Ch.350 – เลเวล C ไล่สังหาร

Provider : Muntra

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.350 – เลเวล C ไล่สังหาร

 

ในอากาศ ร่างเงาจางๆคล้ายกับกรงเล็บปรากฏขึ้น กลิ่นอายของเลือดฟุ้งกระจายออกมาจากมัน

 

พร้อมกับแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว

 

ฉินเฟิงตระหนักดี ว่าการหลบหนีในครั้งนี้มิอาจพลาดพลั้ง หากถูกอีกฝ่ายจับตัวได้ ต่อให้ไม่ตายคงมิแคล้วโดนถลกหนัง

 

กำลังภายในของฉินเฟิงปะทุเดือด ปราณกำลังภายในรอบๆราวกับกระจกใส ผสานรวมกันราวกับเป็นหนึ่งเดียวของร่างกาย

 

ตูม!

 

ยามปะทะต้านทาน สุดท้ายเป็นร่างเงากรงเล็บเลือดที่หายไป แตกเป็นเสี่ยงๆ

 

ขณะเดียวกัน ปราณกำลังภายในที่ราวกับชั้นกระจกใสก็หดกลับคืน

 

เพื่อหยุดการโจมตีนี้ ฉินเฟิงต้องยอมจ่ายถึง1/10ของกำลังภายใน

 

“หือ?”

 

เห็นได้ชัดว่าซงจินควงไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้ เพราะยังไงซะ ฉินเฟิงก็เป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล D1 ซงจินควงจึงใช้ออกด้วยกำลังภายใน1/20 เพื่อโจมตี ซึ่งเท่ากับกำลังภายในของผู้ใช้พลังเลเวล D1 พอดิบพอดี … อันที่จริงแค่นี้สมควรเพียงพอแล้วมิใช่หรือ?

 

ไม่คาดฝันเลย ว่าปราณกำลังภายในของฉินเฟิงกลับยังไม่ถูกทำลายลง

 

“หึ น่าสนใจดีนี่ แต่ถ้านั่นเป็นไพ่ใบเดียวในมือเจ้าแล้วล่ะก็ ฉินเฟิงเอ๋ย เจ้าประเมินข้าต่ำไป!”

 

ซงจินควงเร่งเร้ากำลังภายในอีกครั้ง

 

ในช่วงเวลาเดียวกัน แมกมาอันแรงแรงก็พลันปะทุขึ้นจากพื้นทราย!

 

พลังสมาธิของฉินเฟิงลุกโหม

 

“เสาแมกมา!”

 

ตูม!

 

ปฐพีสั่นสะเทือน แตกร้าว แยกออกจากกัน ตามต่อด้วยเพลิงหนืดทะลักออกมา

 

ซงจินควงจำต้องหยุดฝีเท้าลงชั่วคราว เบี่ยงกายหลบเลี่ยงการโจมตีนี้ พอพ้นก็หันกลับมา เตรียมไล่ล่าฉินเฟิงอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม อาศัยจังหวะดังกล่าว ฉินเฟิงสามารถทิ้งระยะห่างไปได้ไกลกว่า 100 เมตรแล้ว!

 

สีหน้าของซงจินควงกลายเป็นมืดมน ผมขาวลุกชัน กำลังภายในเดือดพล่าน เร่งความเร็วสูงสุดอีกครั้ง

 

“เทคนิคก้าวมังกร!”

 

อันที่จริงฉินเฟิงไม่ต้องการใช้งานเทคนิคก้าวมังกร เพราะมันค่อนข้างสูบกำลังภายใน สถานการณ์ในปัจจุบัน สมควรเก็บกำลังภายในเอาไว้ต่อต้านซงจินควงจะเป็นการดีที่สุด

 

อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถทิ้งระยะห่างได้ เรื่องการต่อต้านคงไม่ต้องกล่าวถึง

 

หนึ่งไล่ล่าหนึ่งวิ่งเตลิด พลังสมาธิของถูกเฟิงถูกเร่งเร้าอย่างต่อเนื่อง

 

“เทคนิคมังกรไฟ!”

 

กรรรร!

