ตอนที่ 1473 ไม้ทมิฬและวานรทอง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!” หานลี่บ่นพึมพำ รู้สึกประทับใจกับเหวพสุธา

 

 

“เอาล่ะ ข้าจะตอบคำถามข้อสุดท้ายให้ เจ้าลองคิดให้ละเอียดเถิด” มู่ชิงเอ่ยอย่างเย็นชา

 

 

“ข้าอยากรู้ว่าหลังจากเข้าไปในเหวพสุธาแล้ว อาวุโสอยากให้ชนรุ่นหลังทำอะไร!” หานลี่ขบคิดเล็กน้อย แล้วพลันเอ่ยถาม

 

 

แม้ว่าเขาจะอยากถามถึงแผนการที่เหล่าราชันย์ปีศาจจะเข้าไปในแม่น้ำอเวจี แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วก็กังวลเรื่องของตัวเองมากกว่า

 

 

ไม่ถามเรื่องนี้ให้เข้าใจ เขาก็ไม่อาจวางใจได้

 

 

“เจ้าอยากถามเรื่องนี้จริงๆ หรือ?” มู่ชิงรู้สึกประหลาดใจไปเล็กน้อย

 

 

“ใช่แล้ว ท่านอาวุโสได้โปรดแถลงไขด้วย!” หานลี่ตอบด้วยความมั่นใจอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

 

 

“ในเมื่อเจ้าไม่เสียดายโอกาสในการถามคำถามสุดท้าย ก็ไม่ใช่ว่าจะบอกไม่ได้ ง่ายมาก ข้าอยากให้เจ้าพาข้าไปเอาของที่มีประโยชน์ต่อข้าเป็นอย่างมากชิ้นหนึ่งเท่านั้น แต่ของสิ่งนี้มีมารชั่วร้ายปกปักษ์รักษาอยู่ หากข้าไปคนเดียวมันจะยุ่งยากมาก และมีเพียงอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายของเจ้าที่ควบคุมมันได้” สตรีเอ่ยอย่างราบเรียบ

 

 

“มาร! แม่น้ำอเวจีไม่ใช่แหล่งที่ภูตจะมารวมกันหรือ?” หานลี่ขมวดคิ้วรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ

 

 

           “ที่นั่นมีภูตและวิญญาณชั่วร้ายอยู่จำนวนมากจริง แต่ก็ยังมีมารปะปนอยู่ด้วย สาเหตุนั้นไม่ต้องถามข้าหรอก ข้าเองก็ไม่รู้” มู่ชิงใช้น้ำเสียงที่เข้มงวดเอ่ยขึ้น

 

 

           ชั่วขณะนั้นหานลี่พลันรู้สึกหมดคำพูด!

 

 

           “ทว่า เจ้าวางใจ มีอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายคอยช่วย และมีข้าที่จะลงมือเอง ย่อมจัดการมารตัวนั้นได้อย่างไม่มีปัญหา นอกจากนี้ขอแค่เอาของสิ่งนั้นกลับมาได้ ข้าจะมอบสมบัติให้เจ้าชิ้นหนึ่งเช่นกัน ในฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าวิญญาณเหาะเหิน เจ้าจะต้องสนใจของสิ่งนั้นมากแน่” แววตาของมู่ชิงฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา

 

 

           “ของ?” หานลี่เผยสีหน้าฉงน

 

 

           “ตอนนั้นที่คลื่นปีศาจเหวพสุธาระเบิดขึ้น ข้าเคยสังหารอาวุโสของเผ่าวิญญาณเหาะเหินไปคนหนึ่ง จึงได้โลหิตศักดิ์สิทธิ์เที่ยงแท้ของเผ่าวิญญาณเหาะเหินมาขวดหนึ่ง จากที่ข้ารู้มาแม้ว่าจะไม่ใช่โลหิตศักดิ์สิทธิ์เที่ยงแท้ของสาขาพวกเจ้า แต่ก็ยังเป็นสมบัติที่ประเมินค่ามิได้สำหรับเผ่าวิญญาณเหาะเหินของพวกเจ้า” มู่ชิงเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง

 

 

           “เป็นโลหิตศักดิ์สิทธิ์เที่ยงแท้ชนิดใด!” หานลี่พลันตะลึงงันไปจริงๆ

 

 

           “โลหิตวิญญาณเที่ยงแท้ของนกยูงห้าสี ของสิ่งนี้ เจ้าคิดเห็นอย่างไร แม้ว่าเจ้าจะไม่อาจใช้ได้ แต่หากเอากลับไปที่เผ่า จะมีประโยชน์แค่ไหนไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว” คำพูดของมู่ชิงเต็มไปด้วยเจตนายั่วยวน

 

 

           มิน่าล่ะ!

