สองคนที่อยู่ข้างหน้ากอดกันกลม ใครเห็นก็ต้องนึกถึงคู่สร้างคู่สมยอดเพชรในตำนาน วีรบุรุษก็ต้องคู่กับสาวงามไม่ใช่เหรอ?
“พาดหัวแบบนั้นคนเขาจะคิดว่าพวกเราถูกการ์ตูนของประเทศหมู่เกาะล้างสมองให้แล้ว ชื่อเมนูอาหารเชยๆในเรื่องพ่อบ้านน้อยแบบนั้นไม่ต้องเอาออกมาใช้หรอก ตั้งใจถ่าย ไว้ค่อยหาชื่อที่เข้ากับประเทศของเรา ฉันไปดูที่ครัวก่อนว่าเตรียมกันไปถึงไหนแล้ว”
ทุกคนในหน่วยต่างรู้ว่าวันนี้เป็นวันมงคลของหัวหน้าใหญ่ ต่างร่วมกันลงขันทำเมนูพิเศษเพิ่มเข้ามา เปลี่ยนวันที่แสนธรรมดาให้เป็นวันพิเศษ
“อ่อ สมกับเป็นพลาธิการ แนวคิดเรื่องรักชาติล้ำหน้ากว่าคนอื่นเสมอ น่านับถือๆ” นายทหารหนุ่มยกกล้องขึ้นมากดถ่ายอีกภาพ
รูปร่างหน้าตาของเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางได้เปรียบสุดๆ ผู้ชายสูงยาวเข่าดีมาดเท่ห์ ใส่ชุดทหารยิ่งทำให้ดูหล่อขึ้นเป็นกอง ส่วนเสี่ยวเชี่ยนก็สวยอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งสองคนกอดกัน ดวงตาประสาน ได้ภาพที่ออกมาสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องจัดวางท่าให้แต่อย่างใด
พอกดถ่ายไปรูปนึงเสร็จนายทหารช่างกล้องก็รู้สึกเหมือนมันแปลกๆตรงไหนชอบกล
“เดี๋ยวนะ ทำไมพลาธิการถึงได้รู้ว่าคู่สร้างคู่สมยอดเพชรในตำนานเป็นชื่อเมนูอาหารในเรื่องพ่อบ้านน้อยล่ะ?”
คิดๆแล้วก็น่าผวา ไม่อยากจะคิดเลยว่าพลาธิการมาดเข้มของเราจะแอบอ่านการ์ตูนกับเขาด้วย
พอเงยหน้า ตากล้องก็แอบเซ็ง
“หัวหน้าใหญ่! รอผมสั่งก่อนค่อยจูบได้ไหม? นี่! อย่าเพิ่งจูบสิ เลอะลิปสติกแล้วเดี๋ยวจะถ่ายยังไง!”
จึ๊ๆ คนเราดูแค่ภายนอกไม่ได้เลยจริงๆ หัวหน้าใหญ่กล้าจูบต่อหน้าคนอื่น พลาธิการแอบอ่านการ์ตูน ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกเลยใช่ไหม!
