ชวนดูกระบี่เทพสังหาร? ทุกคนต่างนิ่งค้างเมื่อเห็นคำเชิญชวนจากฟางฉีอีกครั้ง ..
[พวกเจ้าอย่ายอมรับ!] ซูเทียนจิประกาศก้องในช่องพูดคุย [เจ้าเด็กคนนี้ทำตัวนิสัยไม่ดี เขาไม่เพียงขโมยผักของเราเท่านั้น แต่ยังสั่งให้หมามากัดเราอีก เขาต้องการไถ่โทษเราด้วยการชวนเราดูละครงั้นหรอ ไม่มีทางซะหรอก!]
[ใช่!]
[ข้าก็คิดเช่นนั้น!]
[พวกอย่ากดรับ!]
[ข้าไม่ได้ถูกหมากัด ข้ากดยอมรับไปดีมั้ย?] ซงฉิงเฟิงส่งอิโมจิน่ารักๆ ลงในกลุ่ม
หลายคนเงียบไป ..
ซูเทียนจิกล่าวว่า “เจ้าก็ไม่เห็นต้องกดรับนี่” เธอส่งหน้าหมาแยกเขี้ยว
หลันหยันแนะนำว่า [ตอนที่เจ้าของร้านกำลังดูละครพวกเราก็เข้าไปขโมยผักกันสิ ข้าไม่คิดว่าเจ้าหมามันจะกัดพวกเราทุกคนหรอก!]
[หืม? ทำไมท่านถึงมีรูนปนี้?] เจียงเสี่ยวหยูส่งอิโมจิสงสัยไป
ไม่กี่วิฟางฉีก็ตอบกลับด้วยการส่งภาพหมาโง่ของเขากำลังสวมผ้าพันคอ
“โอ้ย! งี่เง่ามาก” เจียงเสี่ยวหยูเอ่ยแซว
ตงชิงลี่รู้สึกสนใจในความโง่เง่าของมัน [เจ้าเอารูปแบบนี้มาจากไหน?]
ซูเทียนจิที่อยู่ในกลุ่มเริ่มหัวอุ่น [อย่าเปลี่ยนหัวข้อ!]
ฟางฉียังคงส่งรูปหมาอาคิตะของเขาไม่หยุด มันกำลังทำท่าทางเอียงหัวพิงข้างฝา
ซูเทียนจิกัดฟันกรอด
“…”
หลันยัน [เอ่อ นี่ไม่ใช่เจ้าหมาโง่ในสวนของเจ้าของร้านหรอกใช่มั้ย?]
ตงชิงลี่ [ทำไมหน้าตามันดูโง่จัง?]
หลินเซียว [ยิ่งมองมันยิ่งดูโง่]
ซูเหลียว [มันกินได้มั้ย?]
“นี่ถ้าลองกดขวาที่รูปพวกท่านสามารถเก็บและส่งต่อได้นะ!” มีคนค้นพบฟังก์ชั่นนี้
ในไม่ช้าแชทกลุ่มเริ่มเปลี่ยนหัวข้ออย่างไม่คาดคิด หัวข้อดั้งเดิมถูกลืมไปแล้วอย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกันเหล่านักพิมพ์ไม่พอใจและเริ่มตะหงิดใจพวกเขาแอบจัดตั้งกลุ่มใหม่อย่างเงียบๆ
นาหลันหมิงสือ [เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเปลี่ยนเรื่องคุย อย่าหลงกลเขา! มีใครรู้ชื่อเขาในเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพบ้าง?]
ซูเทียนจิ [เจ้าจะทำอะไร?]
หลินเซียว [เจ้าจะแอบโจมตีเขาใช่มั้ย? ข้าเอาด้วย!]
เยเสี่ยวเย้ [น่าสนใจ!]
ซูเทียนจิ [ความคิดดี ข้าร่วมด้วย!]
