คนที่พาเสี่ยวเชี่ยนเข้ามาคือหยูกังพลาธิการของหน่วยเสินเจี้ยน ยังไม่ทันที่เขาจะได้แนะนำเสี่ยวเชี่ยน อวี๋หมิงหลางก็ลุกพรวดขึ้นมาทำลายภาพลักษณ์ที่ตัวเองเคยโม้ว่าเป็นใหญ่ในบ้าน เล่นเอาสถานการณ์อยู่เหนือการควบคุม
แต่ในฐานะที่เป็นพลาธิการ ตำแหน่งนี้ไม่ได้มีไว้โก้เก๋ ความสามารถในการกอบกู้สถานการณ์ย่อมมีพร้อม ครั้นแล้วหยูกังจึงชี้ไปที่เสี่ยวเชี่ยนพลางพูดติดตลก
“หมอเฉินยังมีอีกสถานะหนึ่งก็คือภรรยารักษาการหัวหน้าใหญ่ของหน่วยเสินเจี้ยน คงไม่ต้องแนะนำอย่างละเอียดแล้วนะครับ ภาพมันฟ้องอยู่ ทุกคนคงได้เห็นแล้ว”
ทั้งห้องพากันฮาครืน ใช่ เห็นกันหมดแล้ว ชัดเจนเลยด้วย ตอนนี้ยังไม่ปล่อยมือกันเลย
เทพแห่งสงครามกอดเมียต่อหน้าคนมากมาย แถมยังทำหน้าออดอ้อนขัดกับภาพลักษณ์ที่เคยสร้างไว้ เหตุการณ์เมื่อครู่พี่น้องทุกคนในเมืองหลินจำกันไว้แล้ว ส่วนคนที่มาจากมณฑลอื่นก็จดจำเอาไว้ด้วย กลับไปได้เอาเรื่องนี้ไปขยายให้รู้กันทั่วแน่นอน!
เสี่ยวเชี่ยนแกล้งไอ อยากจะช่วยกู้ภาพลักษณ์ที่ไม่เหลือแล้วของสามีตัวเอง
“นั่นก็เพราะฉันแคร์สามีมากเกินไป พอดีกับที่ครั้งนี้ความรู้ความสามารถของฉันสามารถมาช่วยงานได้ เบื้องบนก็เลยส่งฉันมาที่นี่ หวังว่าพอจะช่วยงานทุกคนในคดีนี้ได้นะคะ”
“ครับ พี่สะใภ้ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น พวกเราเข้าใจครับ!” มีคนตะโกนขึ้นมา
ใครแคร์ใครกันแน่ สายตาของทุกคนบ่งบอกว่าแค่ดูก็รู้ หัวหน้าใหญ่ทำตัวหงอขนาดนั้น ใช่ว่าคำพูดของหมอเฉินจะช่วยปิดบังได้
พอเลิกประชุมอวี๋หมิงหลางก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าลูกเชี่ยนของเขามาอยู่ที่นี่ แต่มือที่จับไว้ไม่ปล่อยได้บอกเขาว่าเธออยู่ตรงนี้แล้วจริงๆ
คนอื่นๆกลับมีท่าทียินดี รู้ว่าวันนี้อวี๋หมิงหลางต้องออกจากงานแต่งเพื่อมาจับคนร้าย พอเลิกประชุมทุกคนจึงเข้าไปแสดงความยินดีกับเขา อวี๋หมิงหลางขอบคุณทุกคนด้วยมาดขรึมตามปกติเวลาอยู่ในหน่วย เสี่ยวเชี่ยนยืนอยู่ข้างเขาตลอด
พอส่งคนจากหน่วยอื่นไปหมดแล้ว ขณะที่อวี๋หมิงหลางอยากจะหาที่สงบๆเพื่อขอโทษเสี่ยวเชี่ยน พลาธิการก็เข้ามาหา
“หัวหน้าใหญ่โทรศัพท์ครับ เห็นบอกว่ามีภารกิจเร่งด่วนรอหัวหน้าอยู่”
ภูตจิ๋วที่อยู่ในใจอวี๋หมิงหลางกลายร่างเป็นก็อตซิลล่าแล้ว มันจะภารกิจอะไรนักหนา?
เมียเขามาอยู่ข้างๆแล้วนะ!