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกพอใจมาก ภาพพรีเวดดิ้งถ่ายตามที่เธอต้องการ ทุกรูปถ่ายออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ เลือกสถานที่เป็นที่ทำงานของเขา แบบนี้พอตอนแก่หยิบออกมาดูก็จะชวนให้นึกถึงวันเวลาดีๆที่แสนโรแมนติคไม่แพ้คนอื่น
สำหรับเสี่ยวเฉียงแล้ว รูปถ่ายเซตนี้มีความหมายที่แตกต่างออกไป มันเป็นเครื่องเตือนใจเขาว่าเขาติดค้างน้ำใจเธอเท่าไร ติดค้างความรักเธอมากแค่ไหน ในวันที่แสนพิเศษนี้เธอได้แสดงการปกป้องความรักของเขากับเธออย่างไร เธอได้เสียสละและยอมถอยให้กับหน้าที่การงานของเขา
ความประทับใจนี้เพียงพอที่จะตราตรึงในหัวใจของเสี่ยวเฉียง เขาจึงขอสาบานในใจว่า จะดูแลเธอให้ดีไปตลอดชีวิต
หากมีชาติหน้า ก็อยากขอทำสัญญาจองเธอไว้
ผู้หญิงดีๆแบบนี้ อยากจับมือเธอไว้ไม่ปล่อยไปไหน
จัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงานสองครั้งในหนึ่งวัน แต่ถ้าให้เสี่ยวเชี่ยนเลือกล่ะก็ เธอชอบงานเลี้ยงที่จัดตอนเย็นในหน่วยของอวี๋หมิงหลางมากกว่า
ไม่มีการจัดงานที่ฟุ่มเฟือย แขกทุกคนก็เป็นทหารของเสี่ยวเฉียง จัดที่โรงอาหารของหน่วย สถานที่ที่แสนธรรมดาแต่กลับมีแต่คำอวยพรที่จริงใจ
เหล่าทหารไม่มีคำอวยพรที่ซับซ้อนสวยหรู มีแต่คำอวยพรที่เรียบง่ายจริงใจ วันนี้อวี๋หมิงหลางมีความสุขมาก เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้ครอบครองโลกทั้งใบ
วินาทีที่เห็นเธอใส่ชุดแต่งงานยืนอยู่ที่สนามฝึกนั้น เขารู้สึกประทับใจและพอใจสุดๆแล้ว
ขากลับเขาจูงมือเธอตลอด แสงจันทร์สาดส่องไปที่ทั้งสองคนทำให้ดูเป็นภาพที่อบอุ่น เขาจูงมือเธออยู่อย่างนั้น ค่อยๆเดินกลับบ้านอย่างช้าๆ ไม่อยากรีบเดิน อยากดื่มด่ำช่วงเวลาดีๆไปเรื่อยๆ
เรื่องราวในวันนี้ก็เหมือนกับรถขึ้นเขา เมื่อเช้าที่เขาไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยงฉลองด้วยรู้สึกเหมือนหัวใจมันว่างเปล่า แต่พอเธอมา ก็ได้มาเติมเต็มหัวใจเขาอีกครั้ง
งานแต่งในวันนี้เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาจดจำไปชั่วชีวิต แต่อวี๋หมิงหลางก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่พอ เขายังติดค้างเธออยู่
ใบหน้าของเสี่ยวเชี่ยนแดงระเรื่อ อาจเพราะบรรยากาศที่ครึกครื้นจากในงานเมื่อครู่
และก็อาจเป็นเพราะทุกคนต่างยุให้เสี่ยวเฉียงจูบเธอ เธอถูกเขาจูบจนอายหน้าแดงไปหมด
หรืออาจเป็นเพราะความสวยงามในวันนี้ทำให้หัวใจเธออบอุ่น ถึงในสายตาคนอื่นงานแต่งในวันนี้จะดูไม่สมบูรณ์ แต่มันกลับทำให้เธอมีความสุขมาก
เธอเองก็นึกไม่ถึงว่างานเลี้ยงฉลองแต่งงานของเธอที่แท้จริงจะถูกจัดในค่ายทหาร ชีวิตคนเรามักมีแต่สิ่งที่ไม่รู้เสมอ
“วันนี้คุณคงลำบากแย่” อวี๋หมิงหลางพูดขึ้นตอนที่ใกล้ถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน
“ฉันไม่คิดแบบนั้น”
งานฉลองก็แค่จัดให้คนอื่นดู ขอแค่ได้อยู่กับคนที่ใช่ เรื่องพวกนี้มันไม่สำคัญ
“วันนี้ผม—” เขาพูดขึ้น
“ฉันรู้ วันนี้นายทำได้ดีมาก ฉันพอใจ” เธอขัดจังหวะเขาที่กำลังจะตำหนิตัวเอง
ไม่อยากได้ยินเขาเอาแต่พูดขอโทษ มันไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ
“ผมแค่รู้สึกว่าไม่ควรทำคุณลำบาก”
เดิมควรจะทำให้เธอมีความสุขที่สุดในวันแต่งงาน แต่เขากลับทิ้งเธอไว้ให้อยู่ในงานเลี้ยงคนเดียว แถมเธอยังมาหาถึงที่ เธอพยายามรักษาหน้าให้เขาอย่างเต็มที่ รับมือในงานเลี้ยงคนเดียว มีคำพูดมากมายที่เขาอยากบอก แต่กลับไม่มีคำไหนเลยที่แสดงออกถึงความรักที่เขามีให้เธอได้ตรงที่สุด
“ถ้านายพูดอีกจะทำฉันลำบากใจจริงๆแล้วนะ ฉันเคยบอกแล้วว่าฉันไม่ถือสา แต่ถ้านายยังติดใจเรื่องนี้ก็ทำดีกับฉันให้มากๆแล้วกัน ดีกับฉันจนกว่านายจะหมดแรง แค่นั้นก็พอแล้ว”
คำพูดของเธอเหมือนได้จุดพลุขึ้นสว่างเต็มท้องฟ้า สว่างเจิดจ้าในสายตาของเขา
อยู่ๆเขาก็อุ้มเธอขึ้น เธอโอบคอเขาด้วยความตกใจ
“ยังอีกตั้งไกล วางฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!”
