่ยวซีซีน้อย พวกเราจะไปไหนกันหรือ ?”
“เราก็ออกไปให้ไกลจากที่พื้นราบน้ำแข็งนี้อย่างไรเล่า”
นางมายังทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้เพื่อที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเอง อีกประการคือเพื่อที่จะตามหาสมุนไพรวิญญาณ
ความแข็งแกร่งของนางนั้นได้เพิ่มขึ้นถึงขั้นปรมาจารย์ภูตระดับเก้าแล้ว ส่วนสมุนไพรวิญญาณนั้น นางก็ได้หาดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นพบแล้ว ต่อจากนี้ต้องไปจากที่แห่งนี้เพื่อหาข่าวของหม้อเทพนิรันดร์หรือไม่ก็ข่าวของหุบเขาหมอเทวดา “ได้สิ เสี่ยวซีซี อย่างไรข้าก็ตามเจ้าไปแน่นอนอยู่แล้ว”
ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังจะออกไปจากทุ่งน้ำแข็งนั้น องครักษ์ของเชียนอ้าวเซี่ยก็หาตัวเขาพบ “คุณชาย ในที่สุดพวกเราก็พบท่านแล้ว”
“ฮืมมมม! คุณชาย โชคดีที่ท่านไม่เป็นอะไร มิเช่นนั้นพวกเราก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้นายทานใหญ่ฟังเช่นไรขอรับ”
“คุณชาย…”
พวกคนเหล่านั้นร้องไห้โฮออกมา เชียนอ้าวเซี่ยขมวดคิ้วทันที “พวกเจ้าร้องไห้ทำไมกัน ? ข้าเพียงแค่ไปโลกที่มีเพียงสองคนกับเสี่ยวซีซีเท่านั้นเอง พวกเจ้ากังวลอะไรนักหนาหรือ ?”
“ฮืออออ… คุณชาย”
……
มู่เฉียนซีและเชียนอ้าวเซี่ยกลับมาถึงที่เมืองปิงเฟิงอีกครั้ง มู่เฉียนซีนั้นจะเข้าพักในโรงเตี๊ยม คุณชายเซี่ยเมื่อได้รู้ เขาก็รีบเหมาทุกห้องในโรงเตี๊ยมโดยที่ตัวเขาเองเลือกพักอยู่ห้องข้าง ๆ มู่เฉียนซี
ปรากฏว่าเมื่อถึงตอนกลางคืน คุณชายเซี่ยปีนข้ามไปห้องนางจากทางหน้าต่าง หวังจะได้ทำบางสิ่งกับนาง
มู่เฉียนซีลืมตาตื่นขึ้นมา เดิมทีนางนั้นกะจะฆ่าผู้ที่บุกรุกเข้ามาทุกคน แต่เวลานี้เห็นใบหน้าหนึ่งที่คุ้นเคย นางกะพริบตา มองไปยังใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติเหมือนดั่งปีศาจหิมะก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “หยุดเดี๋ยวนี้! เจ้าไสหัวกลับไปซะ!”
ทว่าเชียนอ้าวเซี่ยไม่ฟัง เขาเข้าไปใกล้นางอย่างไม่เกรงกลัวความตาย ปากก็กล่าวขึ้น “เสี่ยวซีซี เจ้าต้องเชื่อใจข้า ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเจ็บ”
มู่เฉียนซีกล่าว “ได้! เช่นนั้นอาภรณ์ทั้งหมดของเจ้า เจ้าถอดออกก่อน”
ผิวขาวราวหิมะเวลานี้เจือด้วยสีแดงระเรื่อ เขากล่าวขึ้นอย่างเขินอายว่า “อืม ข้ารู้ว่าเสี่ยวซีซีนั้นยังคงชอบข้า ข้าดีใจเป็นอย่างมาก”
จากนั้นเขาก็ถอดผ้าอาภรณ์ทุกชิ้นออกอย่างสง่างาม รอจนเมื่อเขาถอดเสร็จ มู่เฉียนซีก็ผูกเขาไว้กับสายรัดเอวของเขาและแขวนมันไว้บนคานห้อง
นางหัวเราะหยอกล้อ “ฮ่า ๆ ๆ คุณชายเซี่ย คืนนี้พระจันทร์งดงามไม่เลวเลย เจ้าค่อย ๆ เชยชมมันไปแล้วกัน ห้องนี้นั้นข้าอยู่ไม่ได้แล้ว”
มู่เฉียนซีผลักประตูห้องเปิดออกเตรียมย้ายห้อง ทว่าทันใดนั้น นางถูกเงาร่างสีดำเงาหนึ่งโฉบเอาตัวไป
.
.
.