 

ทว่าซงจินควงไม่คิดหลบซ่อน เขาเลือกที่จะทะยานเข้าหามันเพื่อตัดผ่านเส้นทางโดยตรง มิให้เสียเวลา

 

“ข้าจะรอดูว่าเจ้ายังมีอะไรงัดออกมาได้อีก!” ซงจินควงหัวเราะดุร้าย

 

“กรงเล็บโลหิต!”

 

ซงจินควง ฟาดฝ่ามือโจมตีอีกครั้ง

 

ปัง!

 

ปราณกำลังภายในรอบกายของฉินเฟิง สั่นไหวอีกครา มวลน้ำกำลังภายในอีกส่วนถูกสูบจนแห้งเหือดทันที

 

“ร่างทรงนกยูง!”

 

ร่างเงานกยูงเพลิงลุกโหม

 

ปราณกำลังภายในของซงจินควงถูกเทคนิคเปลวเพลิง เทคนิคแล้ว เทคนิคเล่าสาดโถมเข้าใส่ มันสั่นไหวและถูกลดทอนพลังงานลงอย่างต่อเนื่อง

 

ขณะเดียวกัน พลังสมาธิของฉินเฟิงยิ่งมายิ่งใช้ออก ราวกับไม่มีวันหมด

 

“ลำแสงเปลวเพลิง!”

 

“คลื่นเปลวเพลิง!”

 

“เพลิงโลกันต์!”

 

พลังสมาธิควบคุมรูน ปลดปล่อยอบิลิตี้ออกไป ยังไม่พอ รอกระทั่งการโจมตีสลายไป รูนพวกนั้นก็จะถูกเรียกกลับคืนสู่โลกแห่งจิตสำนึกอีกครั้ง เพื่อเตรียมพร้อมแปรเปลี่ยนเป็นอบิลิตี้ใหม่ให้ฉินเฟิงใช้ออกในครั้งต่อไป

 

“เสาแมกมา!”

 

“เทคนิคมังกรไฟ!”

 

“ร่างทรงนกยูง!”

 

อบิลิตี้ไฟทั้งย่างทั้งจี่ซงจินควงไม่มีทีท่าว่าจะจบลง นี่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

 

หวือ! ในตอนนั้นเอง บางสิ่งบางอย่างถูกขว้างมาเบื้องหน้าเขา ซงจินควงฟาดฝ่ามือใส่โดยมิยั้งคิด

 

แกร๊ก! วัตถุดิสีดำที่ลอยมาประกบติดเข้ากับปราณกำลังภายในที่ปะทะเข้าใส่กัน

 

ถึงเวลานี้ ซงจินควงจึงค่อยตระหนักว่ามันคืออะไร

 

เปรี้ยง!

 

ซี่ ซี่ ซี่!

 

ประกายสีม่วงเริ่มขยายตัวลุกลาม สายฟ้าท่วมทับปราณกำลังภายใน

 

สิ่งที่ฉินเฟิงเพิ่งขว้างใส่ศัตรู จริงๆแล้วมันคือระเบิดแม่เหล็กไฟฟ้า!

 

ซงจินควงถูกโยนเข้าสู่ความอลหม่าน เขาเร่งสลัดปราณกำลังภายในทิ้งอย่างรวดเร็ว เพื่อนำสายฟ้าที่ติดตรึงบนมันออกไป ทว่าระหว่างกระบวนการ เสื้อผ้าของเขาก็พลอยถูกเผาจนไหม้ดำ บ้างเป็นรู บ้างขาดวิ่น มิอาจเห็นถึงความสง่างามดั่งที่เคยมีมาได้อีก

 

ซงจินควงโมโหแทบคลั่ง

 

แต่พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที เขาก็พบว่าฉินเฟิงที่สมควรหลบหนีไปไกล กลับปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าอย่างน่าฉงน ทั้งในมือยังมีปืนพกสีเงินกำลังหันลำกล้องใส่เขา

 

กริ๊ก!

