ในขณะเดียวกันนั้นที่โรงพยาบาลร่างของ หวัง ไท่ฮุ่ย เกือบทุกนิ้วถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาว เขานอนบนเตียงโรงพยาบาลเหมือนกับมัมมี่อียิปต์
ด้วยความโกรธของคนงานมากกว่า 500 คน มันทำให้กระดูกของเขาหักไปหลายชิ้น ร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล อาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงที่สุดคือศีรษะของเขาซึ่งถูกทุบด้วยอิฐโดยคนที่ขอร้อง จาง ซูซาน
เมื่อเขาตื่นจากอาการโคม่า เขาก็เห็นเสี่ยวหลัวยืนที่ข้างเตียงพร้อมกับมือที่ไขว้หลัง เขาจ้องมองไปที่ เสี่ยวหลัว ด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองตกอยู่ในรอยแยกน้ำแข็ง
เขาถามด้วยความตื่นตระหนกว่า“คุณ คุณมาทำอะไรที่นี่?”
ในชีวิตของเขา เขาไม่เคยเห็นใครที่ดูน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย
เสี่ยวหลัวมองเขาจากตำแหน่งที่สูงกว่าและพูดออกมาเบาๆว่า “ ฉันจะถามคุณครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ตอบฉันอย่างตรงไปตรงมา ไม่งั้นคุณจะตาย!”
หวัง ไท่ฮุ่ย รู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าที่อยู่เบื้องหลังการแสดงออกของเสี่ยวหลัว มันทำให้เขากลัวจนเกือบจะเป็นลม
“ฉัน – ฉันจะตอบอย่างซื่อสัตย์ ฉันจะตอบด้วยความสัตย์ซื่ออย่างแน่นอน” เขาพูดออกมาอย่างตื่นตระหนก
“ใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของการประท้วงในครั้งนี้?” เสียงของเขาดูเหมือนกับว่ามันมาจากนรก เสียงของเขามันไม่มีการแสดงออกทางอารมณ์ใดๆอยู่เลย
“ฉัน … ฉันไม่รู้ชื่อของเขา เขาให้เงิน 20,000 หยวนแก่ฉัน เพื่อให้ฉันจัดระเบียบคนงานเพื่อประท้วง จากนั้นเขาก็บอกฉันว่าเมื่อเสร็จงานนี้แล้วเขาจะหางานที่ Taste Buds ให้ฉัน.” หวัง ไท่ฮุ่ย ตอบอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของ เสี่ยวหลัว เปลี่ยนไปเย็นชา“คุณไม่รู้ชื่อของเขาเหรอ?”
“ฉัน – ฉันไม่รู้จริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบเขา ประธานเสี่ยว ฉันไม่ได้โกหกคุณจริงๆนะ” หวัง ไท่ฮุ่ย พูดยืนยันอย่างหวาดกลัว
ปากของเขาอาจพูดคำโกหกได้ แต่ดวงตาของเขาไม่อาจปกปิดความจริงได้
เสี่ยวหลัวผิดหวังอยู่เล็กน้อย เขาคิดว่าการถาม หวัง ไท่ฮุ่ย จะทำให้เขากระจ่างแจ้ง แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
ชู หยุนเชียง เคยเตือนเขาว่าผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท หลัวฝาง เต็มไปด้วยจอมแผนการ กล่าวคืออาจมีสายลับอยู่ในหมู่พวกเขาที่ทำงานให้กับ Taste Buds และ Taste Buds ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาสามารถชักจููงยุยงปลุกปั่นให้คนงานของ หลัวฝาง เกิดการประท้วงได้ นี่มันแสดงให้เห็นว่า การจัดการให้ใครบางคนและส่งสายเข้ามาแทรกซึมเข้ามาใน บริษัท หลัวฝาง หรือซื้อหนึ่งในผู้บริหารทีมผู้บริหารมันเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขา
“เสี่ยวหลัว นี่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับ Taste Buds ที่แกต้องการ”
