กู่ฉิงซานนั่งบนบัลลังก์ราชาเทพขณะรออย่างเงียบงัน

เขากำลังรอให้มนุษย์แสงกลับมา

การตัดสินใจของเทพจินเยี่ยนจะข้องเกี่ยวกับแผนโดยรวมที่อยู่เบื้องหลังเขา

ถ้าเทพจินเยี่ยนผ่านการทดสอบของมนุษย์แสง เช่นนั้นกู่ฉิงซานจะต้องยอมรับการเข้าร่วมของเขา

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หนึ่งวันผ่านไปอีกครั้ง

ห้าวันผ่านไปนับตั้งแต่การตายของราชาเทพองค์ที่แล้วกับเทพแห่งความเย็นยะเยือก

ในอีกสองวัน เทพองค์ใหม่กำลังจะถือกำเนิด

กู่ฉิงซานตัดสินใจจะรอจนถึงวันสุดท้าย

ถ้ามนุษย์แสงไม่กลับมา เขาเตรียมที่จะตัดใจจากร่างวิญญาณก่อนจากไปพร้อมลั่วปิงหลี

ตอนนี้ อารักขาเทพสองตนเหาะมาที่ตำหนักราชาเทพก่อนคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วกล่าวว่า

“นายท่าน มนุษย์แสงมาถึงแล้ว เขาอยากพบท่าน”

“เขามาเพียงลำพังหรือ” กู่ฉิงซานถาม

“ใช่แล้ว นายท่าน” อารักขาเทพตนหนึ่งตอบ

กู่ฉิงซานยิ้มก่อนกล่าวว่า “ให้เขาเข้ามา”

ผ่านไปสักพัก

มนุษย์แสงถูกนำตัวเข้าสู่ตำหนักราชาเทพ

เขาคำนับให้กู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า “ข้ามาพบนายท่านแล้ว”

“ผลเป็นอย่างไรบ้าง” กู่ฉิงซานถามตามตรง

มนุษย์แสงถอนหายใจเล็กน้อยก่อนกล่าวเสียงต่ำว่า “อย่างที่นายท่านคาดเอาไว้เลย”

กู่ฉิงซานมองมนุษย์แสงแล้วถามอย่างสงสัยว่า “แล้วเจ้าทำอะไรกับเทพจินเยี่ยน”

“ข้าพาเขาไปภาพซ้อนทับแห่งเวลาที่ถูกยึดครองโดยพวกเราเผ่าพันธุ์เทพ ข้าบอกเขาว่ากู่ฉิงซานอยู่ในภาพซ้อนทับของยุคนั้น” มนุษย์แสงกล่าว

“นี่เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นความจริง” กู่ฉิงซานกล่าว

“ใช่ ข้าสร้างภาพมายาขึ้นมา ข้าอยากลองดูว่าเขาจะทิ้งเทพโบราณในช่วงวิกฤติหรือไม่ เพื่อบรรลุเป้าหมายของเขา แม้กระทั่งความเป็นความตายของพวกเราบรรพบุรุษก็ยังถูกเมิน” มนุษย์แสงกล่าว

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “เช่นนั้นเขาก็ยอมสละผลประโยชน์ของพวกเราเผ่าพันธุ์เทพโบราณเพื่อฆ่ากู่ฉิงซานสินะ”

“ใช่” มนุษย์แสงกล่าว

กู่ฉิงซานโบกมือแล้วถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “เจ้าไม่ได้ฆ่าเขาหรือ”

“ข้าแค่กลับมาเฉยๆ”

“ทำไมล่ะ”

“คนที่เริ่มภาพซ้อนทับแห่งเวลามาจากผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์นามว่ากู่ฉิงซานในอีกหนึ่งหมื่นปีต่อมา พวกเราคิดว่าหากร่วมมือกับเทพจินเยี่ยนเพื่อฆ่าเขาและยึดครองความลับมนุษย์มาจะช่วยทุกสิ่งเอาไว้ได้”

“แต่ตอนนี้พวกเราทราบความจริงจากท่านแล้ว ในการเผชิญหน้ากับตัวตนไร้เทียมทานอย่างวิญญาณกรีดร้อง กู่ฉิงซานไมใช่สิ่งที่สำคัญอีกต่อไป”

มนุษย์แสงนิ่งก่อนกล่าวด้วยความสับสนว่า “ทุกสิ่งที่พวกเราเตรียมมาไม่สามารถรับมือราชาของเผ่าพันธุ์บรรพกาลกับหอกหลากสีสันในมือของเขาได้ ยิ่งเทพนิรันดร์ที่แท้จริงยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเราไม่สามารถคิดหาหนทางได้แล้วจริงๆ ”