 

เสียงลั่นไกดังขึ้น

 

จิตใต้สำนึกของซงจินควงสั่งให้หลบเลี่ยง

 

อย่างไรก็ตาม การตระหนักรู้ในครั้งนี้มันสายเกินไป แต่ช่างน่าแปลก เพราะกระสุนของฉินเฟิงนั้นไม่เหมือนกระสุนปกติ ยามยิงออกมันกลับขยายเป็นวงกว้าง

 

วินาทีต่อมา วัตถุราวกับตาข่ายสีขาวก็โถมเข้าปกคลุมเขา

 

ซงจินควงต้องการจะใช้มือเปล่าฉีกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทว่าสิ่งนั้นกลับติดหนืดบนร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว

 

“นี่มันห่าอะไร!”

 

ซงจินควงโกรธเกรี้ยว เมื่อใจสงบลงนิดหน่อย และได้เพ่งมองดูดีๆ จะพบว่าแท้จริงแล้วนี่เป็นเพียงใยแมงมุมที่ทำมาจากวัตถุดิบเลเวล F เท่านั้นเอง

 

ใช่แล้ว! นี่คือใยจากถุงเก็บใยของแม่พันธุ์แมงมุมขาเหล็กระดับราชันย์!

 

ถึงแม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นวัตถุดิบระดับต่ำ แต่ในช่วงเวลาสำคัญ เห็นได้ชัดว่ามันมีประโยชน์เป็นอย่างมาก

 

“ไอ้เด็กสารเลว ลูกเล่นเยอะนักนะ!”

 

กำลังภายในซงจินควงปะทุอย่างบ้าคลั่ง ใยแมงมุมถูกปกคลุมไปด้วยเลือดทันที และเริ่มหลอมละลาย ซงจินควงกวาดสายตามอง แต่กลับพบว่าฉินเฟิงหายไปซะแล้ว

 

ซงจินควงที่โกรธแล้ว โกรธยิ่งกว่าเดิม

 

เขาเป็นถึงเลเวล C แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากำลังถูกปั่นหัวโดยเลเวล D แบบนี้ หากเขาปล่อยให้ฉินเฟิงหนีไปได้จริงๆ ผู้อื่นไม่พาลหัวเราะเยาะจนฟันร่วงหรือไร?

 

พลังสมาธิพยายามตรวจจับถึงกลิ่นอายโดยรอบ ซงจินควงเริ่มสับฝีเท้าวิ่งอีกครั้ง

 

ปัจจุบันฉินเฟิงออกห่างมากว่า 1,000 เมตรแล้ว นอกจากนี้ ทั้งคนทั้งร่างของเขายังปกคลุมไปด้วยความมืดมิด และหายกลืนไปกับแสงสลัวในยามค่ำคืน

 

วูซซซ!

 

ฉินเฟิงหายวับไปจากที่เดิม

 

และเมื่อปรากฏกายขึ้นอีกที สภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนแปลงไป –ที่นี่คือหนึ่งในพื้นที่ของสุสานเทพสงคราม

 

ฉินเฟิงเร่งฝีเท้า มุ่งเข้าสู่ห้องฝึกยุทธ

 

เนื่องจากคราวนี้ไม่มีฉินเฟิงคอยเฝ้า สถานที่ๆไป๋หลีทำการยกระดับจึงกลายเป็นห้องฝึกยุทธแบบส่วนตัวแทน ฉินเฟิงมองเข้าไปในห้อง และพบว่าไป๋หลีกำลังหลับอยู่

 

โดยมีกล่องคริสตัลว่างเปล่าวางอยู่ข้างกายเธอ ดูเหมือนว่าแก่นพลังงานจะถูกกินไปหมดแล้ว

 

ไป๋หลียกระดับรวดเร็วเกินไปในครั้งนี้ ดังนั้นเธอจำเป็นต้องจมสู่ห้วงนิทรา อย่างน้อยก็สักพักหนึ่ง เหมือนว่าฉินเฟิงจะต้องเผชิญหน้ากับการไล่ล่าของซงจินควงเพียงลำพัง!

 

ฉินเฟิงตรงไปยังห้องฝึกยุทธ ทิ้งตัวนั่งสมาธิลงกลางห้อง

 

ทักษะลับกลืนดารา!

