พวกงานสืบสวนต่อจากนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา ยังไม่รีบปิดประชุมอีก เขายังต้องไปตามง้อเมียอีกนะ ไม่รู้ว่าถ้าไปช้าเมียจะเก็บของออกจากบ้านไปแล้วหรือเปล่า…
เวลานี้ในสมองของอวี๋หมิงหลางมีแต่ภาพเสี่ยวเชี่ยนหอบหิ้วสัมภาระออกจากบ้านไป แถมยังมีสีหน้าเย็นชาของเธอ ปากน้อยๆของเธอที่เขาชอบมากต่อไปจะไม่ได้เรียกเขาว่าที่รักหรือเสี่ยวเฉียงด้วยเสียงหวานๆอีกแล้ว…อย่าว่าแต่คำที่ใช้เรียกเพราะๆพวกนี้เลย แม้แต่ ‘อวี๋หมิงหลาง’ที่เรียกตอนโมโหก็จะไม่ได้ยินอีกแล้ว
คิดๆแล้วก็ปวดใจ
อวี๋หมิงหลางส่งสายตาอาฆาตแค้นมองไป พิธีกรเห็นแล้วก็กดดันเหงื่อแตก รีบยิ้มพร้อมอธิบายทันที
“เบื้องบนเพิ่งแจ้งลงมาครับ เลยให้ประกาศปากเปล่าไปก่อน เอกสารจะตามมาทีหลัง บอกให้พวกเราให้ความร่วมมือก่อนครับ”
“แจ้งปากเปล่าไม่เป็นผล ให้เบื้องบนส่งเอกสารมา! วันๆเอาแต่ส่งคนไม่เรื่องมาหาผม ผู้ช่วยอะไร? คนของหน่วยเราเยอะจนเดินชนไหล่กัน แล้วจะไม่มีใครเอาหมอนี่อยู่เลยหรือไง?”
“ฟังๆดู หัวหน้าอวี๋หมิงหลางเหมือนจะไม่ชอบฉันเลยนะคะ” เสียงผู้หญิงดังมาจากทางประตูห้องประชุม
เสี่ยวเฉียงที่กำลังฟาดงวงฟาดงาตอบกลับไปอย่างไม่เกรงใจ
“ผมรู้จักคุณหรือไง—ใครน่ะ?!”
เอ๋ นี่เขาตาฝาดเหรอ?
อวี๋หมิงหลางกลัวตัวเองมองผิด จึงกระพริบตาแรงๆแล้วมองผู้หญิงที่อยู่ตรงประตู
ผู้หญิงคนนั้นที่เดินตามเข้ามา ทำไมหน้าตาเหมือนเมียเขาที่กำลังโกรธเตรียมจะ ‘หอบข้าวของหนีออกจากบ้านล่ะ’?
ไม่สิไม่ๆๆ เวลานี้เมียเขาควรจะอยู่ที่เมืองQไม่ใช่เหรอ? เมียเขาควรจะกำลังโมโหไม่ให้อภัยอยู่ แล้วทำไมตอนนี้มาอยู่ที่นี่ได้?
เวลานี้ไอคิวที่เกินร้อยห้าสิบของอวี๋หมิงหลางหยุดทำงานทั้งหมด สมองของเขาว่างเปล่า
เขามองผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนเมียเขา น้ำเสียงก็เหมือน ผู้หญิงที่แม้แต่ท่าทางตอนเดินก็เหมือนเมียเขาเดินไปที่หน้าห้องประชุม ห่างจากเขาแค่หนึ่งเมตรเท่านั้น
เขาถึงขนาดที่ได้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ นี่มันเมียเขานี่หว่า ไม่ผิดแน่!
