บทที่ 84 เป็นฝ่ายช่วยเอง

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

ควีนเข้ามาอย่างรวดเร็ว เทาเท่ออกคำสั่งมาอย่างนิ่งๆ : “บัญชีรายรับรายจ่ายรายวันที่ผมให้คุณเตรียมเอาไว้ คุณเอาไปให้เธอ”

ถึงแม้ว่าเทาเท่จะใช้คำว่าเธอแทนชื่อ แต่ควีนก็รู้ว่าเธอที่เขาพูดถึงนั้นก็คือหลินจือ

เธอรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง : “แต่เมื่อครู่คุณบอกว่าไม่ต้องสนใจไม่ใช่หรือคะ?”

ตอนแรกที่คลิปวีดิโอของบุคคลวีไอพีนั่นเริ่มเปิดเผยออกไปนั้น ควีนก็มาหาเทาเท่แล้ว

แต่เทาเท่บอกว่าไม่ต้องสนใจด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก ควีนจึงทำได้เพียงต้องยกเลิกไปแบบนั้น

บัญชีรายรับรายจ่ายรายวันที่เทาเท่พูดถึงนั้น ก็คือเงินที่สองพ่อลูกนั่นเอาไปจากเขา หลังจากที่สองพ่อลูกชาร์ลีมาก่อเรื่องกับหลินจือครั้งที่แล้ว เทาเท่ก็สั่งเธอให้ฝ่ายบัญชีปริ้นท์ข้อมูลออกมา

คนแบบเทาเท่ จะเคยชินกับการเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ในตอนนั้นถึงแม้จะยังไม่เกิดเรื่องขึ้น แต่เขาก็ได้เตรียมตัวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

ก่อนหน้านี้ที่เทาเท่ต้องการจะเพิ่มเพื่อนในwe chatของหลินจือ บอกว่ามีข้อมูลสำคัญจะส่งให้เธอนั้น ที่พูดถึงก็คือบัญชีเหล่านี้

แต่ถูกหลินจือปฏิเสธ…..

เทาเท่จ้องมองควีนแวบหนึ่ง ให้เธอทำก็ทำ จะมาพูดมากอะไรกัน?

หลังจากที่ควีนถูกจ้องแล้วก็รีบรับคำสั่งแล้วออกไป : “ได้ค่ะ ฉันทราบแล้ว จะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”

ควีนเพิ่งจะออกไปนั้น เทาเท่ก็รู้สึกเสียใจทีหลังแล้ว

ทั้งๆที่หลินจือไม่ได้ขอให้เขาช่วย ตัวเขาเองกลับเป็นฝ่ายไปให้ความช่วยเหลือถึงที่เลยเสียอย่างนั้น

เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม รู้สึก….ไม่อยากจะให้ภาพพจน์ที่อยู่ในความทรงจำเลวร้ายขนาดนั้น

ตอนที่ควีนส่งข้อมูลเหล่านั้นกลับบ้านไปให้หลินจือ หลินจือกำลังส่งข้อความส่วนตัวถึงบุคคลวีไอพีผ่านweibo

เธอคิดที่จะพยายามใช้วิธีที่อ่อนโยนเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ ทำให้เรื่องนี้ไม่ต้องเกิดขึ้นมาอีก

ถ้าหากบุคคลวีไอพีคนนั้นลบweiboที่ไม่สอดคล้องกับความจริงอย่างรุนแรงนี้ หลินจือคิดว่าสถานการณ์ของเธอก็จะดีขึ้นมาก

แต่ที่เธอคิดไม่ถึงก็คือ บุคคลวีไอพีคนนั้นจะมีท่าทีที่เลวร้ายมาก ไม่เชื่อคำพูดของเธอเลย และไม่เชื่อว่าเมื่อหนึ่งปีก่อนหรือแม้กระทั่งไม่กี่วันก่อนที่เธอเคยให้เงินชาร์ลีไปแล้ว

และยังพูดว่าคนที่ไม่มีคุณธรรมแบบเธอ ก็ควรจะเปิดโปงเธอออกมา ทำให้เธอโดนคนเป็นหมื่นๆดูถูก

หลินจือรู้สึกโมโหมาก

หลังจากที่ควีนได้ยินคำพูดของหลินจือแล้ว ก็ชี้ชัดออกมาเลย : “เขาจะต้องรับเงินไปแล้วแน่ๆ ไม่อย่างนั้นใครจะมาทุ่มเทอย่างสุดกำลังกับการแบล็กเมล์คนที่ไม่เคยรู้จักไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนแบบนี้?”

