“ประธานเสี่ยว ช่วยให้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยช่วยชีวิตเขาที เราไม่อยากให้มีใครตายที่ประตูของ บริษัท ” หลี่ จื่อเมิ่ง พูดแนะนำ ใบหน้าที่บอบบางของเธอเต็มไปด้วยความกังวล
สวี่ กว่างซ่ง,ลั่วฉี และ จาง ตงไห่ ก็พูดแนะนำเช่นเดียวกัน ท้ายที่สุดแล้วเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าของ บริษัท หากเขาตายที่ตรงนี้ แน่นอนว่ามันจะไม่ส่งผลดีต่อชื่อเสียงของ บริษัท ที่สำคัญที่สุดก็คือพนักงานของ หลัวฝาง โดนไล่ออก หากสื่อรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาจะเขียนข่าวประเภทใดบ้าง? มันก็ไม่มีใครสามารถบอกได้เกี่ยวกับเรื่องนี้
เสี่ยวหลัวถึงแม้ว่าเขาอยากจะกำจัด หวัง ไท่ฮุ่ย ออกไปให้พ้นๆ แต่เขาก็อยากจะรู้ความจริงของเบื้องหลังในเรื่องนี้
จากนั้นเขาก็โบกมือให้กับ หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยให้พวกเขาออกไปช่วยชีวิตมัน
พวกเขาช่วยชีวิต หวัง ไท่ฮุ่ย เอาไว้ได้ แต่ตัวของมันก็สะบักสะบอมมาก ใบหน้าของมันบวมช้ำและเปียกโชกไปด้วยเลือด มันกำลังจะตายเมื่อรถพยาบาลมาพามันไป กลุ่มคนงานกว่าห้าร้อยคนสงบลงอีกครั้ง เมื่อพวกเขาเห็นเลือดสาดกระเซ็นบนพื้นดินพวกเขาก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วและกลัวว่าจะมีปัญหามากขึ้นถ้าพวกเขายังอยู่ที่นี่
การประท้วงของคนงานก็จบลงเช่นนี้
หัวหน้าแผนกและผู้จัดการของสาขาต่างๆ เริ่มเข้าใจเกี่ยวกับเสี่ยวหลัวมากขึ้น หลังจากเหตุการณ์นี้ เสี่ยวหลัวที่ดูสุภาพอ่อนโยน แต่ความเป็นจริงนั้น เขากลับโหดเหี้ยมและไร้ความปราณี และนี่เองที่มันทำให้พวกเขาประทับใจในพลังของเขา ผู้จัดการร้านค้าบางคนที่มีทัศนคติขี้เกียจตอนนี้พวกเขาต้องเริ่มจัดการกับตัวเองแล้ว พวกเขาไม่กล้าที่จะแสดงออกถึงความขี้เกียจต่อหน้าเสี่ยวหลัว
ก่อนออกเดินทาง ชู หยุนเชียง ก็กล่าวเตือน เสี่ยวหลัว ต่อหน้าทุกคน“เสี่ยวหลัว ข้อเสนอของฉันยังคงมีอยู่ หากคุณต้องการอะไรก็มาหาฉันได้!”
คำพูดนี้มันช่วยสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนว่าผู้ประกอบการในตำนาน ชู หยุนเชียง ยังคงอยู่ข้างเสี่ยวหลัว ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็เริ่มสงสัยว่าเสี่ยวหลัวคนนี้ นั้นเป็นใคร เหตุใดเขาจึงได้รับความสำคัญจาก ชู หยุนเชียง มากขนาดนี้
… …
“นอกจากหนึ่งล้านที่ประธานเสี่ยวลงทุนแล้ว ในบัญชี บริษัท มีสินทรัพย์สภาพคล่องอยู่ทั้งหมด 5 ล้านหยวน” กัวฝู หัวหน้าฝ่ายการเงินของ บริษัท หลัวฝาง กำลังรายงานสภาพคล่องทางการเงินของ บริษัท ให้กับ เสี่ยวหลัว ในสำนักงานของเขา
คิ้วของ เสี่ยวหลัว ขมวดเข้าด้วยกันขณะที่เขาฟังรายงาน เงิน 5 ล้าน อาจเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับบุคคล บุคคลหนึ่ง แต่สำหรับ บริษัท แล้วมันเป็นจำนวนเล็กน้อยมาก เพื่อการดำเนินงานต่างๆของ หลัวฝาง แล้ว แค่จ่ายเงินให้กับพนักงานของพวกเขา มันก็เกือบจะเป็นเงิน 3 ล้านหยวน ต่อเดือนอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสีแดงทุกวัน หากพวกเขาไม่เปลี่ยนสถานการณ์นี้อย่างรวดเร็ว การดำเนินงานทั้งหมดของ หลัวฝาง จะจบสิ้นลงทั้งหมดภายในสิ้นเดือนหน้าอย่างแน่นอน
“ฉันรู้แล้ว กลับไปทำงานของคุณเถอะ โอ้ใช่! ไปบอกผู้จัดการร้าน ซุน เจียนอัน ให้มาพบฉันด้วย”
“ได้ครับ ประธานเสี่ยว!”
