บทที่ 78 ตระกูลเสนาประกรเกิดเรื่องแล้ว

รักหวานอมเปรี้ยว

ดวงตาของส้มเปรี้ยวเบิกกว้างเล็กน้อย ในแววตามีความไม่เชื่อเจือปนอยู่

ไม่นึกว่าเขาจะยอมรับ

เขาจีบมายมิ้นท์อยู่จริงๆเหรอ?

ไม่ต้องบอกว่าส้มเปรี้ยวตกใจขนาดไหน เกศวดีกับขนมผิงก็ตกใจมากเช่นกัน

เกศวดีมองทามทอยราวกับมองคนโง่เขลา

ทั้งๆที่มาจากตระกูลที่มีอำนาจและอิทธิพลเหมือนกัน แต่ในใจของเกศวดีกลับดูถูกทามทอยมากๆ ไม่นึกว่าจะชอบผู้หญิงที่หย่ามาแล้ว

นี่มันช่างทำให้คนรุ่นหลังของตระกูลที่มีอำนาจและอิทธิพลอย่างพวกเขาเสียเกียรติจริงๆ!

“คุณทามทอย คุณทำอย่างนี้ไม่แย่เกินไปเหรอคะ คุณมายมิ้นท์เธอ……” ส้มเปรี้ยวกำลังกัดริมฝีปากมองมายมิ้นท์ ราวกับมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ยากจะเอ่ยปากออกมา

มายมิ้นท์รู้สึกโมโหจนหัวเราะออกมา “คุณส้มเปรี้ยวคะ พูดต่อสิ ฉันทำไมเหรอ? คุณพูดออกมาครึ่งๆกลางๆ ปกปิดอย่างนี้ เหมือนฉันทำเรื่องอะไรที่มันน่าอับอาย คุณจึงคิดจะบอกทามทอย ความหมายนี้ใช่ไหมคะ?”

ส้มเปรี้ยวประหม่าอยู่ในใจ ยังไงก็คิดไม่ถึงว่ามายมิ้นท์จะพูดจุดประสงค์ของเธอออกมาตรงๆ จู่โจมจนเธอรับมือไม่ทัน

เธอรีบส่ายหน้าอธิบาย “ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนี้ ฉันแค่อยากบอกว่ายังไงคุณมายมิ้นท์ก็เป็นภรรยาเก่าของเปปเปอร์ คุณทามทอยก็เป็นเพื่อนของเปปเปอร์ คุณจีบคุณมายมิ้นท์มันดูไม่ดีเกินไปหรือเปล่าคะ?”

“ไม่นี่ครับ ผมรู้สึกว่าดีออก” ทามทอยยิ้มพูดขึ้น: “ถึงมายมิ้นท์จะเป็นภรรยาเก่าของเปปเปอร์ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้ว ผมจีบเธอมันก็เป็นเรื่องปกติ”

“แต่……” ส้มเปรี้ยวยังคิดจะพูดอะไรอีก

มายมิ้นท์จึงตัดบทเธอ “คุณส้มเปรี้ยวทนเห็นฉันเนื้อหอมไม่ได้ใช่ไหมคะ?”

“ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ได้……”

“ในเมื่อไม่ใช่ งั้นคุณจะห้ามไม่ให้ทามทอยจีบฉันทำไม ถ้าคุณรู้สึกว่าเพื่อนกับภรรยาเก่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวกัน งั้นฉันกับคุณที่เป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยกันล่ะคะ คุณยุ่งเกี่ยวกับสามีเก่าของฉัน ก็ไม่สมควรหรือเปล่าเอ่ย?” มายมิ้นท์กำลังมองเธอเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม

สีหน้าของส้มเปรี้ยวทั้งแดงทั้งซีดไปพร้อมๆกัน ไม่พูดไม่จาแล้ว

เธอจะพูดอะไรได้?

