บทที่ 84 ฉินเจิงหรงผู้หวาดกลัว

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เทียนขับรถไปส่งเฉินหวั่นชิงทำงาน

เฉินหวั่นชิงนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ มองเย่เทียนที่กำลังขับรถอยู่ด้วยอารมณ์อันซับซ้อน

ดูเหมือนในระยะหนึ่งปีที่ทั้งคู่แต่งงานกัน เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนไปส่งเธอทำงานแบบนี้!

“จ้องฉันทำไม? หน้าฉันมีดอกไม้หรือยังไง”

ในตอนนั้นเอง น้ำเสียงหยอกล้อของเย่เทียนดังมา “ฉันรู้ว่าฉันหล่อมาก แต่เธอจ้องฉันขนาดนี้ฉันเขินนะ”

“อย่างนายน่ะหรอหล่อ? ยังจะกล้าเขินอีก”

เฉินหวั่นชิงเซ็งในใจสุดๆ ไม่เคยเจอคนหน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อน!

เธอจึงดึงสายตากลับมาและเลิกสนใจ พร้อมหยิบเอกสารชุดหนึ่งมาดู

ไม่นานนัก รถก็จอดอยู่หน้าบริษัท เฉินหวั่นชิงไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดประตูออกไปเลย

เย่เทียนลูบจมูกด้วยความเคยชิน กำลังจะขับรถไปที่ลานจอด ทันใดนั้นก็มีพอร์เชอ 911 สีครามคันหนึ่งก็มาจอดอยู่ตรงหน้าตัวเอง ขวางทางไปของเขา

ขณะที่เย่เทียนกำลังงุนงงอยู่ ประตูรถก็เปิดออก ฉินเจิงหรงเปิดประตูและกระโดดออกมา

“นายมาทำอะไรที่นี่?”

เย่เทียนไม่ค่อยชอบหน้าอีกฝ่ายเท่าไหร่ จึงขมวดคิ้วถามอย่างอดไม่ได้

ความจริงแล้ว ฉินเจิงหรงก็ไม่เห็นเย่เทียนอยู่ในสายตาเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาได้สืบเรื่องของเย่เทียนแล้ว และพบว่าก็แค่แมงดาที่มีคนเลี้ยง จึงยิ่งดูถูกเขาเข้าไปใหญ่

และที่วันนี้เขามาดักรอที่นี่ ก็เพราะพี่สาวเขาโทรหาเขาให้เขามาขอโทษเย่เทียน

ขอโทษ?

เขาอยู่ในฐานะอะไร? ต้องมาขอโทษแมงดา? ฝันไปเถอะ

“ฉันจะบอกนายให้นะ อย่าเล่นอะไรตุกติกลับหลัง คิดว่าตัวเองเกาะบารมีพี่สาวฉันได้ ให้พี่สาวฉันมาข่มฉัน แล้วฉันจะยอมก้มหัวให้หรอ ฝันไปเถอะ ฉันไม่มีทางขอโทษนายหรอกโว้ย!”

ฉินเจิงหรงยืนชี้นิ้วด่ากราดเย่เทียนอยู่ข้างรถ

“สมองนายมีปัญหารึเปล่า?”

เย่เทียนหมดคำจะพูด

“เลิกเล่นเหลี่ยมได้แล้ว ลูกไม้ของนายไม่มีความหมายอะไรสำหรับฉันเลยสักนิด”

ฉินเจิงหรงทิ้งคำพูดโหดเหี้ยมไว้ก่อนจะขึ้นรถและออกไปเลย

เย่เทียนมองภาพที่ฉินเจิงหรงขับรถออกไปแล้วรู้สึกเพียงมึนงง สบถด่าว่าไอ้บ้าก่อนจะขับรถเข้าไปจอดในลานจอด

แต่จากการคาดเดาของเขา คงเพราะยาเม็ดที่เขาให้ฉินโล่หยินไปสัมฤทธิ์ผล ไม่อย่างนั้นตระกูลฉินไม่มีทางบอกให้ฉินเจิงหรงมาขอโทษเขาหรอก

ทว่า ฉินเจิงหรงไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ และเป็นพวกอีโก้สูง จะยอมขอโทษเขาได้ยังไง

เขาจึงเลิกสนใจ เข้าไปในบริษัทและเดินเล่นอยู่แผนกความปลอดภัย

“เย่เทียน!”

