“ฟางเฉิง?” หลิวยู่ติงงุนงงเล็กน้อยหากก็ยังพยักหน้ารับ

 

“ดี” ชูฮันตอบ จากนั้นก็ชี้ไปที่บ้านหลังถัดไปและถาม “ที่นี้เหรอ?”

 

“ใช่!” เฉินช่าวเย่ยิ้มกว้าง “พวกเขาทุกคนอาศัยอยู่ที่นี่!”

 

และทันทีที่เสียงของเฉินช่าวเย่แผ่วลง—–

 

เอี๊ยด—–

 

ประตูไม้ของตัวบ้านก็เปิดออก พร้อมกับใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏสู่สายตาของชูฮัน เธอสวมเสื้อผ้าที่พบเห็นได้ทั่วไป ร่างเล็กผอมแห้งกว่าเขาเล็กน้อย ผิวก็ไม่ได้เรียบเนียนขาวเหมือนเมื่อก่อนแต่มันกลายเป็นแดง หากยังคงความสวยอยู่ ด้านในตัวบ้านมีอ่างขนาดใหญ่อยู่

 

“ชูฮัน?” ตาของติงเซวเป็นประกาย เธอดีใจมากที่เจอเพื่อนร่วมห้องเรียนในมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เจอเป็นระยะเวลาหลายเดือนอีกครั้ง

 

————

 

ภายในตัวเมืองชั้นใน ณ ที่พักหรูหราของพลโทเฉินช่าวเย่ เซียเหว่ยเดินออกมาจากห้องครัวด้วยหน้าตาแช่มชื่น หากทันทีที่เดินมาถึงห้องโถงสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที

 

กริ๊ก!

 

แกร๊ง!

 

จานอาหารในมือของเธอร่วงลงพื้น อาหารหกกระจายระเนระนาด สายตาของเซียเหว่ยพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกและว่างเปล่า หน้าตาขาวซีด

 

สามคนนั้นไปไหนกัน?

ทำไมเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย!

 

เซียเหว่ยเลิกผ้ากันเปื้อนที่สวมไว้ออกพร้อมกับสีหน้าที่เย็นชาและพุ่งตัวออกไปจากตัวบ้านอย่างรวดเร็ว เท้าของเธอเหยียบลงบนจานที่แตกอยู่ที่พื้น

 

“ปัง!”

ประตูถูกกระแทกปิดลงอย่างแรงจนมันสั่นไหวไปมา

 

“เฮ้!” ด้านนอกของตัวบ้านมีน้ำเสียงขำขันของคนหนึ่งดังขึ้น “ใครทำให้เธอโกรธได้ขนาดนี้?”

 

เซียเหว่ยช็อคและรีบปรับสีหน้าที่เย็นยะเยือกก่อนหน้านี้ให้หายไปทันที เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับคนตรงหน้า “พันโทชาช่าวหน่าน สวัสดีค่ะ”

 

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเซียเหว่ยกระพริบตา เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าของเซียเหว่ยก่อนหน้านี้ก่อนจะยิ้มออกมา “ขอโทษที เธอเห็นพลเอกชูฮันมั้ย? ฉันกำลังตามหาเขาอยู่”

 

“เอ่อ—พลเอกชูฮัน?” เซียเหว่ยพยายามระงับอารมณ์ในอกและตอบกลับ “ก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เหมือนเขาจะหายไปแล้ว”

 

“เธอหมายถึงเขาเคยมาที่นี้และไปแล้ว?” ชาช่าวหน่านก้มลงจดใจความสำคัญไว้ จากนั้นก็ไม่รอให้เซียเหว่ยได้มีโอกาสตอบ ชาช่าวหน่านก็เดินถอยออกไป “ขอบคุณคนสวย!”

 

จากนั้นชาช่าวหน่านก็หมุนตัวเดินกลับออกไป

 

เมื่อมองไปที่ร่างที่หายไปตามเส้นทาง ในที่สุดเซียเหว่ยก็ปล่อยเสียงคำรามที่อัดแน่นไว้ในอกออกมา เธอไม่รู้ว่าพันโทนั้นเห็นสีหน้าย่ำแย่ก่อนหน้านี้ของเธอหรือเปล่า เธอหงุดหงิดมากที่ทุกอย่างในวันนี้ไม่มีอะไรราบรื่นเลย!