หลังจากที่เทาเท่ก่อตั้งฟอเรนาเอนเตอร์เทนเมนต์แล้วนั้น ควีนเองก็จัดการกับเรื่องคำวิพากษ์วิจารณ์ของมหาชนมาตั้งมากมาย ดังนั้นจึงเข้าใจอย่างชัดเจนกับแอคปล่อยข่าวปลอมๆแบบนี้

บุคคลวีไอพีแบบนี้บนweibo ความจริงแล้วล้วนแต่เป็นแอคปล่อยข่าวปลอมเสียส่วนมาก เพียงแค่ให้เงินพวกเขา ให้พวกเขาส่งเนื้อหาอะไร พวกเขาก็จะส่งเนื้อหาแบบนั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องทัศนคติและการล้ำเส้นเลย

“รับเงิน?” หลินจือเอ่ยขึ้นมา “เธอหมายความว่า มีคนหาเขาเพื่อตั้งใจจะแบล็กเมล์ฉันเหรอ?”

ควีนพยักหน้าลง : “แปดสิบเปอร์เซ็นต์เลย”

หลินจือขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย : “แต่ชาร์ลีกับเรียวจิก็ไม่ได้มีเงินให้เขานี่?”

“ไม่แน่ว่าเบื้องหลังของชาร์ลีกับเรียวจิ ยังมีคนบงการอยู่” ควีนคาดสถานการณ์ออกมาแบบนี้

ในหัวของหลินจือนั้นจู่ๆก็มีชื่อคนๆหนึ่งลอยขึ้นมา : ลีวาย

เชื่อมโยงกับรูปถ่ายที่เธอถูกเปิดเผยออกมาตอนอยู่ในลิฟต์ของเบลดิ้งรูปนั้น หลินจือไม่มีทางที่จะไม่สงสัยเลยว่าคนๆนั้นก็คือลีวาย

แต่นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาของเธอเพียงเท่านั้น ไม่มีหลักฐานความจริงใดๆ ดังนั้นหลินจือจึงไม่ได้เอ่ยพูดเรื่องพวกนี้กับควีน

และจนกระทั่งเวลานี้หลินจือถึงได้รีบเอ่ยถามควีนขึ้น : “ทำไมเธอถึงได้กลับมาเวลานี้ล่ะ?”

ควีนยื่นส่งซองเอกสารที่ตัวเองเอากลับมาด้วยส่งให้หลินจือ : “นี่คือเอกสารที่ประธานเทาเท่ให้ฉันเอามาให้เธอ”

หลินจือรู้สึกประประหลาดใจอยู่บ้าง หลังจากที่อ่านเอกสารที่หยิบออกมาจากด้านในเสร็จแล้ว เธอก็รู้สึกตกตะลึงอยู่ตรงนั้น

หลินจือยอมรับว่าบัญชีรายรับรายจ่ายรายวันนี้มีประโยชน์ต่อเธอมากจริงๆ แต่….ทำไมเทาเท่ถึงได้เป็นฝ่ายช่วยเธอเองแบบนี้กัน?

หลินจือคิดไม่ถึงเลยว่าเทาเท่จะเป็นฝ่ายมาช่วยเธอเองแบบนี้ ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอถูกซูซีและพินอินเล่นงานเขาเองก็ยื่นมือออกมาช่วย แต่หลินจือคิดว่าเขาทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง

แต่ครั้งนี้……

ควีนเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง : “ครั้งที่แล้วที่ประธานเทาเท่อยากจะเพิ่มเพื่อในwe chatของเธอ ก็เพราะอยากจะเอาของพวกนี้ให้เธอน่ะ”

หลินจือไอกระแอมออกมาเบาๆ รู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง

รู้ว่าเธอเป็นคนปฏิเสธคำขอในweiboของเขาอย่างไม่เกรงใจ เธอรู้เสียที่ไหนกันว่าเทาเท่จะให้ข้อมูลพวกนี้กับเธอ

“ประธานเทาเท่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้ามาตลอด มองแค่แวบเดียวก็รู้สีหน้าท่าทางของพวกเขาแล้ว เขาให้ฉันเตรียมเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ เผื่อจำเป็น”

ที่ควีนพูดมานี้หลินจือเองก็ยอมรับ อายุ ประสบการณ์และสถานะตำแหน่งของเทาเท่ ล้วนแต่กำหนดความละเอียดรอบคอบและความสมบูรณ์แบบเอาไว้ แต่หลินจือคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาใช้ความคิดกับเธอแบบนี้

เธอหลบตาลงพลางเอ่ยพูดขึ้นกับควีนเบาๆ : “ฝากขอบคุณเขาด้วยนะ”

พูดจบแล้วก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม : “ฉันโทรไปขอบคุณเขาเองดีกว่า”

ต่อให้เธอจะไม่อยากที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับเขา แต่ครั้งนี้เทาเท่ช่วยเธอ เธอก็จำเป็นต้องขอบคุณเขา

ควีนยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “ถ้าหากเธอเพิ่มwe chat กับประธานเทาเท่ ฉันคิดว่าเขาจะรู้สึกว่าการขอบคุณของเธอจะดูจริงใจมากขึ้นนะ”

หลินจือ : “…….”