จาง ซูซาน เดินเข้ามาหาเขาพร้อมหับข้อมูล “สุนัขอันดับต้นๆของ Taste Buds คือผู้ชายที่ชื่อ ฝาง ฉงเหล่ เขาเป็นพี่ชายของประธานคนก่อนหน้านี้ของ หลัวฝาง พวกเขามีพ่อคนเดียวกัน แต่มีแม่คนละคน พวกเขาทั้งสองเริ่มอาชีพในอุตสาหกรรมขนมปังด้วยกัน อย่างไรก็ตามหลังจากที่พ่อของพวกเขาจากไป พวกเขาก็แยกกันอยู่ เนื่องจากข้อพิพาท และจากนั้นแต่ละคนก็เริ่มต้นทำ บริษัท ของตัวเอง”
เสี่ยวหลัวอ่านเอกสารแล้วให้ความเห็นเบาๆ “ช่างเป็นคู่พี่น้องที่น่าสนใจ”
จาง ซูซาน พยักหน้าเห็นด้วยจากนั้นเขาก็พูดต่อว่า:“ในขณะที่ Taste Buds เป็นธุรกิจหลักของเขา ฝาง ฉงเหล่ เขาก็ยังเป็นเจ้าของกิจการด้านอื่นๆอีก เช่นโรงแรม Prosperity Grand, Phoenix Entertainment City รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆอีก เขามีลูกชายและลูกสาว ชื่อลูกชายคือ ฝาง ฉงชิ่ง และลูกสาวชื่อ ฝาง ชูหลาน”
“ฝาง ชูหลาน งั้นเหรอ?” เสี่ยวหลัว รู้สึกประหลาดใจ
“มีอะไร? แกรู้จักเธองั้นเหรอ” จาง ซูซาน ถามขณะที่กระพริบตา
จากนั้นเสี่ยวหลัว ก็อธิบายว่า“ฉันมีเรื่องกับเธออยู่นิดหน่อย เมื่อตอนที่ฉันเป็นผู้คุ้มกันอยู่ที่หัวเย่”
“เนื่องจากแกเคยขัดแย้งกับเธอมาก่อน นั่นหมายความว่าตอนนี้แกทั้งสองคนเป็นศัตรูกัน ตอนนี้แกมีโอกาสแล้วที่จะบดขยี้ธุรกิจของพ่อเธออย่าง Taste Buds และระบายความหงุดหงิดของแกออกไป” จาง ซูซาน พูด
“แกคิดว่ามันง่านมากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอหะ!”
“ตอนนี้การดำเนินการทั้งหมดของ หลัวฝาง อยู่ภายใต้การควบคุมของแก แล้วเสี่ยวหลัว การบดขยี้เขามันเป็นเพียงเรื่องของเวลา”
“อะแฮ่ม แกจะคุยโวในครั้งต่อไปก็บอกฉันก่อนนะ ฉันจะได้ทำจิตให้ว่าง”
“ไอนี่นิ!”
******
เมื่อพวกเขาขึ้นรถ จาง ซูซาน ก็ถามเสี่ยวหลัวด้วยน้ำเสียงที่ล้อเล่นว่า“บอส วันนี้พวกเราจะไปที่ไหนกันดี”
“ฉันจะต้องไปหาใครบางคน”
“ใคร?”
“นักข่าว ที่เขียนบทความและผลักดันให้ บริษัท หลัวฝาง ตกลงไปในหุบเหวเช่นนี้”
เสี่ยวหลัวเอนหลังพิงเก้าอี้ในขณะที่สายตาจ้องมองไปข้างหน้า “ภาพจากกล้องวงจรปิดของเราแสดงให้เห็นว่าชายชราดูเหมือนจะอยู่ในสภาพร่างกายที่ไม่ดี เมื่อเขาเข้าไปในร้าน และไฟล์ของโรงพยาบาลแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจรูมาติกเรื้อรัง หลักฐานชี้ไปที่อาการหัวใจวายซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากกว่าจะเกี่ยวข้องกับการกินขนมปัง”
“แพทย์ผู้ที่ทำการชันสูตร ออกจากประเทศไปเพื่อไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ ครอบครัวของชายชรายืนยันว่าขนมปังจาก บริษัท หลัวฝาง ทำให้เขาตายและอ้างสิทธิ์ชดเชย 470,000 หยวน ข้อเท็จจริงทั้งหมดนี้สามารถอธิบายได้อย่างเดียวก็คือ การสมรู้ร่วมคิด”
“Taste Buds แต่งเรื่องนี้ขึ้นมางั้นเหรอ?” จาง ซูซาน ถาม
เสี่ยวหลัวสบตากับเขา “มันยังจะมี บริษัท อื่นที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อยู่อีกงั้นเหรอหะ!”
“ไอสารเลว ฝาง ฉงเหล่ เขาไม่มีจริยธรรมทางธุรกิจเลย เมื่อฉันมีเวลาฉันจะไปหาที่จอดรถของมัน!”
“แกคิดจะทำอะไรกับรถของมัน?”
“ยังจะมีอะไรอีกหละ! ฉันก็จะฉี่ใส่รถของมันหนะสิ” จาง ซูซาน ประกาศเสียงดังก้อง
เสี่ยวหลัว รู้สึกพูดไม่ออก
“ปัง!”
ขณะที่พวกเขากำลังขับรถไปยังทางแยกข้างหน้า ในทันใดมันนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น
“ปังปัง!”
