ผู้ที่กล้ามาโฉบเอาตัวผู้นำตระกูลมู่ไปได้อย่างสบาย ๆ นั้น นอกจากเยี่ยอ๋องแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีก ?
“อยู่ห่าง ๆ จากเขาหน่อย” จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงขรึม
มู่เฉียนซีพยักหน้า “จิ่วเยี่ยเจ้าวางใจได้เลย วันพรุ่งนี้ข้าจะเดินทางออกจากเมืองปิงเฟิง จะสลัดเจ้าบ้าน่ารำคาญนั่นทิ้งไปไกล ๆ อย่างแน่นอน”
“พรุ่งนี้… อา… เจ้าไปไม่ได้” จิ่วเยี่ยแนะนำให้มู่เฉียนซีเปลี่ยนโรงเตี๊ยมไปเป็นอีกโรงเตี๊ยมหนึ่ง
ส่วนเหตุที่ไปไม่ได้นั้น… มู่เฉียนซีร้องไห้อย่างไร้น้ำตา นางก่นด่าออกมา “จิ่วเยี่ย เจ้ามันบัดซบเสียจริง!”
…
“คุณชาย!” องครักษ์ของเชียนอ้าวเซี่ย เมื่อได้มาเห็นคุณชายถูกแขวนอยู่อย่างน่าเวทนา พวกเขาก็เบิกตากว้างจนลูกตาแทบถลนออกมานอกเบ้า
เชียนอ้าวเซี่ย “พวกเจ้ามองอะไรอยู่เล่า ? รีบมาช่วยข้าลงไปเซ่!”
เมื่อโดนแขวนมาทั้งวัน ทั้งร่างของเขาก็ชาไปหมด เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวออกมาอย่างโศกเศร้า “เสี่ยวซีซี เจ้าช่างใจร้ายนัก…” “แล้วเสี่ยวซีซีล่ะ ? นางไปไหนแล้ว ?” เชียนอ้าวเซี่ยถามหา
“เอ่อ… เรื่องนี้พวกเราเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันขอรับ”
“เช่นนั้นก็รีบไปหานาง ไปพานางมาให้ข้า”
“ขอรับ ขอรับ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่คุณชายของพวกเขาล้มเหลวในการตามจีบสตรีงาม ด้วยความพยายามอย่างแน่วแน่ ในที่สุดพวกเขาก็ตามตัวแม่นางมู่พบ และด้วยกำลังคนที่มีอย่างมากมาย ไม่ช้ามู่เฉียนซีลืมตาขึ้นมาก็มองเห็นบุรุษน่ารำคาญที่ตามติดมาอย่างไม่ลดละ
เขากำลังมองมาที่นางและยิ้มโง่ ๆ ให้นาง
“เสี่ยวซีซีเจ้าตื่นแล้ว ข้านั้นหาเจ้าเจอไม่ยากเลย”
“ไสหัวไป! ข้าจะพักผ่อน” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้าน
อาการป่วยของจิ่วเยี่ยนั้นไม่เบาลงเลย ถึงแม้ว่านางจะเป็นหมอยาประจำตัวของเขา แต่ก็ใกล้จะทนรับไม่ไหว นางอยากที่จะเลิกทำงานนี้เสียให้รู้แล้วรู้รอด เจ้าปีศาจหิมะนี่ก็เหลือเกิน เขาตามติดนางมากเกินไป เกรงว่าจิ่วเยี่ยจะทำอะไรที่หนักข้อกว่าเดิม เวลานี้มู่เฉียนซีอยากจะอยู่ให้ห่างจากเชียนอ้าวเซี่ยอย่างแท้จริง
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้ม กล่าวว่า “เสี่ยวซีซี เจ้านอนหลับก็แล้วกัน ข้านั้นจะคอยเฝ้าอยู่ข้างกายคอยตบยุงให้เจ้าดีหรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีบิดมุมปากเล็กน้อย “ที่นี่คือเมืองปิงเฟิง ทัศนียภาพโดยรอบเป็นน้ำแข็ง อุณภูมิต่ำเช่นนี้เจ้าคิดว่าจะมียุงหรือ ?”