“ไม่วาง!”
ก็แค่อยากอุ้ม นี่คือที่พักใจของเขา
พอไปถึงหน้าตึกที่พัก เขาก็เอาหน้าผากชนหน้าผากเธอพลางยิ้ม
“คุณว่าตอนนี้ผมเหมือนเจ้าบ่าวที่อุ้มเจ้าสาวเข้าเรือนหอไหม?”
“ระวังตายคาอก”
“ตายคาอกคุณผมก็ยอม”
บนสนทนาของทั้งสองคนไปในทางสิบแปดบวกเรื่อยๆ ไม่อาจบรรยายออกมา
อาข่าออกมาจากความมืดด้วยสีหน้าเขินๆ
“เอ่อ ฉันรู้ว่าออกมาขัดจังหวะพวกเธอตอนนี้มันไม่ค่อยเหมาะ แต่ว่า…ฉันรอพวกเธออยู่นานแล้ว”
เสี่ยวเชี่ยนเอาหน้าซุกเข้ากับแผงอกของอวี๋หมิงหลาง เธอชูนิ้วกลางในใจ เธอสาบานได้เลยว่าอาข่ายืนรออยู่ก็เพื่อออกมาจังหวะนี้นี่แหละ!
อย่างไรเสียยัยนี่ก็ชอบเล่นพิเรนทร์แปลกๆ ชอบดักฟังคนอื่นอยู่แล้วนี่
“เข้ามาได้ไงน่ะ? ยามปล่อยให้เข้ามาด้วยเหรอ?” สมกับเป็นอวี๋เสี่ยวเฉียง หน้าหนาจนไม่สะทกสะท้านอะไร ถูกคนได้ยินตอนพูดจาลามกกับเมียก็ยังทักทายคนอื่นได้หน้าตาเฉย
“ถึงฉันจะเป็นสายลับที่ไม่เอาไหนแต่ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเคยเป็น เมื่อก่อนตึกสำนักงานใหญ่ๆฉันก็แอบเข้าไปมาแล้ว หมู่บ้านของพวกเธอถึงจะมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีช่องโหว่ ก่อนหน้านี้ฉันโทรหาประธานเชี่ยนแล้วนะแต่ไม่ติด ก็เลยหาวิธีเข้ามาเอง”
เสี่ยวเชี่ยนอยากลง แต่เขากลับอุ้มเธอให้กระชับขึ้น เขาไม่อยากให้เท้าเธอแตะพื้น พอเห็นเธอดิ้นก็เอามือตีตรงจุดนิ่มๆที่ไม่อาจบรรยายของเธอ
“อยู่นิ่งๆ”
อาข่ากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ฉากนี้เธอต้องบรรยายให้บอสฟังไหม?
พออวี๋เสี่ยวเฉียงแต่งงานแล้ว ก็เริ่มกลายพันธุ์ไปในทางลามกยิ่งกว่าเดิม!
“เข้าไปนั่งข้างในก่อนไหม” ถ้าไม่กลัวเป็นก้างขวางคอ
เสี่ยวเฉียงพูดต่อในใจ
ถ้าวันนี้อาข่ากล้าเข้าไปทำเขาเสียบรรยากาศล่ะก็ เสี่ยวเฉียงก็กล้าจูบร้อนแรงโชว์!
เอาแบบที่ว่าทำให้รู้กันไปเลยว่าทำอะไรกันอยู่ อย่างเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กันและกัน เปลี่ยนมุมทำนู่นนี่ เล่นละครสดโชว์เลย!
ถ้าพูดถึงเรื่องความหน้าไม่อาย อวี๋เสี่ยวเฉียงนี่ระดับปรมาจารย์!