เหอเชิ่งมาหาในทันทีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เรื่องเมื่อวานฉันจัดการแล้วนะ นายวางใจเถอะ ฉันไม่ขายนายหรอก”

“เรื่องเมื่อวาน? เรื่องอะไรหรอ?”

เย่เทียนถามด้วยความงุนงง

เห็นท่าทีแบบนี้ของเย่เทียน เหอเชิ่งหัวเราะร่วน พยักหน้าอย่างรู้งาน “ไม่มีอะไร เมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”

เย่เทียนได้ยินแล้วยิ้มให้อย่างรู้กัน

ทั้งสองเป็นคนฉลาด เรื่องบางเรื่องไม่ต้องพูดให้ชัดแจ้งเกินไป

ส่วนจางฟู่ฉีเมื่อวานไม่ได้โผล่มาที่บริษัทในวันนี้ ถือว่าจัดการปัญหาไปได้หนึ่ง

หลังจากนั้น เย่เทียนก็เดินเล่นวนเวียนอยู่ในบริษัท ถึงยังไงเขาก็เป็นคนขับรถและบอดี้การ์ดของเฉินหวั่นชิงโดยเฉพาะ เฉินหวั่นชิงไม่ออกไปไหนก็ไม่มีใครมาสั่งงานเขา

ตระกูลฉิน

ฉินชิงหู่เรียกหมอมาตรวจสุขภาพทั้งร่างกายให้พ่อตัวเองอย่างละเอียด

สุดท้ายพบว่าพ่อของตัวเองไม่ใช่แค่อาการป่วยดีขึ้น ทั้งกระบวนการในร่างกายยังดูจะเยาว์วัยลงไปอีกอย่างน้อยสิบปี!

ผลลัพธ์แบบนี้ทำเอาคนทั้งหมดในที่นี้อึ้งกันหมด

“คุณชายกลับมาแล้ว!”

ขณะนั้นเองที่ฉินเจิงหรงเดินเข้ามาจากข้างนอก

เขาเห็นมีคนยืนอยู่ในห้องรับแขกมากมายก็ชะงักไป

เมื่อเห็นว่าทุกคนเพ่งสายตามาที่เขา ทำเอาเขารู้สึกแปลกๆขึ้นมา แต่ก็คิดไม่ตกว่าเกิดปัญหาตรงไหน

“เย่เทียนให้อภัยนายหรือยัง?”

เวลานั้น ฉินโล่หยินเดินเข้าไปและเอ่ยถาม

ฉินเจิงหรงไม่เคยเห็นพี่สาวตัวเองขึงขังขนาดนี้มาก่อน อดสูดหายใจเข้าลึกไม่ได้ เขากล่าวขึ้น “ผม….พี่ครับ ไอ้นั่นมันพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับผมให้พี่ฟังลับหลังหรอครับ? พี่อย่าโดนมันหลอกเอานะครับ ผมว่าเขาแค่ต้องการรีดไถตระกูลฉินของเราเท่านั้น ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอกครับ!”

ฉินโล่หยินผงะไป เธอเอ่ยเสียงเข้ม “ฉันถามนายแค่ว่า เขาให้อภัยนายหรือยัง”

“ผมไม่ได้ขอโทษเขาสักหน่อย เย่เทียนมันเป็นใครกัน ก็แค่แมงดาคนหนึ่ง ทำไมผมต้องไปขอโทษมันด้วย”

ฉินเจิงหรงไม่สนอะไรแล้ว บอกด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

เพียะ!

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังเพียะ ฉินเจิงหรงโดนตบหน้าฉาดใหญ่

ฉินเจิงหรงร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บ ฟุบนั่งลงไปกับพื้น เงยหน้ามองด้วยสีหน้ามึนงง และพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “พ่อครับ พ่อ พ่อตบผมได้ยังไง?”