เชียนอ้าวเซี่ย “มีใครสักคนอยู่ข้างกายเวลานอนหลับนั้นทำให้มีความรู้สึกปลอดภัย เสี่ยวซีซีให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเถอะ”
“มีเจ้าอยู่ ข้าไม่มีความรู้สึกปลอดภัยแม้แต่น้อย หากเจ้ายังไม่ไป ข้าจะให้เสี่ยวหงย่างเจ้าเสีย” “เสี่ยวซีซี…” ดวงตาสีดำเงานั้นช่างดึงดูดเสียจริง แต่ทว่ามู่เฉียนซีไม่ติดกับของเขา
“เสี่ยวหงออกมา!”
สิ้นเสียงเรียก แสงสีแดงพุ่งออกมาและโจมตีเข้าใส่เชียนอ้าวเซี่ยอย่างไม่เกรงใจ
ชายผู้นี้บังอาจนัก กล้าที่จะมาตามติดสตรีของจิ่วเยี่ยอย่างไม่ลดละ รนหาที่ตายแล้ว!
— ตูม! —
เชียนอ้าวเซี่ยถูกโยนออกไป เส้นผมของเขาที่เหมือนกับผ้าไหมนั้นถูกเผาไหม้ไปไม่น้อย จึงทำให้ผมของบุรุษผู้สง่างามผู้นั้นกลายเป็นทรงหงอนไก่กระเซอะกระเซิง ทรงนี้… ไม่มีหน้ากล้าไปพบผู้คนแล้ว
ในที่สุดสภาพแวดล้อมรอบตัวก็สงบลงเสียที มู่เฉียนซีจึงนอนหลับไปอีกครั้ง
เสี่ยวหงจนปัญญานัก มันบ่นพึมพำออกมา “นายท่านจิ่วเยี่ย หนทางในการหว่านเสน่ห์ใส่ว่าที่ภรรยาของท่านนั้นมีคู่แข่ง ท่านต้องสู้ต่อไป สู้ต่อไป!”
ในตอนนั้นจิ่วเยี่ยได้ให้มันไปทำพันธสัญญากับนายท่านคนปัจจุบัน นอกจากให้ทำหน้าที่ปกป้องผู้เป็นนายแล้ว ยังต้องช่วยเขาทำให้นายท่านของมันนั้นชอบนายท่านจิ่วเยี่ยอีกด้วย แต่ว่าเมื่อเห็นข้างกายของนายท่านมีบุรุษผู้งดงามไม่น้อยอยู่ แม้นายท่านจะมีภูมิคุ้มกันด้านความรู้สึกในแบบของหญิงชายที่แข็งแกร่ง แต่มันก็ยังรู้สึกว่าหน้าที่ของมันนั้นช่างหนักหน่วง เรื่องนี้ช่างทำให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ลำบากเสียจริง หลังจากมู่เฉียนซีได้อยู่ที่เมืองเฟิงปิงอีกหนึ่งวัน นางก็เตรียมตัวที่จะจากไป
นางเตรียมตัวที่จะไปที่เมืองเหยียนตูเพื่อหาข่าว ปรากฏว่าเมื่อออกจากเมืองก็ได้เห็นชายงามที่ดูแล้วเหมือนดอกไม้เบ่งบานรออยู่ที่ประตูเมืองราวกับนายพรานที่รอกระต่ายมาติดกับ
เมื่อเชียนอ้าวเซี่ยเห็นมู่เฉียนซี เขาก็พุ่งเข้ามาราวกับหมาป่าที่เห็นอาหารรสโอชา
“เสี่ยวซีซี เจ้าจะไปที่ไหนหรือ ? ข้าว่าพวกเราต้องไปทางเดียวกันเป็นแน่ ไปด้วยกันดีไหม ?”
