ตอนที่ 202 เพื่อนร่วมชั้นเก่า

Mars เจ้าสงครามครองโลก

“คนนั้นเป็นใคร ระดับการประดิษฐ์ตัวอักษรนี้ช่างน่าทึ่งจริงๆ!”

“เมื่อกี้มีคนพูดว่า ต้าเซี่ยไร้บุคลากรใช่ไหม? ”

“ตอนนี้ฉันอยากจะถามว่าหน้าแตกไหม? ”

มีคนพูดอย่างไม่เกรงใจ เมื่อกี้ชิอิจิโร่ มิยาโมโตะหยิ่งมาก ร้องขอให้วงการพู่กันจีนของต้าเซี่ยนั้นออกมายอมรับต่อหน้าชาวโลกว่า พู่กันจีนของต้าเซี่ยสู้พู่กันจีนของอาทิตย์ไม่ได้

แม้ว่าโจวเทียนฉีและคนอื่นๆ จะประจบประแจงชิอิจิโร่ มิยาโมโตะเหมือนหลานชาย แต่บางคนแแต่ไม่กล้าพูด

การประดิษฐ์ตัวอักษรของคุณดีมาก แต่คุณจำเป็นต้องเอาทุกสิ่งเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่? จำเป็นต้องประชดประชันเราแล้วคุณจึงจะมีความสุขหรือ?

ได้ จะเอาแบบนี้ใช่ไหม งั้นพวกเราก็ไม่ต้องรักษาหน้าคุณไว้หรอก

โบราณเขาว่า ดูหมิ่นผู้อื่น ผู้อื่นก็จะดูหมิ่นคืนเป็นธรรมดา!

เราให้เกียรติคุณมากเกินไปใช่หรือไม่? หากเอ่ยแค่เรื่องพู่กัน เราต้าเซี่ยถือว่าเป็น เป็นบรรพบุรุษของคุณ!!

ไอ้กระจอก กล้าดีอย่างไรมาสอนจระเข้ว่ายน้ำ คิดว่าไม่มีใครสั่งสอนคุณ

หลายคนไม่กล้าที่จะต่อต้าน แต่ตอนนี้พวกเขาได้โอกาสแล้ว แม้แต่โจวเทียนฉีก็ไม่ให้เกียรติ

โจวเทียนฉีหน้าแดงเหมือนก้นของลิง เมื่อกี้เขายังดูถูกเย่เซิ่งเทียน แต่ตอนนี้เขากลับถูกตบหน้าอย่างแรงแม้แต่ชิอิจิโร่ มิยาโมโตะก็คุกเข่าลงแล้ว เขาจะกล้าพูดอะไรอีก

“เอ้ะ”

หลายคนตอบรับอย่างไม่สบอารมณ์ และโห่อย่างจงใจ

“เลิกทำตัวขายหน้าได้แล้ว ออกไปจากนี่ได้แล้ว คุณชายอะไรกัน คนโง่ต่างหาก”

ชิอิจิโร่ มิยาโมโตะขมวดคิ้วไม่รู้ว่าเขานึกอะไรได้ เขาเหลือบมองไปทางทิศทางที่เย่เซิ่งเทียนอย่างน่ากลัว พาโจวเทียนฉีและคนอื่นๆ เดินจากไปอย่างสิ้นหวัง

เย่เซิ่งเทียนไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ สิ่งที่เขาเรียนรู้นั้นซับซ้อนเหลือเกิน การเขียนพู่กัน ยารักษาโรค วิชาหยินหยางฮวงจุ้ย ฯลฯ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมในโลก แต่เพียงแค่เขาไม่อยากจะแสดงมันออกมาเท่านั้น

“เย่เซิ่งเทียนใช่ไหม? ”

เย่เซิ่งเทียนหันหลังกลับ ผู้หญิงที่ผอมเพรียวในชุดสีชมพูกำลังมองมาที่เขา

“คุณคือ? ”

เย่เซิ่งเทียนขมวดคิ้ว รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย

“ใช่คุณจริงๆ ด้วย ฉันคือเหย้ซูหลิง คุณลืมไปแล้วเหรอ? ”

ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างโกรธเคือง “ในโรงเรียนมัธยม คนอย่างฉันเหย้ซูหลิงเป็นที่หนึ่งของชั้น ยังเป็นดาวโรงเรียนอีกด้วย แบบนี้นึกออกหรือยัง? ”

“เอ่อ คุณนี้เอง”

เย่เซิ่งเทียนรู้สึกเขินเล็กน้อย จากนั้นเขาก็จำได้ว่า เหย้ซูหลิงเป็นใคร

ในโรงเรียนมัธยม เหย้ซูหลิงได้ที่หนึ่งในชั้นเรียนศิลปศาสตร์เสมอ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอก็สวยด้วย ซึ่งทำให้นักเรียนหลายคนอิจฉา

ได้ที่หนึ่งของชั้นก็ว่าแล้ว แถมยังเป็นดาวของโรงเรียนอีก มันไม่ง่ายเลย

เหย้ซูหลิงเป็นผู้หญิงเยี่ยมยอดที่ทำได้สองอย่าง!!

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนโรงเรียนมัธยม เหย้ซูหลิงยังคงดังอยู่ตอนนั้น เคยพูดบนแท่นต่อหน้าครูและนักเรียนของโรงเรียนว่า “แค่มีเหย้ซูหลิงอยู่ ที่หนึ่งของชั้นคนอื่นก็อย่าหวังเลย สำหรับดาวโรงเรียนผู้หญิงคนอื่นก็อย่าหวังเหมือนกัน”

คำพูดของเหย้ซูหลิงยังคงเฉียบคม “ยังนึกไม่ออกเหรอว่าฉันเป็นใคร? แบบนี้มันไม่เกินไปเหรอ? ”

เย่เซิ่งเทียนยิ้มและพูดว่า “เป็นไปได้อย่างไรกัน คุณเป็นถึงตำนานในโรงเรียนของเราเลยนะ ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ล่ะ? ”

“งานแบบนี้ฉันก็ต้องมาสิ ถ้าไม่มาฉันจะหาเงินได้อย่างไร? ”

เหย้ซูหลิงยิ้มอย่างลึกลับ จิบไวน์แดงอย่างสง่างาม เอนตัวลงบนโต๊ะแล้วพูดว่า “ตัวปัญหาของคุณมาแล้ว

“หื้อ? ”

เย่เซิ่งเทียนตกตะลึง

เหย้ซูหลิงเลียริมฝีปากและกระซิบ “โจวหมินหมินคือเพื่อนสนิทของฉัน”

เย่เซิ่งเทียนขมวดคิ้ว และมองไปที่เธอ

เหย้ซูหลิงไม่สนใจและยิ้ม “ฉันแกล้งคุณ แต่ว่าโจวหมินหมินเธอเป็นเพื่อนสนิทของฉันจริงๆ และเธอตั้งใจจะไม่ปล่อยคุณไป”

เหย้ซูหลิงพูดแปลกๆ “คุณพูดสิ ถ้าฉันใส่ร้ายคุณ ฉันจะทำสำเร็จไหม? ”

“คุณก็ลองดูสิ”

เหย้ซูหลิงอมยิ้ม เธอยังคงเป็นคนที่ขี้เล่นแปลกประหลาด ไม่มีใครสามารถเดาได้ว่าเธอต้องการจะทำอะไร และไม่มีใครรู้ว่าเธอจะทำอะไร

เช่นเดียวกับสองเดือนก่อนสอบเข้าวิทยาลัย จู่ๆ เธอก็ออกไปท่องเที่ยวเป็นเวลาหนึ่งเดือน และเมื่อเธอกลับมา เธอก็สอบเข้าที่มหาวิทยาลัยชิงหัวด้วยคะแนนหนึ่งได้!

นี่คือผู้หญิงที่ไม่สามารถคาดเดาได้จริงๆ

“ก็ได้”

เหย้ซูหลิงฉีกกระโปรงของเธอครึ่งหนึ่งและตะโกนด้วยเสียงที่น่าสังเวช “มาจับโรคจิตแล้ว ช่วยด้วย จับโรคจิตหน่อยค่ะ”

ทุกคนมองมาทางนี้ทันที และหลายคนก็รีบมา

เย่เซิ่งเทียนพูดไม่ออก เหย้ซูหลิงยิ้มเบาๆ และเสียงของเธอก็ฉุนเฉียวมากขึ้น