กลับมาพูดถึงเย่เทียน หลังจากขับรถส่งเฉินหวั่นชิงกลับบ้านแล้ว ทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ
เย่เทียนมีความคิดอยากจะสานสัมพันธ์กับเฉินหวั่นชิง แต่เห็นได้ชัดว่าเฉินหวั่นชิงไม่มีความสนใจในเรื่องนี้
กลับถึงบ้านแล้ว ตอนที่เฉินหวั่นชิงไปอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆออกมา ก็ได้กลิ่นอาหารหอมกรุ่น
เธอเดินไปดูที่ห้องครัว ก็มีสีหน้าและสายตาประหลาดใจขึ้นมาทันที
เธอเห็นเย่เทียนสวมผ้ากันเปื้อน และกำลังยุ่งอยู่ในห้องครัว
พอรู้ตัวว่าเฉินหวั่นชิงมา มุมปากของเย่เทียนกระตุกเป็นเส้นโค้งและเอ่ยยิ้มๆ “คุณไปรอที่ห้องอาหารก่อนเลย อีกเดี๋ยวก็กินข้าวได้แล้ว”
พอได้ยินอย่างนี้แล้ว เฉินหวั่นชิงแปลกใจอย่างมาก เธอใช้ชีวิตร่วมกับเย่เทียนมาเกือบหนึ่งปี ไม่เคยเห็นเย่เทียนเข้าห้องครัวมาก่อนเลย!
วันนี้เย่เทียนกลับทำอาหารได้ และดมจากกลิ่นก็พอจะรู้ว่ารสชาติน่าจะไม่เลว
“เจ้านี่ไปหัดเรียนทำอาหารมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เฉินหวั่นชิงนึกแปลกใจ ตั้งแต่ที่ลากเย่เทียนออกมาจากสถานีตำรวจได้ พฤติกรรมของเขาก็ยิ่งแปลกขึ้นเรื่อยๆ เธอคิดอยู่พักหนึ่งก็ยังคิดไม่ตก จึงโยนข้อกังขาทั้งหมดทิ้งไป
ถึงยังไงเย่เทียนก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริงๆ นอกจากลามกหื่นกาม เธอแปลกใจจนเลิกแปลกใจแล้ว
เย่เทียนเห็นทุกการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าเธอ นึกลำพองใจ ว่ากันว่าคิดจะจับหัวใจของผู้หญิงไว้ ก็ต้องจับกระเพาะของเธอให้ได้ก่อน
แม้ว่าเฉินหวั่นชิงจะไม่เห็นตัวเองอยู่ในสายตา เย่เทียนก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะชนะใจเฉินหวั่นชิง
เขาเชื่อว่าขอเพียงอดทนสม่ำเสมอ ช้าหรือเร็วเฉินหวั่นชิงก็ต้องตกหลุมรักตัวเองอย่างแน่นอน
ถึงตอนนั้น เขาอาจจะปลดล็อคท่าอื่นๆที่มากกว่ากอด!
หากคู่ปรับของเย่เทียนในชาติก่อนได้เห็นฉากนี้และรู้ว่าเย่เทียนยอมเข้าครัวเองเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง คงจะล้มทั้งยืนเป็นแน่!
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น อาหารค่ำอุดมสมบูรณ์ก็ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอาหาร เฉินหวั่นชิงลองคีบเนื้อตุ๋นซอสแดงชิ้นเล็กเข้าปาก
ทันใดนั้น เนื้อตุ๋นละลายในปากทันที เนื้อนุ่มและชุ่มฉ่ำ รสชาติอร่อยกว่าโรงแรมระดับห้าดาวบางที่ซะอีก
สายเฉินหวั่นชิงฉายแววประหลาดใจ เธอโพล่งถามออกมา “ฝีมือทำอาหารของนายดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เย่เทียนยิ้มอย่างได้ใจ “คิดไม่ถึงล่ะสิ!”
“คิดไม่ถึงจริงๆ ไปหาหลักสูตรมาจากไหน แนะนำฉันด้วย”
เฉินหวั่นชิงพยักหน้า พูดด้วยสายตาจิกกัด
เย่เทียนได้ยินแล้วเซ็งขึ้นมาทันที เขาตบโต๊ะพลางกล่าว “คุณลองไปหาหลักสูตรดูสิ นี่เป็นสูตรของฉันเย่เทียนแต่เพียงคนเดียว หนึ่งเดียวในใต้หล้า!”