ไม่ว่าจะพูดอะไร สุดท้ายแล้วคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายก็คือเธอ

“ดูท่าคุณส้มเปรี้ยวคงไม่มีอะไรจะพูดแล้ว งั้นเราไปกันเถอะ” มายมิ้นท์พูดกับทามทอย

ทามทอยมองส้มเปรี้ยวเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม แล้วพยักหน้าตอบรับ

เห็นๆอยู่ว่าส้มเปรี้ยวหน้าซื่อใจคด ส่วนเปปเปอร์ก็เหมือนคนไม่รู้หนังสือที่มองอะไรไม่ออกเลย ยังรู้สึกว่าเธอเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์จิตใจดีอีกต่างหาก

ไม่รู้จริงๆว่า เขาไปเอาตัวกรองที่หนาขนาดนี้มาจากไหนกันแน่

ทั้งสองคนเพิ่งจะเดินไป จู่ๆเกศวดีก็เรียกพวกเขาเอาไว้ “รอเดี๋ยว”

มายมิ้นท์หรี่ตาลง “คุณเกศวดีมีเรื่องอะไรอีกเหรอ?”

ส้มเปรี้ยวกับขนมผิงก็กำลังมองเกศวดี

เกศวดีกอดอก พูดขึ้นด้วยท่าทีหยิ่งยโส “นี่คุณมายมิ้นท์จะไม่เตรียมตัวขอโทษส้มเปรี้ยวจริงๆงั้นเหรอ?”

“ขอโทษอะไร?” มายมิ้นท์จ้องไปที่เธอ

เกศวดีคำรามออกมาด้วยเสียงเย็นๆ “คุณให้คนที่มาจีบคุณ ลักพาตัวส้มเปรี้ยว ทำร้ายส้มเปรี้ยวจนเข้าโรงพยาบาล นี่ไม่ควรจะขอโทษงั้นเหรอ?”

“อะไรนะ เธอให้คนไปลักพาตัว?” ทามทอยพูดเสียงดังด้วยความตกใจ

มายมิ้นท์ค้อนขวับใส่เขา “นายคิดว่ามันเป็นไปได้เหรอ?”

“ฉันคิดว่าเป็นไปได้!” ทามทอยพยักหน้าอย่างจริงจัง

มายมิ้นท์ยกมุมปากเล็กน้อย “ไสหัวไป!”

ทามทอยยักไหล่ ไม่แสดงความเห็นแล้ว

มายมิ้นท์ถึงได้มองไปที่ส้มเปรี้ยวกับเกศวดีอีกครั้ง “ใครบอกว่าฉันให้คนลักพาตัวคุณ?”

“ส้มเปรี้ยวบอกว่าได้ยินโจรลักพาตัวเปิดเผยออกมากับหูตนเอง ก็คือเธอที่เป็นคนสั่ง” เกศวดีตอบ

มายมิ้นท์ยิ้ม “คุณเกศวดีก็เลยเชื่อ แล้วออกหน้าเรียกร้องความยุติธรรมแทนคุณส้มเปรี้ยว ให้ธนาคารหลายแห่งหยุดให้บริการเงินกู้กับเทนเดอร์กรุ๊ปสินะคะ?”

เริ่มแรกเธอคิดว่าที่เกศวดีทำอย่างนี้ เป็นเพราะเหตุการณ์ไพ่นกกระจอกคราวก่อน

จนกระทั่งเมื่อกี้ที่ได้เห็นเกศวดีเดินอยู่ข้างกายของส้มเปรี้ยว จึงยับยั้งการคาดเดานี้ แล้วคิดว่าที่เกศวดีทำอย่างนี้ อาจจะเกี่ยวกับเรื่องที่ส้มเปรี้ยวถูกลักพาตัว ตอนนี้ได้ยินเกศวดีพูดขึ้นมาเอง เธอก็แน่ใจสุดๆเลย

ในแววตาของเกศวดีแสดงความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย “ไม่นึกว่าคุณจะรู้?”

