“ใครใช้ให้เขาคิดว่าฉันใจแคบขนาดนั้นล่ะคะ เอาให้ร้อนใจซะบ้าง” และก็ถือเป็นการเอาคืนที่วันนี้เขาทิ้งเธอไว้ พอได้ระบายอารมณ์แล้วก็ไม่ติดใจเอาความเรื่องนี้อีก
ต่อให้เธอไม่พอใจก็รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเสี่ยวเฉียง ไม่ใช่ความผิดของเขา ถ้าเธอโมโหเขาไม่เท่ากับทำร้ายจิตใจกันและกันหรอกหรือ แต่ไฟโกรธที่อยู่ในใจก็ต้องได้ระบายออกมา หาข้ออ้างแกล้งเขานิดหน่อยก็ถือว่าหายกันแล้ว
คนขับรถเข้าใจแล้ว อดไม่ได้ที่จะนับถือในความใจกว้างของเสี่ยวเชี่ยน มิน่าท่านผู้บัญชาการถึงมาร่วมงานแต่งด้วยตัวเอง เพราะเธอเป็นคนฉลาดมาก
“เดี๋ยวผมจะรีบขับไปนะครับ อีกครึ่งชั่วโมงคุณก็จะได้เจอหัวหน้าอวี๋แล้ว”
ในครึ่งชั่วโมงนี้เสี่ยวเฉียงทรมานใจจนแทบบ้า
ตอนคุยโทรศัพท์เสี่ยวเชี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่าไม่ต้องจัดใหม่ เลือดของเขาแทบหยุดไหลเวียนในร่างกาย
พอโทรกลับเธอก็ปิดเครื่องไปแล้ว
คำพูดนี้ให้ใครฟังก็ต้องบอกว่าเธอไม่เอาเขาแล้ว
ไม่ต้องจัดพิธีใหม่ ก็แสดงว่าเธอเหม็นขี้หน้าเขาแล้ว
อย่าว่าแต่ลูกเชี่ยนเหม็นขี้หน้าเขาเลย ขนาดเขายังรังเกียจพฤติกรรมของตัวเองในวันนี้
เขาไม่ใช่ทหารคนแรกที่ไม่ได้อยู่ในงานแต่งของตัวเอง ทหารหลายคนก็มักต้องเจอเรื่องแบบนี้ แต่ไม่ว่าอัตราที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจะสูงแค่ไหน เขาก็ทำให้เสี่ยวเชี่ยนผิดหวังไปเรียบร้อยแล้ว
เขาไม่ทำผิดต่อชุดทหารที่สวมใส่ แต่กลับทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่เขารัก
วันมงคลแท้ๆกลับทิ้งเธอไป เขาไม่รู้เลยว่าเธอรับมือกับงานเลี้ยงยังไง
เธออาจจะโมโหเลยไม่ไปงาน หรืออาจจะทำลายงานเลี้ยง แต่สำหรับเขาแล้วนั่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือ เธอจะต้องเสียใจมากแน่นอน
เสี่ยวเฉียงอยากจะตบหน้าตัวเองหลายๆที แต่เขาก็จนปัญญาจริงๆกับเรื่องนี้
ตอนที่เขารับสายจากเบื้องบนรถก็มารอรับอยู่ข้างนอกแล้ว พอขึ้นรถเขาก็ได้รับภารกิจทันที บังคับให้ต้องปิดมือถือ
การบุกจับในระดับนี้ห้ามติดต่อกับคนภายนอกเด็ดขาด
เขาไม่มีเวลาจะติดต่อหาเธอ ต้องทิ้งเธอไว้โดยไม่มีคำอธิบายอะไร คนร้ายที่พวกเขาจับได้ในวันนี้เป็นภัยต่อสังคมเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าจับคนๆนี้ได้ก็ถือว่าได้ช่วยประชาชนอีกเป็นจำนวนมาก เบื้องบนบอกว่าคนที่เข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ล้วนเป็นฮีโร่
แต่เพราะเรื่องนี้เขาเลยกลายเป็นคนที่ต้องทิ้งงานแต่งตัวเอง…
อวี๋หมิงหลางพยายามโทรหาเธอไม่หยุด เขาเดาว่าเธอคงโกรธอยู่ เขายอมให้เธอด่า ยอมให้เธอต่อว่า ดีกว่าต้องได้ยินเธอพูดว่าไม่ต้องจัดงานใหม่