เห็นท่าทางเย่เทียนที่โปรโมทตัวเองแล้ว เฉินหวั่นชิงอารมณ์ดีขึ้นมา เธอเริ่มรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าคนนี้ไม่ได้น่ารำคาญอย่างที่คิด
เฉินหวั่นชิงที่เพิ่งอาบน้ำออกมาปลี่ยนไปใส่ชุดอยู่บ้านสีขาวหลวมๆ ข้างล่างเป็นกางเกง เย่เทียนเหลือบมองไปก็เห็นผิวขาวนวลที่โผล่พ้นเสื้อผ้า อดตาเป็นประกายไม่ได้
“ดูดีมั้ย?”
เฉินหวั่นชิงสังเกตเห็นสายตาของเขา จึงถามด้วยรอยยิ้มหวาน
“ดูดี!”
เย่เทียนพยักหน้าอย่างจริงจัง
“หืม?”
สายตาของเฉินหวั่นชิงดุดันขึ้น เริ่มมีกลิ่นอายอันตราย
“ฉันพูดความจริงนะ และเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ชายคนไหนใดก็ไม่บอกว่าเธอน่าเกลียดหรอก อีกอย่าง ผู้หญิงสวยก็เพื่อให้ผู้ชายได้ชื่นชมไม่ใช่หรอ?”
เย่เทียนไม่สนสายตาข่มขู่ของเธอ และตอบอย่างจริงจัง
เฉินหวั่นชิงฟังแล้วอดกลอกตามองบนไม่ได้ ยังไงซะก็เป็นผู้หญิง อยากให้คนอื่นสรรเสริญความงามของตัวเองกันทั้งนั้นแหละ
แต่ในสายตาของเย่เทียน สีหน้าแบบนี้แตกต่างออกไป ให้อารมณ์อย่างอื่น เขาเริ่มจินตนาการภาพต่างๆในหัวอีกครั้ง
ตั้งแต่ได้แต๊ะอั๋งเฉินหวั่นชิงเมื่อคราวที่แล้ว เย่เทียนก็เริ่มติดใจในรสชาติ ความคิดบางอย่างที่ดูจะไม่อิงความเป็นจริงเท่าไหร่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
พอนึกถึงเรื่องคราวก่อน เย่เทียนหวั่นไหวในใจ เขาเอ่ยขึ้น “หวั่นชิง เธอคงไม่คิดจะหย่ากับฉันแล้วใช่มั้ย”
“นายคิดมากเกินไปแล้ว แค่ช่วงนี้ฉันไม่ว่างก็เท่านั้น หลังจากฉันเลิกยุ่งแล้วจะหย่ากับนายทันทีเลย”
พอเห็นเย่เทียนพูดถึงเรื่องเก่า เฉินหวั่นชิงก็เก็บสีหน้าและบอกเย็นๆ
เย่เทียนกลับหัวเราะคิกคัก “ถ้าอย่างนั้นฉันหวังว่าเธอจะไม่ว่างตลอดไป แบบนี้ฉันจะได้ทำให้เธอรักฉันโดยสมบูรณ์!”
“รักนาย?”
เฉินหวั่นชิงเบ้ปากด้วยความดูแคลนสุดๆ แสดงออกถึงความดูถูกของตัวเองที่มีต่อเย่เทียน
เย่เทียนไม่สนใจ เขากล่าวต่อ “วันนี้ฉันทำได้ไม่เลวใช่มั้ย?”
“ทำอะไร?”
“ก็เรื่องที่ฉันปราดเปรื่องรู้ทัน ต่อสู้กับหนอนบ่อนไส้อย่างชาญฉลาดไงเล่า!” เย่เทียนเอาดีเข้าตัวอย่างหน้าไม่อาย
เฉินหวั่นชิงคิดไปคิดมา เย่เทียนช่วยตัวเองไว้จริงๆ ถ้าตัวเองมีหนอนบ่อนไส้อยู่ข้างตัว ตำแหน่งของตัวเองต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน จึงพยักหน้า “ไม่เลวจริงๆ แต่เอิกเกริกไปหน่อย แม้ว่านายจะได้ยอดคนคอยชี้แนะ ได้วิชาการต่อสู้ไม่ธรรมดามา แต่นายไม่ควรโอหังจนเกินไป นายควรจะรู้ไว้ว่าต้นไม้ใหญ่มักจะเรียกลมมา เป็นการง่ายที่จะสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น!”