 

ไม่นานหลังจากตรวจสอบว่าชาช่าวหน่านไปแล้วจริงๆ เซียเหว่ยก็แสร้งทำเป็นเดินวนอยู่รอบๆจากนั้นก็จจากไปในทิศทางเดียว

 

————

 

ภายในบ้านในพื้นที่บริเวณของพลเรือน ในห้องที่มีพื้นที่ขนาดย่อม ตรงกลางของตัวบ้านมีอ่างที่ทำจากเหล็กขนาดใหญ่ที่กำลังเผาถ่านเพื่อมอบความอบอุ่นท่ามกลางอากาศในฤดูหนาว ซึ่งเป็นจุดเดียวในบ้านที่ส่องแสง อีกทั้งในขณะนี้ก็อัดแน่นไปด้วยผู้คนที่มีรูปร่างผอมแห้งหากสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขามารวมตัวกันอยู่ในห้องที่ก่อไฟ สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ชูฮัน

 

ชูฮันค่อยๆนึกหน้าของทีละคนออก คนส่วนใหญ่ที่นี้เป็นคนที่เคยร่วมรบสงครามเมืองตงกับเขามา ส่วนที่เหลือเป็นคนที่เคยต้านฝูงซอมบี้ที่บุกด้วยกัน ยกเว้นแต่ฉางกวนยวีซินที่ไปหนานตู้ และหลูฮงเชิงและซูชิงที่อยู่ในชั้นใต้ดินของคฤหาสน์ของเหย่โม่ ทั้งเจียงโจว เยวจึ และ เย๋เฉิน ทุกคนอยู่ที่นี้กันหมด

 

เฉินเสี้ยนกาวนั่งข้างชูฮัน ยากที่จะเก็บความตื่นเต้นของเขาได้ “ชูฮัน เรามาถึงซางจิงด้วยคน 80 คน แต่ตอนนี้ทีมของเราแข็งแกร่งขึ้น เรามีคนมากกว่า 100 คนแล้ว”

 

“ถูกต้อง” เย๋เฉินปัดแววตานิ่งเฉยของเขาออกไป ตอนนี้แววตาของเขาเป็นประกาย “30 คนในห้องนี้เป็นคนหลักๆ ส่วนที่เหลือก็กระจัดกระจายอยู่รอบๆบ้าน”

 

ชูฮันส่งสายตายินดีให้กับเย๋เฉิน “ครั้งนี้ หลังจากสิ้นปีแล้ว พาทุกคนไปจากที่นี้”

 

“ไปไหน?” เฉินเสี้ยนกาวถาม

 

ชูฮันยิ้มบางๆ “ค่ายเขี้ยวหมาป่า ค่ายของพวกเราเอง”

 

มีเกิดความเงียบขึ้นในบ้านครู่หนึ่ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงระเบิดอารมณ์ของความตื่นเต้นยินดีของทุกคน

 

“เรามีค่ายของเราเองเหรอ?”

 

“ชื่อเขี้ยวหมาป่า!”

 

“เดี๋ยวก่อน! มันมีค่ายที่ไม่เข้าร่วมกับกองทัพด้วยเหรอ นี่เรากำลังก่อกบฏรึเปล่า? ฉันไม่รู้เรื่องราวอะไรแต่ฉันตื่นเต้นมาก!”

 

“กบฏบ้านเธอสิ! ไม่เห็นเหรอไงว่าสองคนนี้ใส่ชุดเครื่องแบบทหารอยู่?”

 

กลุ่มคนรีบหันไปดูชายอ้วนที่นั่งอยู่ด้านหลังชูฮันและกำลังกินอาหารด้วยสีหน้านิ่งๆ ชายอ้วนใส่ชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศ มีตราตำแหน่งติดอยู่บนเครื่องแบบ หากดูไม่รู้ออกเป็นพันโทหรือพลโทกันแน่!