กัวฝู โค้งคำนับเล็กน้อยแล้วจากนั้นจึงเดินออกจากห้องไป
จาง ซูซาน ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินเข้าไปหาเสี่ยวหลัวพร้อมกับพูดว่า“การประท้วงของคนงานมันช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่เหมาะสมจริงๆ ด้วยเรื่องนี้ มันทำให้แกมีอำนาจในฐานะประธานต่อหน้าคนทั้งบริษัท”
“ต้องขอบคุณแก” เสี่ยวหลัวยิ้มเล็กน้อย
“ฉันไม่ต้องการคำขอบคุณ ฉันต้องการอะไรที่จับต้องได้”
“แกต้องการทำอะไรที่นี่?” เสี่ยวหลัว ถาม พร้อมกับยกคิ้วขึ้น
จาง ซูซาน นำถ้วยน้ำชาของเขาวางลงบนโต๊ะอย่างรุนแรงแล้วและพูดว่า“อย่ามาทำตัวโง่ต่อหน้าฉัน! ฉันต้องการตำแหน่งรองประธานไอเพื่อนยาก!” เขาเดินไปที่ระเบียงในออฟฟิศและมองลงไปที่ด้านล่างพร้อมกับเหยียดแขนออก เขาสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดว่า“ฉันไม่เคยฝันเลยว่า ในสักวันหนึ่ง ฉันจะกล้ายมาเป็นท่านประธานและจ้องมองพนักงานของฉันทั้งหมดจากหอคอยงาช้างนี้”
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาได้สวมบทบาทเป็นรองประธานแล้ว
“เลิกฝันกลางวันได้แล้ว แกสามารถเป็นผู้ช่วยของฉันได้ในตอนนี้ และเมื่อการดำเนินงานของ หลัวฝาง กลับมามั่นคงอีกครั้ง ฉันจะให้แกนั่งในตำแหน่งของฉัน” เสี่ยวหลัว พูดบอกปัดอย่างรำคาญใจ
“แกพูดว่าอะไรนะ? แกพูดจริงหรือเปล่า แกคงจะไม่ได้แกล้งฉันหรอกใช่ไหม?” จาง ซูซาน พูดอย่างตื่นเต้น
เสี่ยวหลัวสบตากับเขา “ฉันเคยหลอกแกด้วยงั้นเหรอ?”
“ฮ่าๆๆๆ น้องชายที่ดีของฉัน เสี่ยวหลัว แกเป็นน้องชายที่ดีของฉันจริงๆ”
จาง ซูซาน หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข และในไม่ช้าเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องและเขาก็ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า “ไม่สิ มันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง”
“ไม่ถูกต้องอะไร?”
“ถ้าแกให้ตำแหน่งประธานกับฉัน แล้วแกจะทำยังไง” จาง ซูซาน ถาม
เสี่ยวหลัวชูมือของเขาขึ้นและกางมือของเขาออก:“ฉันจะพัฒนาต่อไปในอุตสาหกรรมอื่นๆ เรื่องนี้มันไม่ใช่ปัญหาเลย”
จาง ซูซาน ผงะไปกับคำพูดของเสี่ยวหลัว หากเสี่ยวหลัวเขาสามารถควบคุมการดำเนินงานของ หลัวฝาง ให้กลับมามั่นคงได้สำเร็จ เขาจะพอใจงั้นเหรอ เสี่ยวหลัวเขาไม่เคยคิดอย่างนั้น น้องชายของเขาตั้งใจอย่างเต็มที่ ที่จะไปทำธุรกิจอื่น เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวหลัว จาง ซูซาน ก็รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
“ฉันรู้สึกว่าแก กำลังจะกลายไปเป็น ชู หยุนเชียง คนต่อไป”
“เป็นอย่างนั้นก็ดี แต่ฉันก็หวังว่าฉันจะแซงหน้าเขาไปได้”
ในขณะที่เขาพูดสิ่งนี้ เสี่ยวหลัว ก็ยืนขึ้นและตบไหล่ของ จาง ซูซาน ร่างกายของเขาถูกรวมเข้ากับระบบไฮเทค หากเขาแค่ไปถึงจุดที่ ชู หยุนเชียง ยืนอยู่ เขาก็คงจะรู้สึกไม่พอใจในตัวเอง
“อึก!”
จาง ซูซาน กลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาค้นพบว่าเป้าหมายและความทะเยอทะยานอันสูงส่งได้แฝงตัวอยู่ในส่วนลึกในหัวใจของเสี่ยวหลัวเช่นนี้
“ก๊อกก๊อก ~”
ในเวลานั้นมันก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นมา
“เข้ามา!”