เสียงปืนอีกสองกระบอกดังขึ้นอีกครั้ง คนที่กำลังเดินอยู่และคนขับรถที่อยู่บนถนนในพื้นที่ตื่นตระหนกและพยายามหลบหนี พวกเขากลัวจะถูกลูกหลง ดังนั้นพวกเขาจึงเพิกเฉยต่อสัญญาณไฟจราจรทั้งหมด ด้วยเหตุนี้มันจึงส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุจราจรที่ร้ายแรง หลังจากนั้นเสียงไซเรนของตำรวจก็ดังขึ้น
“ไอเชี้..ยเกิดเรื่องอะไรขึ้นวะเนี้ย!”
จาง ซูซาน เหยียบเบรกอย่างแรง เขาเคยเห็นเพียงแต่การดวลปืนที่อยู่ในภาพยนตร์ แต่ตอนนี้เขากลับอยู่ท่ามกลางเหตุการณ์เช่นนี้ เขาไม่มีทางที่เขาจะสามารถรักษาความสงบเอาไว้ได้เลย
ดวงตาของเสี่ยวหลัวหดแคบลง การจ้องมองของเขาเริ่มโฟกัสไปข้างหน้า เขาจ้องตรงไปข้างหน้าเหมือนกับเหยี่ยวที่กำลังจะล่าเหยื่อของมัน
ชายในชุดดำขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกมาจากทางแยกข้างหน้า หัวของเขาถูกปกคลุมด้วยหมวกกันน็อคและในมือของเขาก็ถือปืนสั้นอยู่ เขาขี่รถอย่างกล้าหาญในขณะที่ยิงปืนออกไปใส่รถตำรวจที่กำลังไล่ตามเขา
ตำรวจที่ดูมีอายุ เขากล้าหาญมากร่างกายของเขาครึ่งหนึ่งโผล่ออกไปนอกหน้าต่าง เพื่อเล็งยิงไปที่ชายผู้นั้น
“ ปังปังปัง!”
ดูเหมือนว่ากระสุนปืนจะไม่มีวันจบสิ้น เมื่อกระสุนถูกพัดผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง กระสุนปืนทั้งสองนัดของตำรวจ ก็พลาดจากชายชุดดำอย่างหวุดหวิด ในที่สุดด้วยด้วยการยิงนัดที่สาม กระสุนมันก็ฝังลึกลงไปที่ด้านหลังไหล่ของผู้ชายคนนั้น
ชายในชุดดำสูญเสียความสมดุลของเขา จากการถูกยิงและร่างของเขาก็ร่วงลงจากรถมอเตอร์ไซค์ของเขา มอเตอร์ไซค์ลื่นไถลไปกว่าสิบเมตร ก่อนที่จะหยุดอยู่ใต้ล้อรถบรรทุก
ชายคนนั้นพยุงตัวเองขึ้นจากพื้นในทันที เขาถอดหมวกกันน๊อคออกแล้วเปิดเผยใบหน้าที่เปื้อนเลือดของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นชาวต่างชาติ
“อย่าขยับ! วางอาวุธลง และยกมือของคุณไว้ที่ด้านหลังศีรษะ!”
ตำรวจสามนายรีบพุ่งไปข้างหน้าด้วยปืนของพวกเขา พวกเขาผลักฝูงชนเพื่อพยายามจับกุมชายในชุดดำ
ชายในชุดดำเผยรอยยิ้มเหี้ยมของเขา เขาเกร็งกล้ามเนื้อทั้งหมดของเขา จากนั้นเขาก็โยนเสื้อโค้ทของเขาออกไปทางตำรวจทั้งสามคน เสื้อโค้ทมันราวกับเป็นม่านสีดำปลุกคลุมการมองเห็นของตำรวจทั้งสาม
ในขณะเดียวกันชายในชุดดำ ก็ก้าวถอยหลังกลับ ด้วยร่างกายที่แข็งแรงและแข็งแกร่งของเขา เขาก็พุ่งตัวเข้ามาใกล้กับเสื้อโค้ทสีดำของเขา ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เขาก้าวถอยหลังออกไปสองสามก้าว จากนั้นส่งแรงไปที่ขาขวาซึ่งมันเป็นจุดศูนย์ถ่วงของร่างกาย แรงจากขาขวาของเขามันมีน้ำหนักมากกว่าสองร้อยปอนด์ จากนั้นเขาก็ส่งลูกเตะของเขา เข้าไปที่ตำรวจทั้งสองนายที่ถูกเสื้อโค้ทบดบังสายตาอยู่ในทันที
“ปัง ปัง!”
ตำรวจทั้งสองนายถูกเตะ จนกระเดนไปด้านหลังและชนเข้ากับรถที่จอดอยู่ริมถนน ด้วยแรงกระแทกอันรุนแรง มันส่งผลกระทบทำให้พวกเขาหมดสติลงไปในทันที