 

กระแสวังวนเริ่มก่อตัวขึ้นในตันเถียน ออกไล่ล่าค้นหาพลังงานที่กระจายอยู่ในห้องฝึกยุทธอย่างรวดเร็ว สูบพวกมันเข้ามา เปลี่ยนเป็นกำลังภายใน

 

เพียงระยะเวลา 5 นาทีสั้นๆ กำลังภายในที่เหือดแห้งของฉินเฟิงก็ถูกเติมเต็ม กลับสู่สภาวะสมบูรณ์ อีกครั้ง

 

ฉินเฟิงไม่กล้าอยู่ในสุสานเทพสงครามนานเกินไป เพราะหากซงจินควงหาเขาไม่พบ ไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะทำเรื่องบ้าๆอะไรไปบ้าง?

 

ในกรณีที่ซงจินควงไม่สามารถค้นหากลิ่นอายของฉินเฟิงที่นี่ บางทีเขาอาจบุกไปยังเฟิงหลีและลงมือล้างแค้นแทนก็ได้

 

นั่นคือสถานชุมชนที่ฉินเฟิงเป็นคนก่อตั้งขึ้น และปัจจุบันไม่มีใครเก่งพอจะสามารถรับมือซงจินควงได้

 

ฉินเฟิงกุมบัตรหยกเทพสงคราม ส่งตนเองออกไปอีกครั้ง

 

ไม่ถึงหนึ่งนาที ฉินเฟิงก็รับรู้ได้ถึงพลังสมาธิที่ล็อคลงบนกายตน

 

แน่นอน มิใช่ใครอื่น เป็นซงจินควง!

 

พลังสมาธิของซงจินควงไม่แข็งแกร่งนัก แต่ผู้ใช้วรยุทธโบราณก็มีวิธีติดตามศัตรูในแบบฉบับของตนเอง ขอแค่มีร่องรอยเล็กๆน้อยๆ ก็สามารถตรวจเจอได้ อย่างพวกความผันผวนของกำลังภายใน , ความปั่นป่วนของรูน ก็สามารถกลายเป็นเป้าให้พวกเขาตรวจเจอได้เช่นกัน

 

จู่ๆฉินเฟิงก็หายไป ซงจินควงออกค้นหาพื้นที่โดยรอบ และพบว่าร่องรอยของฉินเฟิงขาดไป เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกไม่ยินยอม ดังนั้นเลยไม่คิดจากไปในทันที

 

และเขาก็คิดถูกจริงๆ เพราะไม่นาน ฉินเฟิงปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง

 

ซงจินควงเริ่มสับฝีเท้าไล่สังหารอย่างบ้าคลั่ง

 

ทว่าคราวนี้ในดวงตาของฉินเฟิงเองกลับแสดงถึงความไม่ย่นย่อ มันลุกไหม้ไปด้วยความดุร้าย ในมือชักมีดกษัตริย์ครามออกมา

 

“พลุไฟสงคราม!”

 

กระบวนท่าที่สามของมีดผลาญสวรรค์ปะทุออก

 

เส้นแสงเปลวไฟ ทะลุทะลวงขึ้นสู่ฟากฟ้า กำลังภายถูกสูบออกไปอย่างรวดเร็ว

 

“ดรรชนีโลหิต!”

 

ซงจินควงไม่น้อยหน้า ระเบิดกระบวนท่ากำลังภายในอันน่าสะพรึงสวนมาเช่นกัน

 

กำลังภายในนี้ฟุ้งไปด้วยกลิ่นอายของเลือด เพียงสูดดม ก็ชวนให้ผู้คนรู้สึกคลื่นไส้

 

ฉินเฟิงเคยเห็นซงหยูเหิงใช้ดรรชนีโลหิตมาก่อนแล้ว แต่ท่าโจมตีในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่ารุนแรงกว่าคราวก่อนเป็นอย่างมาก

 

ปัง!

 

สองพลังงานปะทะเข้าใส่กัน ความผันผวนของพลังงานปะทุโหม กวาดกระจายออกไป ระลอกคลื่น

 

แต่ในตอนนั้นเอง ฉินเฟิงกลับรู้สึกได้ถึงกลิ่นเหม็นที่โชยมาตีจมูกเขา

 

“นี่มันพิษ!”