นาหลันฮงวู [ข้าไปละ พวกเจ้าเชิญไปกันเถอะ] อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้โดนหมากัดและไม่ได้ตั้งใจจะร่วมขบวนการแก้แค้น
เซียวหยูที่มักยืนดูเจียงเสี่ยวหยูเล่นอยู่เป็นประจำยกมือขึ้นและตะโกนว่า “ข้ารู้ชื่อเขา ข้าสามารถบอกได้เพื่อค้นหาที่อยู่ของเขา!”
ซูเทียนจิเอ่ยอย่างพึงพอใจ “ในที่สุดเจ้าก็สามารถทำสิ่งที่มีประโยชน์ได้เสียที”
“…”
ในไม่ช้าสงครามประสาทของฟางฉีและพวกเขาก็เริ่มขึ้น
…
[ดูเหมือนว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนเรื่องได้ดีเชี่ยวนะ] นาหลันหมิงสือทักหาฟางฉีแบบส่วนตัว
[เปล่าเลย ข้าแค่ต้องการชวนพวกเขามาดูหนังด้วยความจริงใจ] ฟางฉีตอบกลับพร้อมส่งรูปหมายิ้ม [มาดูละครกัน!]
นาหลันหมิงสือ [หน้าของเจ้านี่หนากว่ากำแพงเมืองจีนอีกนะ!]
(ผู้แปล : ผู้แปลอิ้งกล่าวว่านี่เป็นคำพูดที่พบบ่อยในประเทศจีนเพื่อไว้อธิบายถึงบุคคลไร้ยางอาย)
[มาหรือไม่?]
[แน่นอน!] แน่นอนว่าเธอไปแน่ เธอจะต้องดึงดูดความสนใจของเขาก่อนจะเริ่มลงมือแก้แค้น!
ในไม่ช้าฟางฉีก็เห็นว่าพวกเขาส่วนใหญ่กดยอมรับคำเชิญของเขา
…
“นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” รวนหนิงที่ยืนอยู่ข้างหลังฟางฉีเอ่ยถาม “เจ้าไม่เล่นเจ้ากระบี่ขั้นเทพหรอวันนี้?”
“ข้าจะดูละครก่อนแล้วค่อยเล่นเกม” เขาตอบ
“ละคร?” รวนหนิงขมวดคิ้ว “คืออะไร?”
ฟางฉีชี้นิ้วไปที่คำอธิบายบนกระดานดำ “กระบี่เทพสังหาร”
แม้ว่าผู้เล่นที่นี่จะยังไม่สามารถเล่นเกมอื่นๆ ได้ แต่พวกเขาสามารถดูละครได้ ลูกค้าหลายที่เมืองครึ่งพบว่าการเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพไม่ได้มีดีเพียงสนุกอย่างเดียวแต่มันยังมีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่ แถมบางคนก็ถูกดึงให้มาเล่นเกมเพราะถูกเพื่อนร่วมกลุ่มลากมา
หลายคนติดเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพและไม่อยากคิดอะไรอีกเลย แม้ว่าจะมีละครให้ดูแต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจเท่าเกมที่เล่นอยู่ นั้นเป็นเหตุผลที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เลือกจะทำสิ่งใหม่อย่างการดูละคร
รวนหนิงและคนอื่นๆ เองก็ไม่ได้มีเวลาว่างพอที่จะเล่นแปปเดียวแล้วได้ระดับเพิ่ม แถมฟางฉีเองก็ยังคงทำอย่างอื่น
“ข้าแนะนำให้ดูหากมีเวลาพอ” ฟางฉีกล่าวเพราะสิ่งที่ลูกค้าทำไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่เขาก็เป็นผู้ได้ผลประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงพูดและให้คำปรึกษาพวกเธอในฐานะสมาชิกในสมาคม