“ในการเผชิญหน้ากับความจริงของประวัติศาสตร์ เผ่าพันธุ์เทพควรจะไปที่ไหนดี”

หลังจากได้ฟังคำถามนี้ กู่ฉิงซานเงียบ

นี่คือสิ่งที่กำลังคิดเพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์เช่นกัน

วิญญาณกรีดร้องจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายแผนการได้

ราชาเทพองค์ที่แล้วลอกเลียนแบบของจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยการสร้างหวนคืนชาติภพหกวิถีขึ้นมาก่อนจะถูกสังหาร

ตัวตนที่ทรงพลังและระแวดระวังเช่นนั้น จะมีใครที่สามารถหนีรอดจากเงื้อมมือไปได้ จะมีใครที่สามารถรับมือได้

ลั่วปิงหลียืนอยู่ด้านข้างขณะมองอย่างเย็นชา นางลังเลก่อนค่อยๆ โผล่หน้าออกมา

นางเข้าใจถึงความยากลำบากของเรื่องนี้ดี นางเข้าใจถึงภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกครั้งใหญ่ที่เผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์เทพเผชิญ

แต่นางจะไปทำอะไรได้

ตอนนี้ ผู้ชี้นำเผ่าพันธุ์เทพ ผู้ชี้นำเผ่าพันธุ์มนุษย์และผู้ฝึกยุทธ์ผู้เปิดภาพซ้อนทับของยุคโบราณที่มาจากอนาคตมารวมอยู่ที่ตำหนักราชาเทพแล้ว

พวกเขาล้วนกำลังครุ่นคิด

ทั่วตำหนักราชาเทพเกิดความเงียบ

ผ่านไปสักพัก

ทันใดนั้น อารักขาเทพอีกตนเหาะเข้ามาก่อนคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อรายงาน

“นายท่าน เทพจินเยี่ยนกลับมาแล้ว เขาขอเข้าพบท่าน”

กู่ฉิงซานชำเลืองมองมนุษย์แสงด้วยความคาดไม่ถึง

“เขารู้ว่าตัวเองอยู่ในภาพมายาอย่างนั้นหรือ” กู่ฉิงซานถาม

“ข้าไม่รู้” มนุษย์แสงกล่าว

กู่ฉิงซานพึมพำ “ข้าคิดว่าเขาจะกลับไปอนาคตหลังจากสังหารกู่ฉิงซานที่เป็นภาพมายาไปแล้ว แต่ทำไมเขาถึงกลับมาหาข้าอีกล่ะ”

กู่ฉิงซานสูดหายใจเข้า

เขาพลันยิ้มออกมาก่อนสั่งว่า “ให้เทพและอารักขาเทพทั้งหมดมาพบข้าในตำหนักราชาเทพ ห้ามใครปฏิเสธเด็ดขาด”

“ขอรับ”

อารักขาเทพถ่ายทอดคำสั่ง

หลังจากเทพทุกองค์มารวมตัวในตำหนักราชาเทพแล้ว กู่ฉิงซานสั่งอีกครั้งว่า “ให้เทพจินเยี่ยนเข้ามาพบข้า”

“ขอรับ”

ผ่านไปสักพัก

เทพจินเยี่ยนเข้ามาในตำหนักราชาเทพ

เขามองเทพทุกองค์ที่มารวมตัวกันด้วยความประหลาดใจ ในใจเกิดความขมขื่นขึ้นมา

เขารู้ความสามารถและจุดอ่อนทั้งหมดของเทพแห่งความเย็นยะเยือก ถ้าจู่ๆ เขาลงมือ มีความเป็นไปได้สูงที่การโจมตีจะประสบความสำเร็จ

ถ้าเช่นนั้น จะไม่มีเทพองค์ไหนนอกจากเขาที่ได้รับดาบศักดิ์สิทธิ์

น่าเสียดายที่เทพแห่งความเย็นยะเยือกผู้ทราบชะตากรรมในอนาคตถึงกับป้องกันอย่างระมัดระวัง

ตอนนี้ดูท่าพวกเขามีแต่ต้องเดินเส้นทางสายตรงเท่านั้น

ขณะที่เขาคิดอยู่นั้น ราชาเทพบนบัลลังก์สูงก็พูดขึ้นว่า

“จินเยี่ยน เจ้ามาที่นี่เพื่อบอกลาพวกข้างั้นหรือ”