เย่เทียนยิ้ม “ถ้าฉันทำตัวดี เธอก็ต้องให้รางวัลอะไรฉันหน่อยมั้ย”
“รางวัล?” สายตาของเฉินหวั่นชิงระแวงขึ้นมาทันที “นายต้องการรางวัลอะไร?”
“แน่นอนว่าเหมือนกับคราวก่อนไง”
เย่เทียนยื่นมือออกไปทำท่ากอด
“เลิกคิดได้เลย!” เฉินหวั่นชิงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด พร้อมกับขู่เสียงเย็น “นายอย่าคิดบุ่มบ่ามทำอะไรจะดีกว่านะ มิฉะนั้นฉันจะตัดตอนนาย!”
เธอพูดพลางทำท่ากรรไกร
หัวใจของเย่เทียนเย็นวาบ คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะโหดเหี้ยมขนาดนี้ คิดจะฆาตกรรมสามีตัวเองเสียด้วย!
ทว่า ต่อหน้าเฉินหวั่นชิงเขาจะต้องแสดงออกเหมือนคนขี้ตื๊อ แสดงวิชาการตื๊ออย่างไม่ย่อท้อ
“ตราบใดที่เรายังไม่หย่า ฉันก็ยังเป็นสามีของเธออยู่ เราแต่งงานกันมานานขนาดนี้แล้ว ความเป็นสามีและภรรยาก็เป็นที่ประจักษ์แล้ว ให้ฉันได้กอดบ้างลูบบ้างจะเป็นอะไรไป? หรือว่าเธอต้องการให้เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ให้อะไรๆได้เกิดขึ้นเลยจริงๆ? ”
“ฉันบอกแล้วว่าฉันจะหย่ากับคุณ!” เฉินหวั่นชิงไม่สนใจเขา เอ่ยด้วยเสียงเย็นชา
“เธอจะ แต่ตอนนี้ยังไม่หย่านี่ เอาอย่างนี้มั้ย เรามาพนันก่อนหย่ากันมั้ยล่ะ?”
เย่เทียนรู้ว่าเรื่องจะแต๊ะอั๋งอีกนั้น สถานการณ์ตอนนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ ยอมถอยออกมาและขอในสิ่งที่รองลงมาดีกว่า
“พนันเรื่องอะไร”
เย่เทียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ พูดด้วยท่าทีลึกลับ “เธอกำหนดระยะเวลามาให้ฉัน ภายในระยะเวลาที่กำหนด ถ้าฉันประพฤติตัวดีและเธอก็ไม่ได้รังเกียจฉัน หรือแม้กระทั่งมีความรู้สึกที่ดีต่อฉันนิดหน่อย เราก็มาทำ อะไรที่สามีและภรรยาเขาทำกันหน่อย ไม่ว่ายังไงพวกเราก็เป็นสามีภรรยา ช้าเร็วก็ต้องทำเรื่องอย่างว่า อย่างมีลูกอะไรแบบนี้”
เฉินหวั่นชิงโดนเย่เทียนพูดใส่จนใบหน้าสวยๆเป็นสีแดงระเรื่อ แต่ที่เย่เทียนพูดมาก็สมเหตุสมผลจริงๆ ใจของเธอเริ่มหวั่นไหว
เธอคิดในใจขึ้นมาว่ายังไงซะได้หรือไม่ได้ก็แล้วแต่ตัวเอง ถึงตอนนั้นเธอแค่บอกว่าไม่ได้ และถีบเย่เทียนออกไปก็จบ
จึงยอมตกลง “ก็ได้ ฉันให้เวลานายหนึ่งเดือน ภายในหนึ่งเดือนนี้ถ้านายประพฤติตัวดี และฉันมีความรู้สึกดีๆต่อนายจริงๆ ฉันจะยอมให้นายได้ลูบได้กอด! ตกลงมั้ย!”
“ไม่มีปัญหา!”
เย่เทียนตื่นเต้นสุดๆ พยักหน้ารัวๆเหมือนเด็กๆ
เห็นท่าทางกระตือรือร้นของเย่เทียนแล้ว เฉินหวั่นชิงอ่อนใจอย่างบอกไม่ถูก