“ตบลูกอตัญญูอย่างแกไง!”

ฉินชิงหู่โมโหแทบบ้า

“ชิงหู่ คุณทำอะไรน่ะ ต่อให้ลูกทำผิดคุณก็ไม่ควรลงมือนะ!”

หญิงชั้นสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาปกป้องฉินเจิงหรง

ฉินชิงหู่สูดหายใจเข้าลึกและเอ่ยเสียงเย็น “นี่ไงล่ะลูกชายที่คุณรักนักรักหนา ฉินเจิงหรง ฉันขอเตือนนะ แกรีบไสหัวกลับไปจะดีกว่า ถ้าเย่เทียนไม่ยอมให้อภัยแก ฉันจะถือว่าไม่เคยมีลูกชายอย่างแก”

พูดจบ ฉินชิงหู่ก็เดินออกไปด้วยความขุ่นเคือง ทิ้งไว้เพียงฉินเจิงหรงที่หน้าตาเต็มไปด้วยความผวา

เขาโดนตบยนงงไปหมด ไม่รู้เรื่องเลยว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่

“แม่ครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน เย่เทียนเป็นใครกันแน่ครับ ทำไมพ่อผมถึงบันดาลโทสะขนาดนี้….”

ตั้งแต่เล็กจนโต ฉินเจิงหรงไม่เคยได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีขนาดนี้มาก่อน เขาอดหันไปมองแม่ไม่ได้

หญิงชั้นสูงคนนั้นถอนหายใจ เธอผู้ตามใจลูกมาตลอดเวลานี้ก็ไม่อาจยืนอยู่ข้างเดียวกับฉินเจิงหรงอีกต่อไป

“ลูก เชื่อที่แม่พูดนะ ลูกรีบไปขอโทษเย่เทียนคนนั้นซะ ครั้งนี้พ่อของลูกโกรธมากจริงๆ ถ้าลูกไม่ได้รับการให้อภัยจากเขา ตั้งแต่นี้ไปลูกอย่าหวังว่าจะขอเงินจากแม่ได้อีกแม้แต่แดงเดียว!”

“และพ่อของลูกก็ไม่ได้พูดเล่นด้วย ข้างนอกนั่นมีคนมากมายขนาดไหนที่อยากจะแทนที่ลูก! ลูกเข้าใจความหมายมั้ย?”

พอได้ยินคำพูดนี้ ฉินเจิงหรงก็ลนลานขึ้นมาแล้วจริงๆ อย่างที่เขาว่ากัน ในตระกูลใหญ่นั้นไร้ซึ่งสายสัมพันธ์ แม้ว่าเขาจะเป็นคุณชายตระกูลฉิน แต่พ่อของเขาสูงศักดิ์และมากด้วยอำนาจ ถ้าจะบอกว่าไม่ได้เตรียมตัวสำรองไว้แทนที่เขาสักสองสามคนนั้นเป็นไปไม่ได้!

และทุกอย่างที่เขามีในตอนนี้ได้มาจากตระกูลฉินทั้งนั้น หากไม่มีตระกูลฉิน เขาไม่ใช่ใครทั้งนั้น

ฉินเจิงหรงใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยจนชิน จะให้เขาไปเป็นคนธรรมดา ทรมานยิ่งกว่าฆ่าเขาเสียอีก

“เจิงหรง นายรีบไปเถอะ นายทำเกินไปจริงๆ”

แม้แต่ฉินโล่หยินที่ยืนอยู่ด้านข้างยังเอ่ยเกลี้ยกล่อม

ฉินเจิงหรงมองทุกอย่างที่เกิดขึ้น ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคลานตัวขึ้นมา “ผม ผมรู้แล้วครับ ผมจะรีบไปหาเย่เทียนเดี๋ยวนี้!”

พูดจบ เขาก็วิ่งออกจากประตูใหญ่ตระกูลฉินประหนึ่งกำลังหนีเอาชีวิตรอด