ประมาณสิบกว่านาที อาหารเลิศรสจำนวนนึงก็ได้ถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ

หลินฟานค่อนข้างหิวอยู่พอสมควร เขาตัดสเต็กชิ้นใหญ่แล้วเริ่มกินในทันที

จากนั้น หลินฟานก็ชิมเนื้อมันฝรั่งต่อ เขาได้ลิ้มลองรสชาติแล้วพยักหน้าเบาๆ

หลังจากกินจนอิ่มท้อง หลินฟานก็รินไวน์กุหลาบดำใส่ในแก้ว และค่อยๆจิบมันทีละนิด

การเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยน สง่างาม และมีเสน่ห์

เป็นผลจากทักษะยอดนักดื่ม!

หลินฟานเริ่มแสดงความคิดเห็นออกมา “มีกลิ่นหอมอ่อนๆ กลิ่นหอมขององุ่นนั้นชวนให้เคลิบเคลิ้ม หลังจากลิ้มรสแล้ว รสของไวน์พาให้รู้สึกเพลิดเพลิน เป็นไวน์ชั้นดี”

หูเทียนที่นั่งตรงข้ามมองดูท่าทางการดื่มของหลินฟาน และฟังความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับ ไวน์กุหลาบดำ และมึนงงเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้มีบางคนชวนหูเทียนมาดื่ม

แต่การกระทำของพวกเขาไม่ดีเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เข้าใจวิธีดื่ม และแกล้งทำเป็นเข้าใจแล้วยังเอาแต่พล่ามเรื่องไร้สาระ

หูเทียนเกลียดคนประเภทนี้มาก

แต่หลินฟานนั้นแตกต่างไปจากคนพวกนั้น ท่าทางการดื่มของเขาดูสง่างามมาก และความคิดเห็นของเขาก็ถูกต้องเหมาะสม

ในมุมมองของหูเทียน หลินฟานไม่เหมือนนักเรียนธรรมดาเลย แต่เขาเหมือนกับพวกขุนนางหรือไม่ก็คุณชายที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี มันราวกับว่าเขากำลังอธิบายไวน์ที่เขาเป็นคนบ่มมาเอง

นี่คือท่าทางและอารมณ์ของคนที่คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้มานาน

หลินฟานวางแก้วในมือของเขาและมองไปที่หูเทียน

หลังจากที่เขาสองคนมองตากันสักพัก หูเทียนก็รีบหันศีรษะไปด้านข้าง

ในไม่ช้า สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเปียโนที่กลางร้านอาหาร

เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยก่อนจะพูด “ดูเหมือนว่า…วันนี้จะไม่มีคนเล่นเปียโน”

หลินฟานมองไปที่เปียโน เขาคิดอะไรเล็กน้อยแล้วพูดว่า “มีสิ”

หลังจากพูดจบ เขาก็เดินไปที่เปียโนก่อนจะนั่งลง

ผ่อนคลาย…

หลินฟานค่อยๆหลับตาลง

ประมาณ 10 วินาทีต่อมา เขาก็ลืมตาขึ้น

ในเวลาเดียวกัน มือของหลินฟานก็ขยับกดปุ่มขาวดำอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น เพลงที่ไพเราะ และคมชัดค่อยๆดังขึ้นในร้านอาหาร

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหยุดพูด ดื่ม กิน และสงบสติอารมณ์เพื่อฟังมัน

หูเทียนเบิกตากว้าง เธอลืมแม้กระทั้งวิธีการหายใจ เธอเพียงแค่จ้องไปที่หลินฟานที่อยู่กลางร้านอาหาร

ในขณะนี้ ในสายตาของหูเทียน ทั้งร้านอาหารและแม้แต่โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะมืดลง

มีเพียงหลินฟาน ที่เปล่งประกายไปด้วยแสงเท่านั้นที่พร่างพราย!

“ตริ๊ง!”