เทพจินเยี่ยนสงบจิตใจลง ใบหน้าเผยรอยยิ้มมีชัยออกมา กล่าวว่า “ท่านราชาเทพ ใช่แล้ว ในที่สุดข้าก็ฆ่ากู่ฉิงซานได้”

เกิดความเงียบในโถง

เทพมองเขาองค์แล้วองค์เล่า

มนุษย์แสงไม่พูดอะไร

ลั่วปิงหลีมองกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างสนอกสนใจว่า “เจ้าหาเขาเจอหรือ แล้วฆ่าเขาได้อย่างไรกัน”

เทพจินเยี่ยนถอนหายใจออกมา “ข้าต้องยอมเสียสละเลือดเนื้อของสหายเผ่าพันธุ์เทพไปบางส่วนเพื่อซื้อความเชื่อใจจากเผ่าพันธุ์บรรพกาล พวกเขายอมให้ข้าเข้าโลกบรรพกาลเพื่อล่ากู่ฉิงซาน จากนั้นข้าก็ทำสำเร็จได้ในที่สุด”

“ยินดีด้วย” กู่ฉิงซานกล่าว

เทพจินเยี่ยนพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ข้าจะกลับ กลับไปยังช่วงเวลาของข้า อย่างไรเสีย ประวัติศาสตร์มันได้เปลี่ยนไปแล้วเพราะข้า ทุกสิ่งในอนาคตจะเปลี่ยนไปตามการกระทำที่เป็นห่วงโซ่ ข้าต้องกลับไปเพื่อจัดการกับสถานการณ์หลายสิ่งหลายอย่าง”

กู่ฉิงซานโบกมืออย่างสง่างามแล้วกล่าวว่า “ตามใจเจ้าเลย”

อีกฝ่ายยืนนิ่ง

“ยังมีอย่างอื่นอีกหรือ” กู่ฉิงซานถาม

“ยังมีเรื่องเกี่ยวกับดาบศักดิ์สิทธิ์” เทพจินเยี่ยนกล่าวกับเทพ

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “เรื่องดาบศักดิ์สิทธิ์ถึงกับเป็นกับดักที่เจ้าไม่อาจเข้าใจได้ ถ้าเจ้าอยากไปตามหามัน ข้าก็จะไม่ห้าม”

เทพจินเยี่ยนถามว่า “แล้วท่านล่ะ”

“ข้าหรือ” กู่ฉิงซานส่ายหน้าอย่างเย้ยหยัน “เพื่อโชคชะตาของเผ่าพันธุ์พวกเรา ข้าต้องหาทางไปถึงมันเช่นกัน”

“หรือก็คือ จะต้องมีการต่อสู้ระหว่างท่านกับข้าสินะ” เทพจินเยี่ยนกล่าว

“เจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอก ถ้าได้ดาบศักดิ์สิทธิ์มา ข้าก็ได้แต่หวังว่าเจ้าจะมีชีวิตที่ยืนยาว” กู่ฉิงซานยิ้ม

เทพจินเยี่ยนรู้สึกงุนงง

ไม่ว่าอย่างไร เทพแห่งความเย็นยะเยือกผู้นี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากมนุษย์แสง เป็นไปได้มากว่าเขาจะออกจากภาพซ้อนทับของยุคนี้เพื่อกลายเป็นผู้ท้าชิงที่ทรงพลัง

ตัดสินจากแนวโน้มทางประวัติศาสตร์แล้ว เผ่าพันธุ์บรรพกาลไม่ได้รู้เกี่ยวกับดาบศักดิ์สิทธิ์เลย

เผ่าพันธุ์มนุษย์สร้างดาบศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา แต่พละกำลังของพวกเขาไม่ได้น่าหวาดกลัวแต่อย่างใด

ในบรรดาเผ่าพันธุ์เทพ เทพแห่งความเย็นยะเยือกผู้นี้สามารถทัดเทียมกับเขาได้

หรือก็คือ

ต้องจัดการเขา ดาบศักดิ์สิทธิ์ถึงจะมาอยู่ในมือ!

เทพจินเยี่ยนตัดสินใจได้แล้ว

เขากระตุ้นพละกำลังทั่วทั้งร่าง ปลดปล่อยแสงอันร้อนแรงที่ส่องสว่างไปทั่วทั้งตำหนัก

“เข้ามา เทพแห่งความเย็นยะเยือก มาสู้กับข้าแล้วดูว่าใครมีคุณสมบัติที่จะได้ดาบศักดิ์สิทธิ์ไปครอง!”