“เอาของมาส่งแล้ว ฉันกลับไปทำงานก่อนนะ”

“ถ้าต้องการความช่วยเหลือ โทรหาฉันได้ตลอดเลยนะ” ควีนก่อนจะออกไปก็กำชับแบบนี้กับหลินจือ

“ความจริงแล้ว…….” ควีนคิดแล้วก็เอ่ยพูดขึ้นมา “เธอเองก็สามารถขอให้ประธานเทาเท่ช่วยเธอได้นะ เป็นสามีภรรยากันเพียงวันเดียวความสัมพันธ์ก็แน่นแฟ้นได้ เขาจะต้องยอมช่วยเธอแน่ๆ”

ควีนรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองพอจะทำเพื่อเจ้านายนั้น ก็คงจะมีเพียงเท่านี้

หลังจากที่ส่งควีนไปแล้วนั้น หลินจือก็มองดูข้อมูลที่เทาเท่ส่งมาให้ในมืออย่างเหม่อลอย สุดท้ายแล้วก็กดโทรออกหาเทาเท่

“ประธานเทาเท่ ข้อมูลที่ควีนส่งมาให้ฉันเห็นแล้วนะคะ ขอบคุณมากค่ะ” หลินจือคิดว่าคำขอบคุณของตัวเองนั้นจริงใจแล้ว

จากนั้น สิ้นเสียงเธอแล้ว เทาเท่ที่อยู่ทางปลายสายก็ไม่ได้ตอบกลับเธออยู่พักหนึ่ง

หลินจือรออยู่นานก็ไม่ได้ยินการตอบกลับ จึงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู

ยังอยู่ในสาย เธอคิดว่าเทาเท่วางสายไปแล้วเสียอีก

และตอนที่จะพูดอะไรอีกนั้น เสียงที่ดูไม่พอใจของเทาเท่ก็ดังขึ้น : “ขอบคุณแค่ประโยคเดียวก็จบแล้วอย่างนั้นเหรอคุณ?”

หลินจือรู้สึกงุนงง ก็ได้ยินเขาเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง : “ไม่ใช่ว่าไวท์ช่วยคุณตรวจดีเอ็นเอ คุณก็ยังจะเลี้ยงข้าวเขาเลย ผมช่วยคุณขนาดนี้ คุณแค่ขอบคุณผมประโยคเดียวแค่นี้?”

หลินจือ : “……..”

นับว่าเธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเทาเท่ถึงไม่พอใจแบบนี้ เป็นเพราะเธอไม่มีของมาขอบคุณนี่เอง

แต่เธอเลี้ยงเขาไวท์ ไม่มีความกดดันอะไร นั่นเป็นเพราะไวท์โสด

แต่กับเทาเท่นั้นไม่เหมือนกัน ถ้าหากซูซีรู้ว่าเธอเจอหน้ากันกับเทาเท่และกินข้าวด้วยกัน ซูซีจะต้องมาหาเรื่องเธออีก

แต่แล้วหลินจือก็คิดออกถึงวิธีที่จะใช้สิส่งของมาขอบคุณเขา เธอรีบเอ่ยพูดขึ้น : “ฉันเข้าใจความหมายของคุณแล้ว ฉันจะจัดการให้นะคะ”

เธอสามารถซื้อของไปให้เขา แบบนี้ก็ไม่ต้องไปเจอหน้ากับเทาเท่แล้ว และยังสามารถแสดงความขอบคุณของเธอได้อีกด้วย

แน่นอนว่า เธอจะต้องไม่เอาของที่ดูคลุมเครือส่งไปให้เขาอย่างแน่นอน ของพวกเนคไท กระเป๋าสตางค์อะไรแบบนั้นไม่ได้อยู่ในขอบข่ายที่เธอจะเลือกเลย

บางที เธอจะส่งปากกาให้เขาด้ามหนึ่ง แบบนี้ดูจะมีความเป็นธุรกิจอยู่บ้าง

เทาเท่ได้ยินว่าเธอจะจัดการแล้ว น้ำเสียงก็ดีขึ้นมาบ้างแล้ว : “ต้องแบบนี้สิ”

เทาเท่คิดว่า ไวท์จะขอให้หลินจือทำอาหารให้ทานนั้นดูจะเกินไปเสียหน่อย แต่เขาสามารถยื่นขอความต้องการนี้ได้