ส้มเปรี้ยวกับขนมผิงก็แปลกใจมาก

มายมิ้นท์เห็นสีหน้าของทั้งสามคน จึงยิ้มอย่างเย็นชา “ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าทำเรื่องอะไรไว้ ก็อย่าทำจะดีที่สุด”

เกศวดีควบคุมอารมณ์อย่างดีแล้ว “ต่อให้คุณรู้แล้วมันจะเป็นยังไงล่ะ เทนเดอร์กรุ๊ปใกล้จบเห่แล้ว”

“งั้นเหรอ?” มายมิ้นท์เอียงหัว “เพื่อคุณส้มเปรี้ยว คุณเกศวดีจึงลงมือจัดการฉันด้วยตัวเอง มิตรภาพนี้ ทำให้ฉันซาบซึ้งจริงๆนะคะ เพียงแต่คุณเกศวดีคิดว่าเทนเดอร์กรุ๊ปจะล้มจริงๆเหรอ? ฉันไม่คิดนะ ฉันคิดว่าที่ใกล้จะจบเห่น่ะ คงเป็นตระกูลเสนาประกรของคุณมากกว่า”

ม่านตาของเกศวดีหดตัวเล็กน้อย แต่ก็กลับมาสงบนิ่งอย่างรวดเร็ว “คุณมายมิ้นท์กำลังพูดเล่นอยู่หรือไง?”

“เธอคงไม่ได้กำลังพูดเล่นหรอก จงใจแหย่ให้พวกเราหัวเราะน่ะสิ ความเป็นอยู่ของตระกูลเสนาประกรเป็นยังไง จบไม่จบเธอเป็นคนตัดสินใจที่ไหนล่ะ?” ขนมผิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหยียดหยาม

ส้มเปรี้ยวก็มองมายมิ้นท์อย่างไม่เห็นด้วย “คุณมายมิ้นท์ คำพูดอย่างนี้ไม่ควรพูดมั่วๆนะคะ”

“ผมกลับรู้สึกเหมือนเธอไม่ได้พูดมั่วนะ” จู่ๆทามทอยก็เอ่ยปาก กำลังมองมายมิ้นท์ด้วยสายตาลึกซึ้ง

น้ำเสียงที่มั่นใจของมายมิ้นท์ ทำให้เขาสัมผัสได้ว่า เธอไม่น่าจะพูดเรื่อยเปื่อย

เป็นไปได้ว่าตระกูลเสนาประกรคงเกิดเรื่องแล้วจริงๆ ที่ไม่รู้ ก็คือเธอไปรู้ข่าวมาจากที่ไหน

“ทามทอย คุณคิดว่าเธอพูดจริงงั้นเหรอ?” เกศวดีชี้ไปที่มายมิ้นท์ มองทามทอยอย่างไม่พอใจ

ทามทอยกำลังจะเอ่ยปาก แต่มายมิ้นท์กลับแย่งพูดขึ้นมาก่อน “จริงหรือไม่ อีกไม่นานพวกคุณก็จะได้รู้แล้ว ฉันแค่หวังว่าเวลานั้น มิตรภาพของพวกคุณจะยังดำเนินต่อไปนะคะ”

พูดจบ เธอก็ยิ้มเยาะ แล้วแสดงท่าทีให้ทามทอยพาเธอออกไป

เท้าของเธอ ปวดจนแทบจะไร้ความรู้สึกแล้ว

พวกส้มเปรี้ยวสามคนก็ไม่ได้ขวางพวกเขาไว้อีก

เกศวดีก้มหน้า กำลังคิดอะไรบางอย่าง

ขนมผิงคล้องแขนของส้มเปรี้ยว มองด้านหลังของทั้งสองคน “เชอะ พูดเป็นจริงเป็นจัง ใครจะเชื่อ”

“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว คุณมายมิ้นท์อาจจะโมโหที่บริษัทเกิดเรื่อง ก็เลย……”

เธอยังพูดไม่จบ จู่ๆเสียงมือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

วินาทีนั้นที่เกศวดีได้ยินเสียงมือถือของตนเอง ก็รู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก

เธอหยิบมือถือออกมา ตอนที่เห็นเบอร์ปลายสายที่หน้าจอ ในใจก็เต้นตึกตัก

“แม่คะ มีอะไรหรือเปล่า?”