เรื่องที่พรวดพราดออกมาจากงานแต่งในวันนี้ยังไม่ทันได้ขอโทษ นี่มีเรื่องเข้ามาอีกแล้ว ถ้าเมียเขาหนีไปตอนที่ต้องรอเขาจะทำไง…
สายตาของเขาบ่งบอกถึงความรู้สึกผิดอย่างสุดใจ อย่าว่าแต่เสี่ยวเชี่ยนสัมผัสได้เลย พลาธิการอย่างหยูกังก็รู้สึกได้ เขาแอบขำในใจ แสดงออกทางสีหน้าไม่ได้
“ผมจะพาหมอเฉินไปเยี่ยมชมที่นี่ก่อน หัวหน้าวางใจได้ครับ”
การมาเยี่ยมชมในครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน
ครั้งก่อนมาในฐานะครอบครัว ครั้งนี้มาในฐานะผู้ช่วย การมาทำงานแม้แต่คำเรียกแทนตัวก็ต้องเปลี่ยน จะเรียกว่าน้องสะใภ้ไม่ได้แล้ว
อวี๋หมิงหลางจำใจต้องเก็บความสงสัยถึงการมาของเสี่ยวเชี่ยนเอาไว้ก่อน อดทนอดกลั้นกับความอยากอยู่ต่อแล้วออกไป ถึงเขาจะไม่หันกลับมา แต่ภูตจิ๋วที่อยู่ในใจหันกลับไปมองหลายรอบแล้ว
เขารู้สึกว่างานแต่งของตัวเองอุปสรรคเยอะมาก ถ้าจะบอกว่าผ่านวันนี้ไปเสี่ยวเชี่ยนจะโกรธจนไม่สนใจเขาอีก เขาก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด เรื่องพวกนี้พอเอามาสุมรวมกันมันคือหายนะชัดๆ
พอเข้าไปรับสายในห้องทำงาน ไม่มีการบอกรายละเอียดเรื่องภารกิจอะไรทั้งนั้น บอกแค่ว่าให้เขาเปลี่ยนไปใส่ชุดพิธีการของทหารแล้วไปที่สนามฝึก
ชุดพิธีการ…?
อวี๋หมิงหลางยังงงอยู่ ชุดพิธีการของทหารจะใส่ก็ต่อเมื่อมีโอกาสพิเศษ นี่ก็ไม่ใช่เทศกาลวันสำคัญอะไร ทำไมต้องให้เขาใส่ชุดพิธีการด้วย?
แต่ก็ไม่โทษเขาที่รู้สึกตัวช้า ใครจะไปคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนจะช่วงชิงสิทธิพิเศษนี้มาให้พวกเขาได้ล่ะ
เมื่อไปถึงสนามฝึกก็เห็นเสี่ยวเชี่ยนอยู่ในชุดสีแดง อวี๋หมิงหลางเกือบคิดว่าตัวเองตาฝาด
เจ้าสาวของเขาอยู่ในชุดเข้าพิธีคำนับ ยืนอยู่ในสนามฝึกของพวกเขา เบื้องหลังของเธอเป็นพวกอุปกรณ์ฝึกมากมาย สนามฝึกที่ในวันนี้ไม่มีเสียงฮึกเหิมดุดัน ไม่มีเหล่าทหารกล้าออกมาฝึกอย่างเหน็ดเหนื่อย มีเพียงสาวน้อยร่างเล็กยืนอยู่ตรงนั้น ชุดเข้าพิธีของเธอเปล่งประกายสวยงามชวนให้สดใสไปทั้งสนาม
แสงแดดในเวลานี้กำลังดี บรรยากาศแดดร่มลมตกปกคลุมไปทั่วสนาม เขามองเธอเหมือนต้องมนต์สะกด
มองแค่แวบเดียวก็เหมือนได้ช่วงชิงเอาลมหายใจของเขาไป ทำให้ในสายตาของเขามีเพียงแต่เธอเท่านั้น
“เบื้องบนรู้ว่าหัวหน้างานยุ่ง ไม่เพียงแต่ต้องทิ้งงานแต่งกลางคัน แม้แต่ภาพพรีเวดดิ้งก็ไม่ได้ถ่าย ก็เลยอนุญาตให้พวกคุณมาถ่ายพรีเวดดิ้งได้ที่นี่เป็นกรณีพิเศษ โดยช่างภาพจะเป็นนายทหารที่เพิ่งได้รับรางวัลช่างภาพมือสมัครเล่นมาถ่ายให้ครับ” หยูกังเห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกอินไปด้วย
ในหน่วยมีแต่คนเก่งๆไม่ว่าจะด้านไหนก็ตาม การหาช่างกล้องฝีมือดีจึงไม่ใช่เรื่องยาก
ได้สภาพแวดล้อมที่แสนพิเศษนี้มาเป็นฉากเบื้องหลังให้กับความรัก ทำให้ดูยิ่งใหญ่มาก
