Ch.349 – เล่ยเฉินทวงถาม

Provider : Muntra

 

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.349 – เล่ยเฉินทวงถาม

 

เป็นเล่ยเฉิน!

 

เล่ยเฉินเทศมนตรีเมืองไห่แห่งสามเฉิง!

 

“ฉินเฟิง แกชักจะกล้ามากเกินไปแล้ว!”

 

เล่ยเฉินโกรธจนแทบคุมไม่อยู่ ความดุร้ายในสายตาเขามิได้เก็บซ่อนมันเอาไว้เลย

 

“ฉันกล้าขนาดไหน ผู้นำเล่ยน่าจะเคยเห็นแล้วนี่ที่สันเขาถังซาน” ฉินเฟิงยิ้มจาง

 

ก็แล้วถ้าไม่กล้า เขาจะอาจหาญไปก่อกวนราชันย์สัตว์ร้ายหรือ?

 

ก็แล้วถ้าไม่กล้า เขาจะล่อลวงให้สามราชันย์สัตว์ร้ายรุมปิดล้อมจักรพรรดิสัตว์ร้ายได้อย่างไร?

 

ก็แล้วถ้าไม่กล้า เขาจะสามารถข่มเลเวล D ทุกคนที่คิดก่อปัญหาได้รึ?

 

สีหน้าของเล่ยเฉินหนักอึ้งราวกับเหล็กหลอม เขาถลึงตามองฉินเฟิงอย่างโหดเหี้ยม แตกต่างจากฉินเฟิง ที่ยังสงบเยือกเย็น ไม่แสดงอาการใดๆแม้แต่น้อย

 

“ฉินเฟิง แกทำแบบนี้ ไม่กลัวกลุ่มเล่ยถังของฉันหรือ?”

 

เมื่อทราบข่าวคร่าวๆถึงการตายของเล่ยชาง เล่ยเฉินเร่งร้อนดิ่งไปยังกลุ่มเล่ยถัง และสิ่งที่เขาอยากกระทำมากที่สุด คือการแก้แค้นฉินเฟิง

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เผชิญหน้ากับฉินเฟิงโดยตรง เล่ยเฉินดันเกิดความขลาดเขลาในหัวใจ

 

เขาปรารถนาสุดแสนที่จะลงมือ แต่ขากลับก้าวไม่ออก

 

“คิดจะข่มคนอื่น ก็ต้องสำแดงพลังออกมาขู่ซะบ้าง ไม่ใช่ทำตัวเป็นลาสวมหนังเสือ มีดีแค่ท่าทีและหน้าตา ทำแบบนี้ต่อให้มาจากเมืองหลวง ฉันก็ไม่กลัวหรอก!” ฉินเฟิงกล่าวเสียงจม

 

เวลานี้ พระอาทิตย์จากเบื้องบนค่อยๆคล้อยลงทางทิศตะวันตก แดดจากแนวทแยงสาดเข้าใส่ร่างที่ยืนหยัดมั่นคงสูงใหญ่ของฉินเฟิง ทอดเงายาวออกไป กลิ่นอายสังหารบนกายเขา ร้อนแรงแดงก่ำเป็นไอระอุไม่แตกต่างไปจากสีของตะวันตกดินเลย

 

แปะ แปะ แปะ!

 

ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างกะทันหัน

 

สายตาของฝูงชน เบนไปตามเสียงโดยไม่รู้ตัว

 

ท่ามกลางซากศพแมลงแมมมอธในทุ่งล่า เสียงปรบมือยังคงกังวานต่อเนื่อง 

 

ร่างของชายหนุ่มที่มีผมสีขาว สะท้อนเข้ามาในดวงตาของฉินเฟิง

 

ช่วงเวลานี้ คู่ดวงตาของฉินเฟิงพลันหดลีบลงทันใด

 

“ต่อให้มาจากเมืองหลวง เจ้าก็ไม่หวาดกลัวสินะ งั้นดูเหมือนว่าตระกูลซงของข้า มันคงมิอาจทำให้เจ้าหวั่นเกรงเช่นกัน”

 

หัวใจของฉินเฟิงกระตุกวูบ

 

นั่นมัน ซงจินควง!

 

เขามาที่นี่ได้ยังไงกัน?