เมื่อโน้ตตัวสุดท้ายถูกกด เสียงปรบมือก็ดังขึ้นทั่วทั้งร้าน

“คุณเล่นเก่งมาก!”

“ไพเราะสุดๆ!”

หลังจากรับคำชมของทุกคน หลินฟานค่อยๆกลับไปนั่งที่โต๊ะ

“ผมเล่นดีไหม” หลินฟานถาม

หูเทียนตอบกลับทันที “ฟังดูดีมาก!”

หลินฟานพูด “ขอบคุณ”

หลินฟานเริ่มหยิบมีดและส้อมอีกครั้ง เขากินอาหารที่เหลือจนหมด

หูเทียนถามว่า “นายต้องการสั่งเพิ่มไหม”

หลินฟานเช็ดคราบน้ำมันที่มุมปากของเขาแล้วส่ายหัวพลางพูดว่า “ไม่จำเป็น ผมอิ่มแล้ว”

หลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไป

ในขณะนั้น ชายวัยกลางคนในชุดสูทเดินเข้ามาแล้วยิ้มก่อนจะพูด “สวัสดีครับ สุภาพบุรุษท่านนี้ ขอรบกวนคุณสักสองสามนาทีได้ไหม”

หลินฟานถามด้วยความสงสัยว่า “คุณเป็นใคร?”

ชายวัยกลางคนตอบ “นั่นสินะ ฉันชื่อ เฉาถิง ผู้จัดการบริษัท ภาพยนตร์และโทรทัศน์บิลเลี่ยน เรากำลังเตรียมที่จะสร้างหนัง

“รูปร่างหน้าตาของคุณ รวมถึงอารมณ์ที่คุณแสดงเมื่อตอนที่คุณเล่นเปียโน มันเหมาะกับบทบาทในหนังของเรามาก คุณสนใจที่จะมาที่บริษัทของเราเพื่อคัดตัวดูไหม”

หลังจากพูดเสร็จ ชายวัยกลางคนก็ยื่นนามบัตรให้

ผู้จัดการบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์?

นี่… นี่ไม่ใช่แมวมองหรอกเหรอ?

ถ้าคนทั่วไปเจอสถานการณ์นี้ พวกเขาคงจะดีใจและรีบตกลงทันที

เพราะนี่หมายความว่าเขาอาจจะได้ออกทีวีและกลายเป็นดาราดัง

อย่างไรก็ตาม หลินฟานส่ายหัวและพูด “ขออภัย ผมไม่สนใจที่จะเล่นหนัง”

เป็นดาราทีวีเหรอ?

ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาจะไม่มีอิสระอีกต่อไป

หลินฟานไม่ต้องการถูกจับจ้องและโดนแอบตามไปทุกที่

เฉาถิง ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ได้คาดหวังว่าหลินฟานจะปฏิเสธ เขาจึงรีบพูดขึ้นทันที “นี่…คุณรับนามบัตรของฉันไปก่อนได้ไหม ถ้าเปลี่ยนใจก็สามารถติดต่อฉันได้ทุกเมื่อ”

หลินฟานคิดว่าตัวเขาเองจะไม่มีวันเปลี่ยนใจแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่ท่าทางที่จริงใจของ เฉาถิง หลินฟานก็รับนามบัตรของเขาไว้

หลังจากเดินออกจากร้านอาหาร พวกเขาก็เข้าไปนั่งในรถมินิ

หูเทียนพูด “นายเพิ่งมีโอกาสได้เป็นดารา ฉันคิดว่านายจะเห็นด้วยซะอีก”

“ลืมมันไปเถอะ ผมไม่สนใจที่จะเป็นดารา” หลินฟานกล่าว

จากนั้นหูเทียนก็พูดขึ้นอีกครั้ง “นายเล่นเปียโนได้ดีมากเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเพลง ’แสงจันทร์’ ที่เพราะเช่นนี้

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จิตใจของหูเทียนก็ไปนึกถึงเพลง ‘แสงจันทร์’ ที่หลินฟานเล่น

ไพเราะมาก!