พอเสี่ยวเชี่ยนเข้ามาก็เห็นสามีจอมซื่อบื้อของตัวเองทันที
พอเห็นเขาเธอก็แอบเสียใจเล็กน้อย ท่าทางของอวี๋หมิงหลางน่าตกใจมาก ดูก็รู้ว่าร้อนใจหนัก เธอเสียใจที่ตัวเองล้อเล่นหนักไปหน่อย อากาศร้อนๆแบบนี้เกิดเขาช็อคตกใจจนป่วยขึ้นมาจะทำไง
ภายในห้องประชุมนอกจากจะมีคนจากหน่วยของอวี๋หมิงหลางแล้ว ยังมีตำรวจปฏิบัติการพิเศษ และเหล่าพี่น้องจากหน่วยงานอื่นที่มาร่วมปฏิบัติการข้ามมณฑลนี้ด้วย แต่งตัวด้วยเครื่องแบบของหน่วยงานตนเอง ใบหน้าบึ้งตึงของสามีเธอช่างโดดเด่น ถ้าจะให้มองข้ามก็คงยาก
ตอนแรกเสี่ยวเชี่ยนมาด้วยอารมณ์นึกสนุก แต่พอเห็นสภาพเขาในเวลานี้ก็เริ่มเสียใจ เธอยืนข้างเขารอคนที่พาเธอมาแนะนำเธอเสร็จค่อยแอบกระซิบบอกเขาว่าเธอไม่ได้โกรธ เอาใจเขาหน่อย
แต่ยังไม่ทันที่เสี่ยวเชี่ยนจะได้แอบกระซิบบอก กลับมีเสียงของคนๆหนึ่งดังขึ้น
“ท่านนี้คือหมอเฉินเสี่ยวเชี่ยนที่เพิ่งได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันจิตวิทยาอาชีพระดับประเทศ เธอจะมาเป็นผู้ช่วยของพวกเราในครั้งนี้ รับผิดชอบเรื่องงานที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์จิตวิทยาในคนร้าย และเธอยังเป็น—”
คนแนะนำยังไม่ทันพูดจบผู้ชายบางคนก็ทนไม่ไหวลุกพรวดขึ้นมาโดยไม่สนว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ไหน ในสายตาเขามีแค่เมียที่พร้อมจะหนีเขาไปได้ทุกเมื่อ
“ที่รัก! ผมไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม!”
อวี๋หมิงหลางสวมกอด ห้ามหนีไปไหนนะ!
ภายในห้องประชุมเกิดความเงียบ นี่มัน นี่มัน เรื่องอะไรกัน?
เสี่ยวเชี่ยนมองบน ใบหน้าเริ่มร้อน ในใจแอบด่าตัวเอง
ดี สมน้ำหน้า!
เล่นดีนัก ทำเขากลัวจนเป็นแบบนี้! รับกรรมไปซะ!
เธอมองตาเฉียงจอมบ๊องที่ไม่มีแม้แต่สติในเวลานี้กำลังกอดเธอต่อหน้าคนจำนวนมาก!
เสี่ยวเชี่ยนเอามือโอบเอวเขาพลางตบเบาๆเพื่อเป็นการปลอบโยน สายตาก็เหลือบมองไปทั่วห้องประชุมด้วย ดูจากลำดับการนั่ง ยศของแต่ละคนแล้ว สามีเธอน่าจะใหญ่สุดในนี้ ค่อยโล่งอกหน่อย
ฮู่ว โชคดีที่ไม่มีระดับบอสอยู่ในนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นไม่ขายหน้าแย่เหรอ!
คนที่อยู่ในนี้ถ้าไม่ตำแหน่งเท่าเขาก็เป็นลูกน้องของเขา งั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัว อีกอย่างพวกเขาก็ไม่กล้าเอาไปพูดหรอก
“เอาล่ะๆ เมื่อกี้ฉันล้อนายเล่น ไม่มีอะไรแล้ว ประชุมก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน” เสี่ยวเชี่ยนอยากดึงสติเสี่ยวเฉียงกลับมา แต่เมื่อกี้เสี่ยวเฉียงตกใจมาก หวาดกลัวคิดไปต่างๆนานา สมองเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าเมียเขาไม่ต้องการเขาแล้ว คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนจึงดึงเขากลับมาไม่ได้
“ไม่ได้ คุณต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่หย่ากับผม! ห้ามหนีออกจากบ้านด้วย! สัญญาก่อนแล้วผมจะปล่อย คุณจะลงโทษผมยังไงก็ได้ แต่ห้ามหนีผมไป!”