 

อย่าบอกนะว่าสถานะบลัดฮันเตอร์ถูกเปิดเผยแล้ว?

 

สมองของฉินเฟิงปั่นความคิดเร็วจี๋

 

ทว่าระหว่างขบคิด ซงจินควงก็ยิ่งใกล้เข้ามา ระยะห่างระหว่างสองคนหดแคบลง จนถึงในระยะ 10 เมตร

 

ระยะเพียงเท่านี้ ถือว่าอันตรายมาก

 

หากระเบิดกำลังภายในออกมา เพียงก้าวเดียว แต่ละฝ่ายก็สามารถย่นระยะเข้าถึงตัว โจมตีใส่กันได้

 

แผ่นหลังของฉินเฟิงยืดตรง ดั่งคันธนูที่ง้างออก พร้อมจะผละสายรั้งได้ตลอดเวลา

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเลเวล C ฉินเฟิงไม่กล้าดูแคลน

 

“ฉินเฟิง เจ้าได้รับบางสิ่งบางอย่างจากตระกูลซงของพวกเราไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะตามตัวบลัดฮันเตอร์ ฉะนั้นจงส่งมันคืนมา! หากยอมศิโรราบข้าในฐานะผู้นำตระกูลซง จะยอมไว้ชีวิตเจ้า!”

 

ซงจินควงข่มขู่ฉินเฟิง

 

ทันทีที่ฉินเฟิงได้ยินประโยคนี้ เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าตระกูลซงยังไม่กระจ่างถึงสถานะบลัดฮันเตอร์ของเขา

 

อย่างไรก็ตาม คำของซงจินควง แท้จริงแล้วยังมีอีกความหมายหนึ่ง นั่นคือประกาศฐานะของตนเอง

 

ผู้นำตระกูลซง … พอได้ยินเรื่องนี้ ฝูงชนโดยรอบพลันส่งเสียงฮือฮา

 

“เขาคือซงจินควง!!”

 

“เป็นไปได้อย่างไร? ทำไมผู้ใช้พลังเลเวล C ถึงมาอยู่ที่นี่!”

 

“ยังจะเพราะอะไรอีกล่ะ? ผู้ฉลาดย่อมไม่เปิดเผยความมั่งคั่งของตนเอง ความนี้ฉินเฟิงเจอปัญหาเข้าให้แล้ว”

 

ในอดีต หากพบเจอกับตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณวิถีมาร ทุกคนคงแก่งแย่งและตะโกนให้ฆ่า! ทว่าหลังจากเข้าสู่ยุคโลกาวินาศ ชีวิตมนุษย์ก็กลายเป็นสิ่งไร้ค่า ไม่มีใครต้องการโยนตนเองเข้าสู่ความตายเพื่อปกป้องสิ่งที่เรียกว่าคุณธรรมไร้สาระ 

 

ตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณวิถีมารจึงสามารถทำกำไรจากจุดนี้ ทุกการลงมือล้วนได้รับเงินกลับมา การกระทำชั่วร้ายเองก็ถูกละเว้นเช่นกัน

 

ยิ่งตอนนี้ ที่ปรากฏตัวขึ้นยังเป็นผู้ใช้พลังเลเวล C นี่ทำให้ฝูงชนรอบข้าง มีเหตุผลมากเกินพอที่จะซ่อนตัว หลบหน้าไปอีกทาง

 

ช่วงเวลานี้ ซงจินควงวาดมือออกอย่างช้าๆ บังเกิดคลื่นไหลตามเป็นเงาดูสง่างาม ผู้คนสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของวัยชราที่มากไปด้วยประสบการณ์

 

“อย่าเสียเวลาสนทนากันอีกเลย ข้ามิได้มาเพื่อฆาตกรรมสังหารแต่อย่างใด ตราบใดที่เจ้าล่วงรู้ถึงขีดจำกัดของตนเอง ก็จงส่งมอบสิ่งของมาแต่โดยดี!”