“เหล่าอวี๋ รอแค่นายคนเดียวแล้วนะ ทำอะไรอยู่น่ะ—เอ๊ะ?” หลินเจ๋อกว่างในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเข้าร่วมปฏิบัติการจับคนร้ายข้ามมณฑลนี้ด้วย ตอนนี้จับผู้ร้ายได้แล้วกำลังจะเริ่มประชุมสรุป ทุกคนมาพร้อมแล้วขาดแค่อวี๋หมิงหลาง
หลินเจ๋อกว่างตกใจสภาพของอวี๋หมิงหลางในตอนนี้มาก
อวี๋หมิงหลางหูแดงก่ำ สภาพเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง รู้สึกเหมือนหมดหวังในชีวิต สองมือกำหมัดแน่น ตัวเกร็งไปหมด
“น้องสะใภ้โกรธนายเหรอ?” หลินเจ๋อกว่างมองอวี๋หมิงหลางด้วยสายตาเห็นใจ
ออกจากงานแต่งมาโดยไม่พูดไม่จา หมอนี่กลับไปต้องโดนเละแน่
“ถ้าเขาโกรธฉันก็ดีสิ…” อวี๋หมิงหลางกำโทรศัพท์แน่น เขาปวดใจจนแทบหายใจไม่คล่องแล้ว
มีคำพูดวนไปเวียนมาในสมอง เธอไม่ต้องการเขาแล้ว ไม่ต้องการเขาแล้ว ไม่ต้องการ…
“ไว้เสร็จเรื่องแล้วนายก็ไปอธิบายกับเขาสิ เขาไม่ใช่คนไร้เหตุผล น่าจะเข้าใจ—”
“เขาเข้าใจฉัน แล้วใครเข้าใจเขาบ้าง?! เป็นคนมีเหตุผลเลยต้องยอมรับเรื่องแบบนี้เหรอ? นายลองแต่งงานแล้วถูกทิ้งไปในวันนั้นบ้างดูสิ!” อวี๋หมิงหลางพูดด้วยความเสียใจ
พอนึกว่าตัวเองเป็นคนทำให้เสี่ยวเชี่ยนเสียใจตัวเขาเองก็แทบคลั่ง
เสี่ยวเชี่ยนจะอภัยให้เขาไหมเรื่องนั้นไม่สำคัญ แต่ตอนนี้เขารู้สึกผิดและตำหนิตัวเองมาก
ในใจเขาคิดแต่ว่าวันนี้เขาทำให้เธอต้องผิดหวัง
เดิมทีควรจะเป็นวันมงคล ควรจะเป็นวันที่ทั้งสองคนมีช่วงเวลาดีๆร่วมกัน ควรจะเป็นวันที่เขามีความสุขที่สุด แต่วันนี้เขากลับทำเรื่องที่เกินไป ถึงจะเป็นเหตุจำเป็น แต่มันก็เป็นความผิดครั้งใหญ่อยู่ดี
หลินเจ๋อกว่างเข้าใจหัวอกเพื่อน และก็เข้าใจความรู้สึกของอวี๋หมิงหลางในเวลานี้ที่โกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงพูดให้กำลังใจเขา
“ฉันรู้ว่านายรู้สึกแย่ แต่ใครใช้ให้พวกเรามาทำงานสายนี้ล่ะวะ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายก็เสี่ยงมาแล้ว เรื่องแค่นี้เดี๋ยวก็ผ่านไปได้ นายเข้าไปประชุมให้เสร็จก่อน จากนั้นก็ไปอธิบายกับน้องสะใภ้ ถ้าไม่ได้จริงๆนายลากคนของนายไป ฉันลากคนของฉันไป พวกเรารวมตัวกันไปอธิบายให้น้องสะใภ้ฟัง เขาจะทำอะไรกับพวกเราก็ได้ ขอแค่เขาหายโกรธเป็นพอ ยังไงนายก็ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง นี่พวกเราทำเพื่อประเทศไม่ใช่เหรอ”
มิตรภาพของเพื่อนได้แสดงน้ำใจออกมาในเวลานี้
อวี๋หมิงหลางไม่ได้อยากให้ทุกคนไปช่วยกันอธิบายให้เสี่ยวเชี่ยนฟัง ตอนนี้เขาทำได้แค่จัดการงานหลวงให้เสร็จ พอเสร็จสิ้นภารกิจทั้งหมดแล้วเขาก็จะรีบไปหาเสี่ยวเชี่ยน ถ้าเธอไม่อภัยให้เขาก็จะไม่เลิกง้อ!