เหมือนมีฟ้าผ่ากลางใจเสี่ยวเชี่ยน ครั้งนี้ไม่ต้องกวาดตามองก็รู้ว่าทุกคนกำลังมองมาด้วยสายตาที่กำลังรอข่าวไปเม้าท์ เธอได้แต่ลอบถอนใจ
ที่รัก ไม่ใช่เมียไม่ไว้หน้านะ นายต่างหากที่ทำเรื่องน่าขายหน้าต่อหน้าทุกคน จริงๆเลย…
เรื่องมาถึงขนาดนี้เสี่ยวเชี่ยนก็ไม่มีทางเลือก ถ้าไม่สงบสติอารมณ์หมอนี่ใครจะไปรู้ว่าเขาจะทำเรื่องบ๊องๆอะไรออกมาอีกหรือเปล่า เธอไม่อยากให้คนเอาเรื่องขายหน้าแบบนี้ไปลือหรอกนะ เขาน่ะหน้าหนา แต่เธอไม่เอาด้วยหรอก
“ฉันสัญญา ปล่อยฉันได้หรือยัง?”
“คุณไม่หนีไปจริงๆนะ?” เขาคลายกอดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ผละออกพร้อมถามต่อ
เสี่ยวเชี่ยนมองบน “ฉันรับรองว่าฉันไม่หนี โอเคยัง?”
ฉากนี้ช่างบันเทิงเสียจริง
ทุกคนดูกันอย่างสนุกสนาน
ตอนจับคนร้ายทุกคนต่างตึงเครียดกันมาก อยู่ๆก็มีละครให้ชม ช่วยให้ผ่อนคลายได้มากทีเดียว โดยเฉพาะได้เห็นหัวหน้าใหญ่ที่แสนเย็นชาที่ได้รับฉายาว่าจอมเทพศัตรูพ่ายในมุมออดอ้อนเมียแบบนี้ บันเทิงสุดๆ!
คนของอวี๋หมิงหลางพากันซุบซิบ
“ดูจากท่าทางของรักษาการหัวหน้าใหญ่ในตอนนี้ ปกติเห็นชอบพูดนักว่าตัวเองเป็นใหญ่ในบ้าน สงสัยจะโม้” หัวหน้าเล็กแอบเม้าท์กับหัวหน้ากลาง
“ห้ามเม้าท์หัวหน้า!” หัวหน้ากลางเอ็ด จากนั้นก็กระซิบเบาๆ “ไว้พวกเราค่อยหารือเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว”
ยังต้องหารืออะไรอีก ความจริงปรากฏชัดขนาดนี้!
คนบางคนชอบโม้ให้คนอื่นๆในค่ายฟังว่าตัวเองเป็นใหญ่ในบ้านอย่างนั้นอย่างนี้ เมียเขาเอาใจเก่ง รักเขาหัวปักหัวปำ ขอบคุณฟ้าขอบคุณดิน พอวันนี้ได้มาเห็น รู้เลยสถานะในบ้านเป็นไง ไม่ต้องอธิบายก็รู้กัน!
แทบจะทุกคนในหน่วยเสินเจี้ยนต่างคิดเหมือนกันในตอนนี้
ทำไมไม่โม้ให้ลอยขึ้นฟ้าเลยล่ะ?
ก็เพราะหัวหน้าใหญ่ต้องแอบโม้ลับหลังไงเล่า!
พอได้รับการยืนยันจากเสี่ยวเชี่ยนในที่สุดอวี๋หมิงหลางก็สบายใจ ได้สติกลับมาไม่น้อย พอเห็นสายตาทุกคนที่มองมาด้วยความบันเทิง เขาก็แสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินมาดนิ่งกลับไปนั่งที่ตัวเอง สีหน้า ท่าทาง บุคลิก ล้วนเข้ากับฉายาเทพเย็นชาแห่งสงคราม
แต่ทุกคนไม่ได้ตาบอดเสียหน่อย ใครๆก็เห็นว่าหัวหน้าอวี๋ที่แสนเท่ห์กอดเมียแน่นขนาดไหน อย่าคิดว่ามีโต๊ะคั่นกลางแล้วทุกคนจะมองไม่เห็น แต่ละคนในที่นี้ฝีมือชั้นยอดทั้งนั้น ขนาดคนร้ายยังจับได้ แล้วนับประสาอะไรกับภาพตรงหน้าที่หัวหน้าอวี๋กอดเมียไม่ปล่อยล่ะ