พวกเทพเคลื่อนไหว

การท้าทายราชาเทพในที่สาธารณะเช่นนี้นับว่าหาได้ยากยิ่ง ทันทีที่เกิดขึ้น ห้ามใครก้าวก่ายเด็ดขาด

คาดไม่ถึง เทพจากอนาคตผู้นี้ถึงกับกล้าท้าทายราชาเทพ

ราชาเทพจะตอบรับอย่างไร

พวกเทพมองกู่ฉิงซานองค์แล้วองค์เล่า

กู่ฉิงซานมองมนุษย์แสง

มนุษย์แสงยังคงเงียบ

“การตัดสินใจของเจ้าล่ะ” กู่ฉิงซานถามเป็นครั้งสุดท้าย

มนุษย์แสงมองเขา แต่ยังไม่พูดอะไร

กู่ฉิงซานพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ ข้าตัดสินใจได้แล้ว”

เขาเอนบนบัลลังก์ราชาเทพก่อนกล่าวกับเทพจินเยี่ยนว่า “เจ้าคิดจะสู้จริงๆ หรือ”

เทพจินเยี่ยนเงยหน้าขึ้นสูงแล้วตะโกนว่า “ใช่ มาสู้กับข้าอย่างยุติธรรม ให้ทุกองค์ได้เห็นว่าใครมีคุณสมบัติที่จะไล่ตามดาบศักดิ์สิทธิ์”

กู่ฉิงซานถามอย่างสงบว่า “คำถามสุดท้าย ถ้าเจ้าได้ดาบศักดิ์สิทธิ์ไป เจ้าจะเอาไปทำอะไร”

เทพจินเยี่ยนนิ่งสักพักก่อนตอบอย่างรวดเร็วว่า “ข้าจะเอาไปเปลี่ยนอนาคตของพวกเราเผ่าพันธุ์เทพ”

กู่ฉิงซานถามว่า “เจ้าจะเอามันกลับไปยังอนาคตหรือ”

เทพจินเยี่ยนพยักหน้า

แบบนี้มันชัดเสียยิ่งกว่าชัดไม่ใช่หรือ ราชาเทพผู้นี้โง่เขลานัก เอาแต่ถามประโยคเดิมๆ ซ้ำซาก นี่เขาอยากจะทำอะไรกันแน่

บนบัลลังก์สูง กู่ฉิงซานถอนหายใจ เผยใบหน้าผิดหวังออกมา

พวกเทพเริ่มทนไม่ไหวองค์แล้วองค์เล่า

“อย่าให้เขาเอาดาบศักดิ์สิทธิ์ไปได้”

“นั่นคืออาวุธทรงพลังที่มากพอจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้”

“เขาฆ่ากู่ฉิงซานไปแล้ว ทีนี้เขายังวางแผนจะเอาดาบศักดิ์สิทธิ์ไปอีก”

“เหลวไหลสิ้นดี ถ้าเขาเอาดาบศักดิ์สิทธิ์ไป แล้วพวกเราจะทำอย่างไรต่อไป”

“ดาบศักดิ์สิทธิ์เป็นของพวกเรา พวกเราต้องเปลี่ยนชะตากรรมของตัวเอง”

พวกเทพสนทนาเสียงต่ำ

เสียงของพวกเขาค่อยๆ ดังขึ้น

ทันใดนั้น เทพผู้เปล่งประกายด้วยเปลวเพลิงสีเหลืองเจิดจ้ากระโดดออกมา

“เจ้ากล้าท้าทายราชาเทพหรือ ข้ามศพข้าไปก่อนเถอะ!”

ใบหน้าของเทพจินเยี่ยนเปลี่ยนไป เขาหยุดมือก่อนพูดว่า “เดี๋ยวก่อน ข้าไม่ได้อยากเป็นราชาเทพสักหน่อย”

เขาไม่มีเวลาได้พูด

เทพองค์นั้นพุ่งตรงเข้ามา

เทพจินเยี่ยนไม่อยากบาดเจ็บ ดังนั้นเขาจึงรับมือด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี

การดวลเริ่มขึ้นแล้ว!

พวกเทพมองดูการต่อสู้จนแทบกลั้นหายใจ

มนุษย์แสงยังคงเงียบ ไม่ห้ามปรามอีกฝ่าย

ลั่วปิงหลีลอบชำเลืองมองกู่ฉิงซาน

นางเห็นกู่ฉิงซานเอนกับบัลลังก์ เปลี่ยนเป็นท่วงท่าสบายขณะมองการต่อสู้ จะว่าไป เขาถึงกับนั่งไขว่ห้างด้วยซ้ำ