อวี๋หมิงหลางไม่เพียงแต่จะเป็นตัวแทนของตัวเอง ยังเป็นตัวแทนให้เหล่าทหารนับพันนับหมื่นที่งานยุ่งจนไม่มีเวลาดูแลครอบครัวอีกด้วย พวกเขาอุทิศเวลาและเลือดเนื้อให้ประเทศ โชคดีที่มีคนที่ทั้งสวยทั้งเก่งอย่างหมอเฉินอยู่เคียงข้าง
อวี๋หมิงหลางเอาแต่มองเสี่ยวเชี่ยน เธอยืนหันหลังเอียงข้างให้เขา ศีรษะเงยขึ้นเล็กน้อยคล้ายกับกำลังสำรวจว่าอุปกรณ์แต่ละอย่างใช้ทำอะไร จากมุมของเขามองไปยังใบหน้าด้านข้างของเธอ เบื้องหลังเป็นแสงอาทิตย์สีทองปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ช่วยขับให้เธอดูงดงามยิ่งกว่าเดิม
นี่เป็นภาพที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา มันยากจะลืมเลือน
“นายว่า เธอเป็นคนขอเบื้องบนหรือเปล่า?” ในที่สุดอวี๋หมิงหลางก็เริ่มมีสติ เขากระซิบถามหยูกัง
ในใจคล้ายกับมีบางสิ่งมายัดอยู่จนเต็ม เขาคิดว่าสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจของเขาตอนนี้มันอาจเรียกว่าความรัก
ผู้หญิงแบบนี้จะไม่ให้รักจนสุดใจได้ยังไง อยากโอบกอดเธอไปจนแก่เฒ่า นั่งมองแสงอาทิตย์ยามเย็นไปด้วยกันว่าสวยเหมือนครั้งวันวานหรือเปล่า
“ใช่ครับ หัวหน้าอยู่ในงานเลี้ยงฉลองแต่งงานไม่ได้ เธอถูกทุกคนจับจ้องอยู่คนเดียว น่าประทับใจมากครับ ผู้บัญชาการก็อยู่ พอเห็นบุคลิกท่าทางของน้องสะใภ้ท่านก็ประทับใจมาก เลยอนุญาตให้มาถ่ายพรีเวดดิ้งเป็นกรณีพิเศษ ผมเรียกพวกทหารมาให้ความร่วมมือกับหัวหน้าด้วยครับ พอถ่ายเสร็จตอนเย็นก็จัดปาร์ตี้ฉลองกัน ถือเป็นการจัดงานเลี้ยงชดเชยให้หัวหน้าไปในตัว”
คล้ายกับรู้สึกได้ว่าเขามาแล้วเสี่ยวเชี่ยนจึงหันหน้ามา จากนั้นก็ยิ้มกว้างให้เขา ไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจเขาเลยแม้แต่น้อย รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยรัก
เธอรู้ว่าเขาเสียดายที่ไม่ได้เห็นเธออยู่ในชุดเข้าพิธี จึงตั้งใจใส่มาให้เขาดู
อวี๋หมิงหลางรู้สึกตื่นเต้น รีบเดินเข้าไปหาเธอ เจ้าสาวของเขารออยู่ข้างหน้า
ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอสีแดงอร่าม ดั่งดวงอาทิตย์อันร้อนแรง
เขาอยู่ในชุดพิธีการเต็มยศ ดูดีในแบบฉบับของทหาร สีเขียวมาดเท่ห์ เป็นสัญลักษณ์แห่งความมีชีวิตชีวา
สองสไตล์ที่ดูเหมือนไม่เข้ากัน แต่กลับกลมกลืนกันได้อย่างปาฏิหาริย์ ภายในสนามฝึกที่เต็มไปด้วยพลังแห่งนี้ ชุดทั้งสองสีดูเข้ากันดี
คล้ายกับว่าคู่รักคู่นี้ควรเป็นของกันและกันอยู่แล้ว
นายทหารช่างกล้องที่ถูกเรียกตัวมารีบกดชัตเตอร์ ปากก็พูดพึมพำ
“เป็นภาพที่สวยสุดๆ คู่สร้างคู่สมยอดเพชรในตำนาน ผมจะเลือกรูปที่สวยที่สุดส่งไปสำนักข่าวทหาร มันเจ๋งมาก!”
หยูกังตบบ่านายทหารคนนั้น
“ส่งไปน่ะได้ เรื่องนี้มันก็น่าเผยแพร่อยู่หรอก แต่จะใช้ชื่อว่าคู่สร้างคู่สมยอดเพชรในตำนานไม่ได้”
นายทหารช่างกล้องหันไปด้วยความสงสัย
“ทำไมล่ะครับ?”