 

“สิ่งของของบลัดฮันเตอร์งั้นหรอ? ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”

 

แม้จะรู้ แต่ฉินเฟิงก็แสร้งทำเป็นไม่ทราบ

 

“ฉินเฟิง อย่าแสร้งแสดงละครอีกเลย บลัดฮันเตอร์หนีไปยังเขตสามเฉิง และเลือกขายของที่ฉกชิงไปในตลาดมืดของเจ้า เมล็ดบัวพิสุทธิ์ที่เจ้าถือครองอยู่ในยามนี้ , เทคนิคลับเหิงหลง กระทั่งรถสายฟ้าสีเงิน ทั้งหมดล้วนเป็นบลัดฮันเตอร์ขายต่อให้กับเจ้า!” ซงจินควงกล่าวน้ำเสียงเผ็ดร้อน!

 

ฉินเฟิงมิได้ปกปิดสิ่งเหล่านี้ ทุกอย่างถูกนำมาใช้อย่างอิสระ เพื่อไม่ให้มีใครสงสัย

 

และการกระทำดังกล่าว ในตอนนี้ ยังช่วยให้ฉินเฟิงตระหนักถึงแผนการของตระกูลซงได้อีกด้วย

 

หากว่าเขาแสดงละคร มันก็กำลังแสดงเช่นกัน หนึ่งทางแสร้งเผยความเมตตา อีกหนึ่งแสดงวาจาข่มขู่บีบบังคับ

 

ฉินเฟิงกล่าว “ผมไม่ทราบถึงสถานะของแขก ในตลาดมืดของเรา ไม่เคยทวงถามสิ่งเหล่านี้ พวกเราสนใจแค่เรื่องการซื้อขายเท่านั้น”

 

“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ขอแค่ตระกูลซงของพวกเรารู้ก็พอแล้ว!” ซงจินควงเยาะหยัน เอ่ยเด็ดขาด “จงนำของมา!”

 

ท่าทีของฉินเฟิงดูประชดประชันเล็กน้อย “แล้วอยากซื้ออะไรเล่า บอกรายละเอียดมาเลย ขอเพียงยื่นเงินมา ของก็จะส่งถึงมือ!”

 

เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงไม่ยินยอมมอบให้เปล่าๆ

 

ทั้งยังแสดงถึงทัศนคติที่ไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อย

 

“ฮะ … ฮ่าฮ่าฮ่า!” ซงจินควงหัวเราะลั่น “นี่ก็หลายสิบปีมาแล้ว ที่ไม่มีผู้ใดกล้าทวงถามเงินจากตระกูลซง!”

 

มุมปากของฉินเฟิงแขวนรอยยิ้มเยาะ “อ้อ เสียใจด้วยนะ ดูเหมือนว่าสถิตินั่นจะจบลงแล้วในวันนี้!”

 

กลิ่นอายสังหารปะทุขึ้นในดวงตาของซงจินควง

 

“ดูเหมือนข้าต้องย้ำเตือนความจำกันเสียหน่อยแล้ว ว่าใครก็ห้ามดูแคลนตระกูลซงของข้า มิฉะนั้นต่อไป น่ากลัวว่ากระทั่งหมาหรือแมว ก็ยังกล้าล่วงเกินตระกูลซง!”

 

บลัดฮันเตอร์ทำให้ตระกูลซงต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ศักดิ์ศรีดิ่งวูบ กระทั่งซงจินควงยังคาดไม่ถึงเลย ว่าทั้งๆที่เขาปรากฏกายขึ้น แต่กลับไม่สามารถข่มผู้ใช้พลังเลเวล D ให้หวาดกลัวได้

 

อย่างไรก็ตาม เกรงว่าซงจินควงคงคาดไม่ถึง ว่าฉินเฟิงเบื้องหน้าผู้นี้ แท้จริงแล้วคือบลัดฮันเตอร์ที่ตระกูลซงตามหา คือตัวตนที่ตามกัดตระกูลซงไม่ปล่อย เลยเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่หวาดเกรง

 

“ฉินเฟิงใช่ไหม? อืม ก่อนหน้านี้ข้าเอ่ยปากว่าจะไม่สังหารเจ้า เพราะปัจจุบันเจ้าคือวีรบุรุษแห่งปราการชาตง แต่กระนั้น หากเป็นหักแขนหรือตัดมือเจ้าสักข้าง คงไม่ถือว่าผิดคำพูด!”