เสี่ยวหลัวนั่งลงบนเก้าอี้ประธานอีกครั้ง
ประตูถูกผลักเปิดออกมา ซุน เจียนอัน เขาก็เดินเข้ามาในชุดสูทที่ดูเรียบร้อย ท่าเดินของเขานั้นค่อนข้างแข็งทื่อ เนื่องจากความกังวลในขณะที่เขาเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะของเสี่ยวหลัว เขาเงยหน้าขึ้นมามองเสี่ยวหลัว พร้อมกับถามว่า“ท่านประธานเสี่ยว คุณถามหาฉันเหรอ”
จาก ‘ชายหนุ่ม’ ที่เขาพบครั้งแรกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มาจนถึง ‘ประธานเสี่ยว’ ในวันนี้เอกลักษณ์ของเสี่ยวหลัวนั้นได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่เขาจะตามได้ทัน เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยราวกับว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในความฝัน
“นั่งลง” เสี่ยวหลัวพูดพร้อม ทำท่าทางอย่างสุภาพเพื่อให้เขานั่งลง
ซุน เจียนอัน พยักหน้าแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรักษาอารมณ์ของเขาก่อนที่จะนั่งลง ตรงข้ามกับเสี่ยวหลัว
“ผู้จัดการ ฉันได้รับแจ้งมาว่าการละเมิดความปลอดภัยด้านอาหารของ หลัวฝาง เกิดขึ้นภายในร้านของคุณงั้นเหรอ?”
“ใช่ถูกต้องแล้ว”
“คุณคิดว่าผลิตภัณฑ์ที่เราขายอยู่ มันมีปัญหาหรือไม่”
“ไม่ ไม่มีอะไรผิดปกติกับขนมอบของเรา” ซุน เจียนอัน ตอบพร้อมสั่นศีรษะอย่างแน่วแน่ ” ฉันสังเกตเห็นชายชราทันทีที่เขาเข้าไปในร้าน”
“ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?” เสี่ยวหลัวถาม
ซุน เจียนอัน เริ่มเล่าถึงฉากในความทรงจำของเขา“นั่นมันเป็นเพราะว่าใบหน้าของเขามันดูผิดปกติ มันซีดเหมือนกับว่าเขากำลังป่วยจากความเจ็บป่วย ลมหายใจของเขาก็หนักหน่วงราวกับว่าหลอดลมของเขาอุดตัน ฉันยังจำได้ดีว่า ฉันได้เทชาร้อนให้เขาถ้วยหนึ่งเป็นพิเศษ”
เสี่ยวหลัว พยักหน้า: “บอกความคิดเห็นของคุณกับฉันมา”
“ฉันเชื่อว่าชายชราไม่ได้ตายจากการกินขนมปังของเราเขาตายไปก็เพราะว่าโรคที่เขาป่วยอยู่ก่อนแล้ว” ซุน เจียนอัน แสดงความคิดเห็นของเขา ขณะที่เขาพูดต่อว่า“อย่างไรก็ตามแพทย์และญาติของชายชราทุกคนยืนยันว่าเขาหายใจไม่ออกเมื่อขนมปังของเราติดอยู่ในหลอดลม”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงไม่ได้หมายความว่า บริษัท หลัวฝาง ของเราไม่ได้รับความยุติธรรมงั้นเหรอ” จาง ซูซาน อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา
“ฉันไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ฉันมั่นใจว่าการตายของเขาไม่เกี่ยวข้องกับเรา!” ซุน เจียอัน พูด
เสี่ยวหลัวโบกมือ พน้อมกับพูดว่า“ฉันเข้าใจแล้ว กลับไปทำงานเถอะ”
ซุน เจียนอัน ลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับจากนั้นเขาก็หันหลังกลับแล้วเดินออกไป
“รอเดี๋ยว”
“ครับ ท่านประธานเสี่ยว?”
“อย่าบอกเรื่องของฉันกับ ซุนยู้” เสี่ยวหลัว สั่ง
ซุน เจียนอัน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเกี่ยวกับคำขอนี้ แต่เขาพยักหน้ารับทราบ “ได้ครับ”
จากนั้นเขาผลักเปิดประตูและออกจากห้องไป
“เสี่ยวหลัว ดูเหมือนว่าแกจะสนใจ ซุนยู้ อยู่ไม่น้อยเลยนะ” จาง ซูซาน พูดติดตลก
เขารู้ดี ว่าเหตุใดเสี่ยวหลัวจึงต้องการที่จะปกปิดตัวตนของเขา เขาต้องการที่จะทำความรู้จักกับซุนยู้ ในฐานะคนธรรมดา มีคนที่ร่ำรวยหลายคนที่กำลังตามจีบเทพธิดาอยู่มากมาย แต่ความรักที่เรียบง่ายบริสุทธิ์ไร้ที่ติและปราศจากกลิ่นของเงินนั้นมันหายาก