 

 

           ไม่ต้องพูดถึงว่าแต่ไหนแต่ไรมาเผ่าวิญญาณเหาะเหินให้ความสำคัญกับโลหิตวิญญาณเที่ยงแท้อย่างไร แม้แต่เผ่าประหลาดเผ่าอื่นๆ ได้ของสิ่งนี้ไปก็ยังมองว่ามันคือสมบัติ

 

 

           ถึงอย่างไรเสียโลหิตวิญญาณเที่ยงแท้นั้นไม่ว่าใช้ปรุงยาหรือหลอมยุทธภัณฑ์ก็ล้วนมีผลลัพธ์ที่น่าเหลือเชื่อ!

 

 

           นกยูงห้าสีนั้นมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเหล่าจิตวิญญาณเที่ยงแท้ เป็นวิหคที่น่ากลัวจัดอยู่ในอันดับแรกๆ ของจิตวิญญาณเที่ยงแท้

 

 

           หานลี่พลันรู้สึกดีอกดีใจเป็นอย่างมาก

 

 

           เขาฝึกฝนตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองครั้ง และได้เรียนรู้ไปสามชนิดแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีเคล็ดวิชาลับแปลงกายของนกยูงห้าสีด้วย

 

 

           ขอแค่ดูดซับโลหิตวิญญาณนี้เข้าไปในร่าง เขาก็จะสามารถฝึกฝนคาถานี้ได้ทันที และสามารถแปลงกายเป็นนกยูงห้าสีได้

 

 

           ตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองครั้ง ยิ่งเรียนมากเท่าไหร่ อานุภาพก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น

 

 

           ตามที่ในคาถากล่าวเอาไว้ ทุกครั้งที่เรียนรู้การแปลงกายได้หนึ่งชนิด ก็จะทำให้อานุภาพของการแปลงกายที่เรียนรู้ไปก่อนหน้าเพิ่มขึ้นสามส่วน

 

 

           ตามทฤษฎีแล้วหากสามารถรวมการแปลงกายทั้งหมดที่เรียนรู้เข้าด้วยกัน ก็จะทำให้อานุภาพเพิ่มขึ้นมากกว่าสี่เท่า

 

 

           แน่นอนว่าเดิมทีอานุภาพของการแปลงกายก็จะเพิ่มขึ้นตามพลังยุทธ์ที่เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว

 

 

           คาถาตื่นจากจำศีลเพิ่มขึ้นหลายเท่า ก็จะเพิ่มขึ้นโดยพื้นฐานอยู่แล้ว

 

 

           เช่นนั้นเมื่อประกอบกับการเรียนรู้การแปลงกายหลายๆ ชนิด

 

 

           ความน่ากลัวของคาถาตื่นจากจำศีล แค่คิดก็รู้แล้ว 

 

 

           และ ‘ลำแสงเทวะห้าสี’ ที่นกยูงห้าสีมี ก็ยิ่งเลื่องลือในแดนวิญญาณ

 

 

           ว่ากันว่าทุกแห่งที่ลำแสงห้าสีนี้กวาดผ่านไป ของเบญจธาตุจะถูกกักเอาไว้ ลำแสงเทวะดูดปราณของหานลี่ก็จัดอยู่ในประเภทนี้เช่นกัน

 

 

           แน่นอนว่าอานุภาพที่แท้จริงของทั้งสอง นั้นแตกต่างกันแน่นอนอยู่แล้ว

 

 

           หานลี่มีสีหน้าเป็นปกติ แต่แววตาตกตะลึงระคนดีใจเล็กๆ ยังคงไม่อาจปิดบังมู่ชิงได้

 

 

           นางหัวเราะน้อยๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า

 

 