 

แววตาของซงจินควงสาดประกายโหดเหี้ยม กวาดฝ่ามือตรงเข้าใส่ฉินเฟิง

 

บนข้อมือของฉินเฟิง ห้อยไว้ด้วยสิ่งของบางอย่างที่เป็นสีเงิน 

 

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าน่าจะเป็นกุญแจมิติ หรืออะไรทำนองนั้น

 

ในฐานะที่เป็นถึงเลเวล C มีหรือเขาจะจดจำมันไม่ได้?

 

การโจมตีในครั้งนี้ ไม่เพียงทำลายแขนของฉินเฟิง แต่ยังเป็นการฮุบเอากุญแจมิติในมือไปพร้อมๆกัน

 

ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว!

 

เสียงตวาดก้องยังคงลั่นอยู่ในหู ซงจินควงก็ลงมือเสียแล้ว!

 

ฉากทะเลเลือด ปรากฏสู่สายตาของผู้คน

 

ซงจินควงโฉบกาย ฟาดฝ่ามือโจมตีอย่างโจ่งแจ้ง

 

สำหรับผู้ใช้วรยุทธโบราณ กำลังภายในก็เปรียบดั่งสระน้ำลึก!

 

กำลังภายในของฉินเฟิงเป็นเพียงรูปแบบมวลน้ำ แม้จะมีถึง 11 แอ่งก็ตาม แต่มันก็แค่เล็กน้อย เทียบได้กับกำลังภายในรูปแบบสระน้ำลึก 1 สระ

 

ในขณะที่ซงจินควง แท้จริงแล้วเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล C2 เขาครอบครองกำลังภายในถึง 2 สระน้ำลึก!

 

กำลังภายในของซงจินควง โถมเข้าบดขยี้ฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงไร้ซึ่งความลังเลใดๆ —หันหลังฉีกหนีไปทันที!

 

วิชาตัวเบาถูกใช้ออก ทะยานอย่างดุเดือดเข้าสู่พื้นที่ทะเลทรายทะเลเหนือ

 

“หึ! คิดหรือว่าจะเล็ดลอดไปจากเงื้อมมือข้า!”

 

ร่างของซงจินควงกระพริบไหว ไล่ติดตามออกไป

 

ยิ่งไปกว่านั้น หากเฝ้ามองจากมุมสูงในระยะไกลแล้ว จะเห็นได้เลยว่าซงจินควงว่องไวกว่าฉินเฟิง!

 

หนึ่งหลบหนีหนึ่งไล่ล่า พริบตาเดียวหายไปจากวิสัยทัศน์ของผู้คน

 

ช่วงเวลานี้ ฝูงชนบังเกิดความโกลาหลขึ้นทันใด

 

“คราวนี้ฉินเฟิงไม่รอดแน่แล้ว”

 

“ไม้งามในป่าใหญ่ที่เติบโตเร็วเกินไป มักจะถูกโค่นล้มโดยลมแรง”

 

“ฉันกลับคิดว่าเป็นเรื่องเงินมากกว่า ความมั่งคั่งไม่ควรเปิดเผยออกมา”

 

“พูดถึงมันตอนนี้ไป คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว”

 

ขณะนี้ สีหน้าของหูเหลียงกลายเป็นเขียวคล้ำ

 

ช่วงหนึ่งเดือนที่ฉินเฟิงมาประจำการ ภาระของเขาเบาลงไปมาก ตนกระทั่งเกิดความคิดยื่นเรื่องถึงเบื้องบน ว่าอยากจะยกฉินเฟิงให้เป็นนายพลแห่งปราการชาตง แบบนี้สถานการณ์ในสี่เมืองทะเลเหนือ คงดีขึ้นมาก

 

แต่ใครจะไปคิดกัน ว่าจู่ๆตระกูลซงยื่นมือเข้ามายุ่งเสียก่อน

 

ท้องฟ้าเริ่มสลัวลง ช่วงเวลาค่ำคืนได้มาเยือน แต่การต่อสู้ไล่ล่าระหว่างซงจินควงกับฉินเฟิง กำลังเริ่มต้นขึ้น

 

“ทำไมเล่าฉินเฟิง เหตุใดต้องขัดขืนด้วย?”

 

ซงจินควงรวดเร็วมาก ไม่นานเขาก็สามาถประชิดเข้าใกล้ฉินเฟิงในระยะ 10 เมตร

 

วินาทีต่อมา กรงเล็บโลหิตก็พลันฉกออกไป!