เธอตกเป็นของเขาเรียบร้อยแล้วไม่มีเหตุผลที่เขาจะยอมปล่อยไป ไม่ว่าเธอต้องการให้เขาทำอะไรเขาก็จะทำ!
เดิมทีการประชุมสรุปครั้งนี้ควรจะเต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่ายินดี แต่เพราะหัวหน้าอวี๋ต้องทิ้งงานแต่งมากลางคันทำให้ใบหน้าบอกบุญไม่รับ บรรยากาศในห้องประชุมจึงดูอึมครึมไม่น้อย
แต่ละหน่วยงานแยกกันสรุป แสดงความคิดเห็นต่อการร่วมงานกันในครั้งนี้ หัวหน้ากลางลูกน้องของอวี๋หมิงหลางสรุปปฏิบัติการในครั้งนี้ได้อย่างคล่องแคล่ว ส่วนอวี๋หมิงหลางเอาแต่จ้องนาฬิกา เขารู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้ามาก
ตอนนี้ลูกเชี่ยนจะโมโหอาละวาดอยู่หรือเปล่า?
หรืออาจกำลังลับมีดเตรียมตอนเขา?
คงไม่ได้เก็บข้าวของเตรียมเลิกกับเขาหรอกนะ?
เขากับเธอจดทะเบียนสมรสกันแล้ว พูดว่าเลิกไม่ได้ ต้องเรียกว่าหย่า
คำว่าหย่าผุดขึ้นในสมองของอวี๋หมิงหลางตัวใหญ่มาก กระพริบไปมาจนเขารู้สึกเจ็บไปทั้งตัว มันเจ็บเสียยิ่งกว่าตอนถูกยิง
ใช่ เขาเป็นทหาร ชีวิตคู่ของเขาต้องอิงกับกฎของทหาร ถ้าเขาไม่ตกลงลูกเชี่ยนก็หย่ากับเขาไม่ได้ พอนึกถึงตรงนี้เสี่ยวเฉียงก็รู้สึกขอบคุณประเทศ ขอบคุณกองทัพ ในที่สุดเขาก็หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ถูกทิ้งได้แล้ว
แต่ถ้าลูกเชี่ยนไม่หายโกรธ ต่อให้เขาเป็นตายก็ไม่ยอมหย่า แล้วเธอโกรธเขาไปเรื่อยๆจนเสียสุขภาพจะทำไง?
คิดๆดูก็น่าปวดใจเหมือนกันนะ เสี่ยวเฉียงก้มหน้าคอตกกลุ้มใจไปเงียบๆคนเดียว
การรอคอยนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน รู้สึกเหมือนแต่ละวินาทีมันช่างทรมาน ไม่รู้ทำไมรู้สึกว่าการประชุมในวันนี้นานเป็นพิเศษ
พอทุกหน่วยรายงานหมดแล้ว เสี่ยวเฉียงเห็นคนที่เป็นพิธีกรยังไม่ประกาศเลิกประชุมเขาจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ยังไม่จบเหรอ?”
ในที่นี้เรียกได้ว่าตำแหน่งของอวี๋หมิงหลางอยู่อันดับต้นๆ คำพูดของเขามีน้ำหนักมาก พิธีกรรีบยิ้มพร้อมอธิบาย
“คือแบบนี้นะครับ พวกเราเพิ่งได้รับแจ้งมาว่า เบื้องบนของเมืองหลินมีการเพิ่มบุคลากรจากภายนอกเข้ามา งานวิจัยและสืบสวนคนร้ายที่ก่อคดีอุกอาจในครั้งนี้จำเป็นต้องให้พวกเราให้ความร่วมมือด้วย—”
“พวกเราแค่มาจับ งานที่เหลือไม่เกี่ยวกับพวกเรา ไม่มีอะไรแล้วก็รีบปิดประชุม” น้ำเสียงของอวี๋หมิงหลางมีกลิ่นดินระเบิดโชยมา
เขาก็จับคนร้ายมาให้แล้วยังจะมีเรื่องบ้าบออะไรอีกวะ!