           “ดูแล้วสหายหานคงจะพึงพอใจโลหิตเที่ยงแท้ของนกยูงห้าสีเป็นอย่างมาก เช่นนั้นล่ะก็ ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน ข้าจะเอาโลหิตวิญญาณเที่ยงแท้ครึ่งหนึ่งให้เจ้าก่อน หลังจากภารกิจสำเร็จ ค่อยให้อีกครึ่งหนึ่ง”

 

 

           มู่ชิงเอ่ยจบ มือหนึ่งพลันตบไปที่ดอกบัวสีทองใต้ร่าง ชั่วขณะนั้นพลันพ่นขวดเล็กๆ สีแดงสดออกมาขวดหนึ่ง

 

 

           สตรีผู้นี้ใช้มือคว้าออกไป ขวดเล็กๆ บินไปหาหานลี่

 

 

           แววตาของหานลี่ฉายแววประหลาดใจ คว้าขวดเล็กๆ เอาไว้ในมือ ทันใดนั้นก็เปิดฝาขวดออกทันที

 

 

           ชั่วขณะนั้นพลันมีเสียงเพรียกอันไพเราะดังออกมาจากขวดสีแดงสด ลำแสงห้าสีทะลักออกมา มีอะไรสักอย่างบินออกมาจากด้านใน

 

 

           เสียง “แกร๊ก” ดังขึ้น หานลี่พลันปิดฝาขวดลงอีกครั้งด้วยความรวดเร็วอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

 

 

           ชั่วพริบตานั้นเขาได้ใช้จิตสัมผัสกวาดเข้าไปในขวด

 

 

           แม้นว่าจะไม่เคยเห็นโลหิตวิญญาณเที่ยงแท้ชนิดนี้มาก่อน แต่จากกลิ่นอายอันน่าอัศจรรย์ที่แผ่ออกมาจากด้านใน ก็น่าจะเป็นของจริงถึงจะถูก

 

 

           “ขอบพระคุณท่านอาวุโสที่มอบโลหิตวิญญาณให้!” หานลี่ไม่เกรงใจอีกต่อไป เก็บขวดโลหิตเ้ขาไป ค้อมตัวลงแล้วเอ่ยขอบคุณ

 

 

           “หึๆ ถึงครานั้นอย่าลืมช่วยข้าอีกแรงก็แล้วกัน ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว ขอแค่ไม่ใช่ชั้นสามลงไป ทุกแห่งในเหวพสุธาเจ้าย่อมเลือกที่ฝึกฝนได้ตามใจ สามปีให้หลังเมื่อข้าเตรียมการเสร็จ จะเรียกเจ้ามาอีกครั้ง” มู๋ชิงพยักหน้าจากนั้นออกคำสั่งส่งแขก

 

 

           หลังจากที่หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรตามมารยาทอีก รอบกายเปล่งแสงสีเขียวเจิดจ้า กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไป

 

 

           กระพริบวาบสองสามครั้ง ลำแสงหลีกหนีหายวับไปจากประตูวิหารอย่างไร้ร่องรอย

 

 

           มู่ชิงมองลำแสงหลีกหนีของหานลี่ที่หายวับไป รอยยิ้มในแววตาหายวับไปอย่างไม่เห็นเงา

 

 

           ครู่ต่อมาสตรีผู้นี้ก็ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม

 

 

           ชั่วขณะนั้นดอกไม้สีทองใต้ร่างพลันมีลำแสงสีดำเปล่งแสงมะเมื่อม เขตอาคมลำแสงสีดำปรากฎขึ้น

 

 

           เงาร่างคนกระพริบวาบ มู่ชิงหายวับไปจากบนดอกไม้สีทอง เขตอาคมสีดำเองก็หายวับไปเช่นกัน

 

 

           แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นในถ้ำแก่นพฤกษาที่มู่ชิงใช้ฝึกฝน ตรงประตูหน้าสวนเพลงมรกตที่ถูกเขตอาคมเป็นชั้นๆ ผนึกเอาไว้ เขตอาคมลำแสงพลันเปล่งแสงสว่างวาบเช่นกัน มู่ชิงปรากฎตัวขึ้น

 

 

           เมื่อสตรีผู้นี้ปรากฎตัวก็เงยหน้าขึ้นมองประตูอันมหึมาเบื้องหน้าแวบหนึ่ง ร่างกายพลิ้วไหว ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

 

 

           เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น

 

 