 

หลิวยู่ติงแทบจะตะลึงค้างไปกับความไม่ชัดเจนของคนกลุ่มนี้ พวกเขาพูดคำว่ากบฏออกมาอย่างไม่เกรงกลัว นี่มันคนแบบไหนกัน?!

 

เฉินช่าวเย่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆทั้งเลย เขาเอาแต่กินดื่มไม่สนใจรอบข้าง เฉินช่าวเย่ดูคุ้นเคยกับคนพวกนี้ดี

 

“เจียงโจว” จู่ๆชูฮันก็เรียกชื่อเจียงโจวขึ้นมา

 

“เอ่อ….” เจียงโจวรีบเงยหน้าตามเสียงเรียกทันที

 

“นายเอาเฮลิคอปเตอร์และพาเมียและลูกไป เด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ก็พาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปด้วย ส่วนที่เหลือจะไปกับฉัน พวกนายมีอะไรจะแย้งมั้ย?”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอนไม่มี!”

 

กลุ่มคนเต็มไปด้วยพลังงานและความกระตือรือร้น พวกเขานั่งล้อมวงกันอยู่ สำหรับพวกเขามันดีกว่ากับการได้ติดตามชูฮัน ไม่ว่าจะฆ่าซอมบี้ทีละตัวหรือสู้กับทั้งฝูงซอมบี้ ทุกครั้งชูฮันจะนำพาความแข็งแกร่งและความรู้สึกสดชื่นมาให้ ทุกครั้งพวกเขาจะรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต่อสู้ร่วมกับชูฮัน บางครั้งพวกเขายังคิดเลยว่าชีวิตที่มันน่าเบื่อเกินไป

 

เจียงโจวรู้สึกอบอุ่นในหัวใจพลางพยักหน้ารับคำสั่งของชูฮัน เขาแตกต่างจากนักสู้คนอื่นๆ เขาต้องคอยดูแลภรรยาของเขาตลอดการเดินทาง ลูกของเขาพึ่งจะเกิดมาได้กี่เดือน คนอื่นๆอาจจะพูดได้ง่ายๆว่าพร้อมจะติดตามชูฮันไปทันที แต่มันไม่ใช่สำหรับเขา มันไม่ง่ายที่จะหาที่พักอาศัยที่ปลอดภัยในโลกาวินาศ ใจหนึ่งเขามีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะติดตามชูฮันไป หากอีกใจเขามีครอบครัวที่ต้องคำนึง

 

อย่างไรก็ตาม ชูฮันมอบเฮลิคอปเตอร์ให้เขาเพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยในการเดินทาง ดังนั้นปัญหาที่เขากังวลก่อนหน้านี้ก็ไม่มีเหลือแล้ว ชูฮันเสนอความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้เขาแบบนี้ แล้วเขาจะไม่รู้สึกผิดได้อย่างไร?

 

หัวหน้าเป็นคนดีจริงๆ!

 

“หัวหน้าแค่ให้เมียกับลูกของผมนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปก็พอแล้ว ส่วนผมขอติดตามดูแลหัวหน้า!” เจียงโจวร้องขอ

 

อย่างไม่คาดคิดชูฮันหันมาจ้องตาของเจียงโจว “ฉันให้นายขับเฮลิคอปเตอร์เพื่อนายจะขึ้นไปสัมผัสลมเย็นในอากาศ หรือนายจะอยู่ในห้องทดลองและทำงานวิจัยให้ฉันล่ะ?!”

 

ทันทีที่ชูฮันพูดจบ เจียงโจวก็แทบจะร้องไห้ออกมา มันกลายเป็นว่าหัวหน้ายังจำได้ว่าเขาเคยทำงานด้านเคมีและรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่!

 

ชูฮันยิ้มอยู่ในสายตา นอกเหนือจากเจียงโจวแล้ว เขายังต้องหาอีกคนที่มีความสามารถด้านชีววิทยา ไม่อย่างนั้นรายงานการวิจัยจากซิงเฉินคงยากที่จะพัฒนาต่อได้

 

“แล้วเหอเพ่ยหยวนล่ะ?” ทันใดนั้นชูฮันก็หันไปถามเหอเพ่ยหยวน