“เกศวดี แกอยู่ไหน ยังอยู่ที่เมืองเดอะซีหรือเปล่า?” ในโทรศัพท์ เสียงผู้หญิงร้อนรนแพร่เข้ามา

ความกระวนกระวายในใจของเกศวดีเข้มข้นมากขึ้น “ใช่ค่ะ เกิดอะไรขึ้น?”

“เกิดอะไรขึ้น แกยังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” เพียงครู่เดียวผู้หญิงคนนั้นก็ร้องไห้ออกมา ในเสียงร้องไห้มาพร้อมกับการตำหนิด้วยความโมโห “แกก่อเรื่องใหญ่แล้ว ที่บ้านได้รับรายงาน บอกว่าในครอบครัวมีลูกหลานเข้าไปแทรกแซงการดำเนินงานของรัฐบาล ตอนนี้พ่อแกโดนพาตัวไปสอบวินัย บรรดาลุงๆของแกก็โดนสั่งพักงานเพื่อตรวจสอบอย่างถึงที่สุด”

“อะไรนะคะ?” เกศวดีสีหน้าเปลี่ยนไป มือเท้าเย็นเฉียบ ในหัวนึกถึงคำพูดพวกนั้นที่มายมิ้นท์บอกเอาไว้ทันที ร่างกายสั่นเทิ้ม

ไม่คิดว่าจะจริง!

ตระกูลเสนาประกรเกิดเรื่องจริงๆ!

“เกศวดีฉันจะบอกแกไว้เลยนะ ถ้าตระกูลเสนาประกรล้ม แกอย่าโทษที่พวกฉันไม่รู้จักลูกสาวอย่างแก” ผู้หญิงคนนั้นพูดจบ ก็ตัดสายทันที

เกศวดีกำลังถือมือถือด้วยความงุนงง ในหัวว่างเปล่า

ส้มเปรี้ยวกับขนมผิงสบตากัน

สีหน้าของส้มเปรี้ยวแสดงความเป็นห่วง ถามขึ้นอย่างอ่อนโยน: “คุณเกศวดี เป็นอะไรไปคะ?”

เกศวดีได้ยินเสียงของเธอก็มีสติกลับมา นึกถึงที่ตระกูลเสนาประกรเกิดเรื่อง ล้วนแต่เป็นเพราะตนเองที่ช่วยเธอสั่งสอนมายมิ้นท์

ในทันที เกศวดีก็โยนความผิดทั้งหมดไปที่ส้มเปรี้ยว พูดขึ้นด้วยสีหน้าโหดร้าย: “ส้มเปรี้ยว แค่หวังว่าสุดท้ายแล้วตระกูลเสนาประกรจะไม่เกิดเรื่องอะไร ไม่งั้นฉันจะไม่ปล่อยเธอไปเด็ดขาด!”

ทิ้งท้ายเอาไว้อย่างนี้ เกศวดีก็เดินชนส้มเปรี้ยว แล้วออกไปจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว

เธอต้องรีบกลับเมืองน้ำรุ้ง เพื่อไปยอมรับผิดกับพวกคุณปู่

ไม่งั้น เธอคงจบเห่จริงๆแล้ว

“ส้มเปรี้ยว ทำยังไงดี มายมิ้นท์พูดถูก ครอบครัวคุณเกศวดีเกิดเรื่องแล้ว” ขนมผิงโดนเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโจมตีเข้ามาไม่เบาเลย จึงถามส้มเปรี้ยวด้วยความร้อนรน

ส้มเปรี้ยวถูๆหัวไหล่ที่เจ็บจากการถูกชน ก้มหน้ากัดปาก ปกปิดแววตาที่ไม่สบายใจและลนลานเอาไว้ ไม่ได้ตอบกลับไป