           เขตอาคมเป็นชั้นๆ บนประตูราวกับผิวน้ำถูกสัมผัสอย่างไรอย่างนั้น กระเพื่อมจนเกิดเป็นระลอกคลื่นกลางอากาศ แต่มู่ชิงกลับมีลำแสงสีดำไหลโคจรอยู่ ชั่วพริบตาก็ละลายหายเข้าไปในประตูอย่างไร้ร่องรอย

 

 

           ครู่ต่อมาอีกด้านของประตูใหญ่ เงาร่างของมู่ชิงพลันเปล่งแสงสว่างวาบปรากฎขึ้น

 

 

           และเบื้องหน้าของสตรีผู้นี้ กลับมาปรากฎท่ามกลางสวนดอกไม้ยักษ์หลากสีสัน

 

 

           ดอกไม้ยักษ์เหล่านี้ล้วนมีขนาดที่น่าตกตะลึง ใหญ่หน่อยมีขนาดสองสามจั้ง เล็กหน่อยมีขนาดสองสามฉื่อ บ้างก็ผลิกลีบเบ่งบาน บ้างก็หุบแน่นเป็นดอกตูมๆ

 

 

           แต่ทุกดอกล้วนแผ่ไอวิญญาณอันน่าประหลาดใจออกมา

 

 

           ตรงกลางของดอกไม้ยักษ์เหล่านี้มีทางเดินเล็กๆ ที่คดเคี้ยวไปมาอยู่

 

 

           มู่ชิงเดินเข้าไปในทางเดินท่ามกลางหมู่มวลบุปผาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

 

 

           เดินไปได้เป็นเวลาหนึ่งกาน้ำชา หลังจากผ่านดอกไม้ยักษ์มาไม่รู้กี่ดอก ก็มองไม่เห็นมวลบุปผาอีก เบื้องหน้ากลับเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวเหลืองปรากฎขึ้น

 

 

           ตรงใจกลางของทุ่งหญ้าต้นไม้ยักษ์สีดำสนิทต้นหนึ่งตั้งตระงห่านอยู่

 

 

           ต้นไม้ต้นนี้มีความสูงห้าสิบหกสิบจั้ง ขนาดใหญ่ยักษ์ แต่ภายนอกดูน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก

 

 

           ตรงกลางของต้นไม้ทั้งต้นราวกับมีเขตแดนไร้รูปร่างอยู่ ครึ่งหนึ่งมีใบหนาแน่น เขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ อีกครึ่งหนึ่งแห้งโกร๋น ไม่มีใบไม้สักใบ ราวกับเป็นต้นไม้ที่ยืนต้นตายก็มิปาน

 

 

           มองต้นไม้ยักษ์สีดำเบื้องหน้า แววตาของมู่ชิงเปล่งประกาย หยุดฝีเท้าห่างจากต้นไม้ไปสิบจั้งเศษ

 

 

           แทบจะในเวลาเดียวกันเบื้องหน้าต้นไม้ยักษ์ฝั่งที่มีใบหนาแน่นก็มีลำแสงสว่างวาบ จากนั้นลำแสงสีดำก็พุ่งออกมา ตรงเข้ามามู่ชิง

 

 

           ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฎขึ้น

 

 

           ลำแสงสีดำบนร่างของมู่ชิงถูกหมอกสีดำห่อเอาไว้ ก็คลายออกทันที เผยเงาร่างเย้ายวนอรชนอ้อนแอ้นออกมา

 

 

           หน้าตาที่แท้จริงเผยออกมา

 

 

           คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสตรีผู้งดงามผิวสีดำคล้ำ

 

 

           บางทีสตรีผู้นี้ก็ไม่นับว่างดงามที่สุดในแผ่นดิน แต่จิตสังหารตรงหว่างคิ้วที่แทบจะก่อตัวขึ้นอย่างหนาแน่นนั้น กลับทำให้ผู้คนเห็นแล้วรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้

 

 

           “ตาเฒ่าจินอยู่หรือไม่!” สตรีจ้องเขม็งไปยังต้นไม้ยักษ์สีดำแวบหนึ่ง ฉับพลันนั้นก็ตะโกนออกมาด้วยความเย็นชา

 

 

           ลำแสงสีทองสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ เงาสีทองกลุ่มหนึ่งปรากฎขึ้นเบื้องหน้ามู่ชิง และประสานมือคารวะสตรีผู้นั้น

 

 

           “คารวะนายท่าน วิญญาณจินอยู่ที่นี่มาโดยตลอด!”