นั่นอะไร? เหมือนเจ้ากำลังพูดคลุมเครือตกลงแล้วให้เราดูหรือเล่นเกมกันแน่? รวนหนิงคิดสับสน
คิวโซนเองมีโหมดเชิญชวนเพื่อนมาดูละครด้วยกัน แม้แต่ผู้คนจากทะเลดวงดาวเองก็สามารถชวนเพื่อนจากจิวหัวอันห่างไกลเพื่อเข้าร่วมการดูละครด้วยกันได้
ละครตำเนินต่อไป ฉากของวันนี้ที่พวกเขากำลังดูกันอยู่คือ …
ฟางฉีเอ่ยทักทายทุกคน “ยินดีต้อนรับสู่การท่องเที่ยวสู่ความตาย”
ฟางฉีพาทุกคนไปพบกับฉากที่ปรากฏถ้ำที่มีค้างคาวมากมายเป็นหมื่นตัว เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับแสงสลัวๆ ส่องประกายอันเชิญวิญญาณที่ลอยอยู่จากใต้พิภพ .. ผู้ชมใจเสาะบางคนแอบเอามือบังตาไว้เล็กน้อย ฉากปรากฏความรักอันลึกซึ้งระหว่างจางเสี่ยวฟานและไป่เหยา
ผู้ชมได้รับประสบการณ์การผจญภัยที่อันตรายและการหนีรอดจากตัวละครในละครและถูกกระตุ้นจากการรับชมพวกเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงในการผจญภัย
ขณะนี้จางเสี่ยวฟานและไป่เหยาหลงอยู่ข้างในถ้ำเลือด
“ที่นี่อยู่ที่ไหน?” ในขณะที่พวกเขาเดินลึกเข้าไปในถ้ำ ฟางฉี,ตงชิงลี่และคนอื่นๆ ดูฉากนี้ด้วยความสงสัย
“สถานที่นี่ดูเหมือนจะเป็นใจหลักของการกลั่นเลือดของฝ่ายอาธรรม” นาหลันฮงสู, ซัเต๋าและคนอื่นๆ มองดูรอบๆ พวกเขาสังเกตเห็นห้องหินขนาดใหญ่ ทางด้านซ้ายเป็นห้องที่มีรูปปั้นที่มีใบหน้าอ่อนโย ส่วนรูปปั้นทางขวาเป็นรูปปั้นที่มีใบหน้าเหมือนปีศาจอันดุร้าย
“เจ้าคิดว่าพวกเขาจะเจอสมบัติที่นี่บ้างมั้ย?”
“พวกเขาเจอระฆัง!”
“ดูนี่!” มีคนตะโกนขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ขณะเดียวกันไป่เหยาก็อุทานขึ้น “หนังสือสวรรค์?”
ผู้ชมต่างมองดูอย่างไม่คาดคิด พวกเขาต่างประหลาดใจอ้าปากค้างด้วยความตื่นเต้น – บทแรกของหนังสือสวรรค์
[กำเนิดโลกที่เต็มไปด้วยความโกลาหล .. โลกเต็มไปด้วยพื้นที่พร้อมด้วยดวงอาทิตย์อันส่องสว่าง พระจันทร์ผู้คอยปกคลุมแสง สวรรค์และโลกมีขอบเขตของพวกเขาอย่างชัดเจน เวลาค่อยๆ ทำให้ทุกอย่างเกิดเป็นรูปร่าง ความบริสุทธิ์และความขุ่นมัวก็เริ่มแยกตัว ..]
ตามตำนวนโบราณคาถาทางจิตวิญญาณและเทคนิคทั้งหมดของกลุ่มนักบุญและฝ่ายมืด นั้นล้วนมาจากหนังสือสวรรค์!
ในโลกนี้ผู้ปลูกฝังใช้พลังแห่งสวรรค์ในขณะที่นักรบพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเสริมกำลังร่างกายของพวกเขา อย่างไรก็ตามจากหนังสือแห่งสวรรค์ที่พวกเขาเห็นน่าจะเป็นสิ่งที่ครอบคลุมทุกสิ่งตามที่ คนดูกำลังจินตนาการ
ฟางฉีกล่าวว่า “กลุ่มผู้ชมที่ได้มาท่องเที่ยวสู่ความตายมีเวลาว่างโปรดอย่าลืมอ่านหนังสือ ..”
“…”
(เอาจริงตอนนี้ผู้แปลอิ้งแอบแปลคำพางงนิดหน่อยแต่จะพยายามแปลให้สมูทและเข้าใจง่ายมากที่สุด)