เหล่าองครักษ์ของเชียนอ้าวเซี่ยล้วนยิ้มเจื่อน หากถามว่าคุณชายของจวนใดหน้าไม่อายเป็นที่สุด ตำแหน่งนั้นก็คงจะต้องตกเป็นของคุณชายของพวกเขาเป็นแน่แท้ คุณชายของพวกเขานั้นคิดที่จะติดตามไปกับแม่นางมู่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แน่นอนว่าอย่างไรเสียก็ต้องไปทางเดียวกัน
มู่เฉียนซีเงยหน้ามองเชียนอ้าวเซี่ย “ข้าจะไปนรก เจ้าคิดว่าไปทางเดียวกันหรือไม่ล่ะ ?”
เชียนอ้าวเซี่ยพยักหน้า “แน่นอนว่าทางเดียวกัน ขอแค่เป็นที่ที่เสี่ยวซีซีอยู่ ที่แห่งนั้นก็เป็นที่ที่ดีที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะเป็นนรกก็ตาม”
“เจ้าว่างถึงเพียงนั้นเลยรึ ?” มู่เฉียนซีพึมพำ เจ้าคนผู้นี้แม้จะฝึกยุทธ์ไม่ได้ก็ช่าง แต่ทั้งวันในทุก ๆ วัน เขาไม่มีเรื่องอะไรอื่นให้ไปทำเลยหรือไร ?
“ไม่ ข้านั้นไม่ได้ว่าง ตอนนี้ทั้งกายและใจของข้ามุ่งแต่จะตามจีบตามเกี้ยวเจ้า เสี่ยวซีซี รอเมื่อจีบเจ้าสำเร็จแล้ว ข้าก็ยังจะต้องยุ่งกับการสร้างบุตรหลาน แล้วจากนั้น…” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวออกมาเป็นตุเป็นตะ ทำให้มู่เฉียนซีหมดคำจะกล่าว
“ไสหัวไป!”
— ปัง! —
เชียนอ้าวเซี่ยถูกเตะกระเด็นออกไปอีกครั้ง องครักษ์ทุกคนนั้นล้วนแต่เอามือปิดหน้าไม่กล้ามองต่อ ไม่ว่าคุณชายของพวกเขาจะโดนเตะสักกี่รอบ คุณชายก็ยังไม่ยอมแพ้ เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวพลางทำท่าทางน่าสงสาร “เสี่ยวซีซี ข้าเจ็บมาก…”
บุรุษน่ารำคาญผู้นี้หน้าไม่อายนัก พึ่งพาก็ไม่ได้ ซ้ำยังกวนประสาท จะสลัดอย่างไรก็สลัดไม่พ้น
เขามาทำให้นางโกรธเกรี้ยวได้ แล้วเหตุใดนางจะหนีไปไม่ได้ ?
มู่เฉียนซีตัดสินใจใช้เงินทองจำนวนมากจ้างสัตว์วิญญาณรับจ้างที่มีความเร็วในการบินที่เรียกได้ว่าว่องไวที่สุดบินไปยังเมืองเหยียนตู
“เจ้าเซี่ย แต่ละวันเจ้านั้นเอาแต่เที่ยวหยอกล้อผู้อื่นเล่น แต่ว่าข้าไม่มีเวลาที่จะมาเล่นเป็นเพื่อนเจ้า ข้ายังมีเรื่องอีกมากมายจะต้องทำให้เสร็จสิ้น” มู่เฉียนซีตะโกนก้อง
เชียนอ้าวเซี่ยตะโกนตอบ “เสี่ยวซีซี เจ้าต้องการจะทำอะไรเจ้าบอกกับข้าได้ ข้าสามารถช่วยเจ้าได้” “เสี่ยวซีซี…”
เวลานี้มู่เฉียนซีไม่ได้ยินเสียงของเชียนอ้าวเซี่ยแล้ว นางหายลับไปในอากาศ…
“รีบตามไปเร็วเข้า!” เชียนอ้าวเซี่ยเร่งสั่งเหล่าองครักษ์
มู่เฉียนซีใช้สถานะนักปรุงยาระดับกลางเข้าไปหาข่าวในกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตร และได้ซื้อสมุนไพรวิญญาณมาจำนวนหนึ่ง นอกจากสมุนไพรแล้วนางไม่ได้สิ่งใดเลย
ถ้าหากว่าผู้ใดก็รู้ข่าวคราวของหม้อเทพนิรันดร์ เช่นนั้นแล้วหม้อเทพนิรันดร์นั้นก็คงจะมิได้แตกต่างอะไรไปจากหัวผักกาดขาว
มู่เฉียนซีไปถามผู้อาวุโสท่านหนึ่งในกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตร “ปรมาจารย์ต้วน นอกจากข่าวจากกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตรของท่านแล้ว ยังมีที่ใดที่สามารถหาข่าวได้ค่อนข้างดีอีกบ้างรึ ?”