 

 

           คาดไม่ถึงว่าเงาร่างสีทองจะเป็นวานรสูงสามฉื่อที่มีลำแสงสีทองเปล่งแสงทั่วเรือนกาย แผ่นหลังมีสามง่ามและกระบี่สั้นไขว่กันอยู่ หนวดสีขาวยาวครึ่งฉื่อ ดวงตาทั้งสองเป็นสีดำเป็นมันวาว สีหน้าเคารพนับถือ

 

 

           “ตาเฒ่าจินลุกขึ้นเถิด! ช่วงนี้ไม่มีผู้ใดลักลอบเข้ามาที่นี่สินะ” คาดไม่ถึงว่ามู่ชิงจะปฏิบัติต่อวานรสีทองตัวนี้อย่างเกรงใจเป็นพิเศษ ยกมือขึ้นให้วานรลุกขึ้นแล้วเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน

 

 

           “ไม่มี สองปีมานี้ตาเฒ่าจินไม่เคยอยู่ห่างร่างของนายท่านแม้แต่ก้าวเดียว ไม่พบความผิดปกติใดๆ” วานรตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

 

 

           “ดีมาก ที่ผ่านมาต้องขอบคุณตาเฒ่าจินจริงๆ เจ้าก็รู้ แม้ว่าอิทธิฤทธิ์ของข้าจะไม่ต่างกับคนอื่นๆ นัก แต่ร่างมายาที่สร้างขึ้นจากพฤกษาวิญญาณนั้นมีจุดอ่อนที่ถึงชีวิต จึงต้องรบกวนตาเฒ่าจินช่วยปกป้อง” มู่ชิงถอนหายใจออกมาขณะเอ่ย

 

 

           “เหตุใดนายท่านต้องกล่าวเช่นนี้ด้วย ตอนนั้นข้าเป็นแค่วานรป่าธรรมดาที่มักจะมาเล่นใกล้ๆ กับร่างของนายท่านเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะนายท่านคอยสนับสนุน จะมีวิญญาณจินวันนี้ได้อย่างไร! และยิ่งไปกว่านั้นครั้งที่แล้ว วิญญาณจินไม่ได้ตรวจสอบจนตกหลุมพรางของผู้อื่น จนเกือบจะทำให้ร่างของนายท่านถูกคนชิงไป หากไม่ใช่เพราะนายท่านสังหรณ์ใจไม่ดี ยอมเสียปราณแท้ครึ่งหนึ่ง ระเบิดตนเองทำร้ายอีกฝ่าย เกรงว่าวิญญาณจินคงทำผิดที่ไม่อาจกอบกู้ได้แล้ว แต่เช่นนี้ร่างพฤกษาวิญญาณของนายท่านจะกลับมาเป็นดังเดิมได้ เกรงว่าก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปี” วานรกลับเอ่ยด้วยสีหน้าละอายใจ

 

 

           “เรื่องครั้งที่แล้วก็ไม่อาจโทษเจ้าได้ เป็นเพราะข้าประมาทคิดว่ามีพวกลิ่วจู๋อยู่ด้วย จะไม่มีผู้ใดทำอะไรร่างหลักของข้าได้ ถึงได้ให้คนทะลวงเข้ามาในมิติเวลา ทว่าในเมื่อคนผู้นั้นแอบเข้ามาในที่ที่ข้าซ่อนร่างหลักเอาไว้ได้ และยังล่อเจ้าออกไปได้ ก็มีเพียงคนที่คุ้นเคยกับถ้ำแก่นพฤกษาเท่านั้น คนผู้นี้คือผู้ใด ข้าเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่แค่คนผู้นี้ก็ถูกผู้อื่นบงการอยู่ ข้าจึงไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น พลาดเรื่องใหญ่อย่างแม่น้ำอเวจีไป ถึงได้แสร้งทำเป็นไม่รู้เช่นนี้ รอจนข้ากลับมาจากแม่น้ำอเวจี และได้ทุกอย่างกลับมาแล้ว ข้าจะตัดเอ็นถลกหนังมันเป็นการแก้แค้นให้กับร่างหลักของข้า” มู่ชิงมีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาฉายจิตสังหารออกมาขณะเอ่ย