หูเทียนถอนหายใจ “ฉันไม่รู้แล้วจริงๆ ว่ามีอะไรบ้างที่นายทำไม่ได้”

“มีเรื่องมากมายเลยละที่ผมทำไม่ได้” หลินฟานพูด

“ตัวอย่างเช่น?” หูเทียนถาม

“ตัวอย่างเช่น … ” หลินฟานคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี

ถ้าเขาพูดอะไรออกไปตอนนี้ แล้วถ้าเขาได้มันมาจากซองแดงทีหลังล่ะ

หูเทียนมองไปที่ท่าทางของหลินฟานและอดยิ้มไม่ได้

หลังจากที่เธอส่ง หลินฟานกลับไปที่มหาวิทยาลัยเจียงเป่ย เธอขับรถมินิ ไปทางถนนที่มีคนพลุกพล่านและเดินไปมา

เมื่อเธอหยุดอยู่ตรงหน้าไฟแดง หูเทียนก็หวนคิดถึงปัญหาคณิตศาสตร์ที่หลินฟานแก้ไขอย่างจริงจังอีกครั้ง ลายมือที่ยอดเยี่ยมที่เขาเขียน ท่าทางการจิบไวน์ และการเล่นเปียโนที่สง่างาม…

หูเทียนกระซิบเบาๆ “หลินฟาน นายเป็นคนแบบไหนกันแน่?”

“กริ๊งงง!”

ในเวลานี้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

หูเทียนเหลือบมองไปที่โทรศัพท์และกดปุ่มรับสาย

“เทียนเถียน เธอไม่ได้จะมาหาฉันวันนี้เหรอ ทำไมเธอยังมาไม่ถึงอีก?” เสียงที่ไพเราะดังขึ้นมาจากทางโทรศัพท์

หูเทียนแสดงสีหน้าและพูดว่า “ฉันจะไปช้าหน่อย”

“มีเรื่องอะไรถึงช้าเหรอ ดูเหมือนว่าที่มหาลัยของเธอก็ไม่มีการเรียกประชุมด่วนหนิ รีบมาแล้วกัน ฉันรอแทบไม่ไหวแล้ว” เสียงในโทรศัพท์เริ่มออดอ้อนมากขึ้น

หลังจาก วางสาย หูเทียนก็เร่งเครื่องเล็กน้อยและพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว

……

ณ เวลานี้ มหาวิทยาลัยเจียงเป่ย ห้องนอน 104

ซงหยี่,หม่าจงและเจิ้งจินเป่า ต่างก็จ้องไปที่หลินฟาน

หลินฟานรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงมองมาที่ฉันแบบนั้นละ?”

“พี่ฟาน ทำไมพี่กลับมาช้าจัง”

“พี่ฟาน อยู่กับอาจารย์เทียนเถียนตลอดเลยเหรอ?”

“พี่ฟาน คุณได้ทำอะไรกับอาจารย์เทียนเถียนไปบ้างรึเปล่า?”

ทั้งสามคนพูดออกมาเกือบจะพร้อมเพรียงกัน

หลินฟานพูดไปตามความจริง “ตอนแรกฉันก็พูดคุยกับอาจารย์หูเทียนในห้องพักครูประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นเธอก็เชิญฉันไปทานอาหารเย็น และสุดท้ายเธอก็ขับรถมาส่งฉัน”

ใช้เวลา 2 ชั่วโมงตามลำพัง และสวีทกันในห้องพักครู!

จากนั้นรับประทานอาหารเย็นกับอาจารย์เทียนเถียน!

และสุดท้าย หูเทียนเถียนก็ขับรถมาส่งหลินฟานกลับมาที่ห้องนอน!

“พี่ฟาน ฉันขอคารวะพี่!” ซงหยี่,หม่าจงและเจิ้งจินเป่าโห่ร้องพร้อมกัน