ปรมาจารย์ต้วน “นอกจากกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตรแล้ว หอการค้าอันดับหนึ่งก็มีสายข่าวของตนเอง แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่ช่วยเหลือคนนอก ส่วนสำนักอวิ๋นเยียนแห่งสำนักนิกายระดับหนึ่งนั้นยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องการควบคุมเรื่องข่าวสารเลย แต่ส่วนที่น่ากลัวที่สุดเกรงว่าคงจะเป็นหอเชียนอิน …หอเชียนอินนั้นดำรงอยู่ด้วยการขายข่าวสารเป็นหลัก ณ ปัจจุบันนี้มีสถานที่ที่มีพวกหูตาของหอเชียนอินอยู่ไม่น้อย”
ในเมื่อมีกลุ่มคนที่รวบรวมข่าวสารเช่นนี้ ในที่สุดมู่เฉียนซีก็มีเป้าหมายแล้ว ขอแค่พวกเขาให้ข่าวสารที่น่าพอใจ ไม่ว่าเป็นเงินทองเท่าไรก็ไม่มีปัญหาเลยสำหรับนาง มู่เฉียนซีถามขึ้น “ทำอย่างไรถึงจะซื้อข่าวสารจากหอเชียนอินได้ ?”
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก โดยปกติแล้วการซื้อขายข่าวในหอเชียนอินนั้นล้วนแต่เป็นผู้ที่มิได้มีสถานะต่ำต้อย คนธรรมดาทั่วไปไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปทำการซื้อขายใหอเชียนอินได้ และพวกเขานั้นยังลึกลับเป็นอย่างมาก ข้าเองก็ได้ยินมาจากการที่ได้สนทนากับผู้นำสมาคมพันธมิตรย่อย ถึงได้รู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของมัน”
“ข้าต้องการพบผู้นำสมาคมพันธมิตรย่อย”
“ผู้นำสมาคมพันธมิตรย่อยออกไปข้างนอกแล้ว เกรงว่าคงไม่ได้กลับมาไวนัก”
การที่หอเชียนอินทำการค้าขายข่าวสารนั้น แน่นอนว่าทำให้ต้องไปล่วงเกินคนจำนวนไม่น้อย ถึงว่าว่าเหตุใดจึงต้องซ่อนตัวเสียลึกลับเช่นนั้น แต่เพียงได้รู้ว่ามีสถานที่เช่นนั้นอยู่ นางจะต้องหามันเจออย่างแน่นอน
เมื่อมู่เฉียนซีเดินออกมาจากกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตร ก็ได้ยินเสียงที่มีเสน่ห์เสียงหนึ่งเข้า
“ฮืออออ… เสี่ยวซีซี ในที่สุดข้าก็ตามเจ้าทันเสียที ข้าคิดถึงเจ้าแทบตายแล้ว”
บุรุษชุดขาวมาอีกแล้ว เขาร้องไห้น้ำตาดั่งสายฝน สตรีใดได้เห็นก็มักคิดอยากจะนำเขาเข้าไปไว้ในอ้อมกอดและปลอบประโลมเขาอย่างดี
ทว่าสำหรับมู่เฉียนซี บุรุษที่เป็นเช่นนี้ช่างเป็นหายนะอันใหญ่หลวงเสียจริง
.
.
.