ตอนที่ 417 อวี๋หมิงหลัน
ภายในใจของอันหลิงเกอรู้สึกสะท้านขึ้นมาเพราะเดิมทีคิดว่าระหว่างนางกับเขาแค่รวมพลังกันต้านศัตรูก็พอแล้ว คาดมิถึงว่าจักมีทั้งศึกภายนอกและศึกภายในเช่นนี้
อวี๋หมิงหลันผู้นี้แตกต่างจากชายารองและสนมในจวนเพราะมีสายสัมพันธ์วัยเด็กกับเขา แน่นอนอันหลิงเกอมองออกว่ามู่จวินฮานใจอ่อนและมีความรู้สึกพิเศษต่ออีกฝ่าย
ฟ้าค่อย ๆ มืดมิด ปี้จูเองก็รู้สึกง่วงนอนแต่ยังฝืนถ่างตาเฝ้าเรือนของอวี๋หมิงหลันเอาไว้
ในที่สุดก็เห็นมู่จวินฮานเดินเข้าไปในเรือนของอวี๋หมิงหลัน ในสายตาของปี้จูคือทั้งคู่คงกำลังแสดงความรักมากมายต่อกันเป็นแน่
เช้าวันต่อมา หลังมู่จวินฮานออกจากเรือนของอวี๋หมิงหลัน มินานก็ได้รับข่าวที่ว่าพระชายาโดนวางยาพิษ เขาจึงรีบร้อนไปที่เรือนฝูหลิงและเมื่อเห็นใบหน้าซีดขาวของอันหลิงเกอ สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมทันทีพร้อมสั่งให้ตรวจสอบโดยเร่งด่วน
“รายงานท่านอ๋อง พิษที่พระชายาได้รับคือสารหนู ข้าน้อยตรวจสอบสิ่งที่พระชายาทานเมื่อวานนี้แล้วก็พบว่ามีพิษอยู่ในซุปรังนกขอรับ” หมอหลวงหลิวคุกเข่าที่ด้านหน้าของมู่จวินฮานพร้อมรายงานอย่างละเอียด
“รังนก ! ” ปี้จูได้ยินก็ตกใจทันที “รังนกนั้นเป็นของที่อวี๋กู่เหนียงนำมาจากชายแดนเจ้าค่ะ ! ”
น้ำเสียงของปี้จูสะอึกสะอื้น มิรอให้มู่จวินฮานเอ่ยถามนางก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้เขาฟังทันที
“ท่านอ๋อง ตอนนี้พระชายายังมิได้สติ ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับพระชายานะเจ้าคะ”
อวี๋หมิงหลัน ปี้จูและหมิงซินคุกเข่าอยู่ที่เบื้องหน้าของมู่จวินฮาน
มู่จวินฮานรู้สึกปวดศีรษะมิน้อย เหตุใดหมิงหลันต้องวางยาอันหลิงเกอด้วย
“เด็กเด็ก ! ” เขามิสามารถแก้ต่างให้อวี๋หมิงหลันได้และคนในจวนก็กำลังเฝ้ามองอยู่ เขาจึงทำได้เพียง…
“ท่านอ๋องเจ้าคะ ! ” เป็นเสี่ยวชุ่ยที่หมอบลงไปที่ด้านหน้าของมู่จวินฮาน “เป็นบ่าวเองที่ทำร้ายพระชายา เรื่องนี้มิเกี่ยวกับคุณหนูอวี๋ ท่านอ๋องได้โปรดให้ความเป็นธรรมด้วยเจ้าค่ะ”
เดิมทีมู่จวินฮานก็มิเชื่อว่าอวี๋หมิงหลันจักกล้าทำร้ายอันหลิงเกอ แต่เรื่องนี้มีข้อสงสัยมากเกินไป
“ท่านอ๋อง เรื่องนี้มิเกี่ยวกับเสี่ยวชุ่ย เป็น…เป็นข้าน้อยเองเจ้าค่ะ” อวี๋หมิงหลันที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดเอ่ยขึ้น นางจักปล่อยให้เสี่ยวชุ่ยลำบากได้อย่างไร
มู่จวินฮานกำหมัดแน่นแล้วมองสบตากับอวี๋หมิงหลัน “นำตัวเสี่ยวชุ่ยไปประหาร ! ”
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการเกิดใหม่ บุปผาพากันผลิบาน ต้นท้อที่อยู่ริมหน้าต่างกำลังแตกยอด ทว่ายามนี้สาวงามนางหนึ่งกลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
หลันเอ๋อเห็นสายตาของอวี๋หมิงหลันค่อย ๆ เบนจากกิ่งของต้นท้อไปที่เรือนฝูหลิงแล้วคิ้วขมวดเล็กน้อยแววตาก็เข้มขึ้น นางจึงรู้ได้ทันทีว่าเวลานี้อวี๋หมิงหลันกำลังคิดสิ่งใดอยู่
ในใจของหลันเอ๋อแล้วอีกฝ่ายเป็นเจ้านายที่ดีมาก นิสัยอ่อนโยนเช่นเดียวกับความงาม อีกทั้งเป็นคนที่มีเมตตา ตอนนี้หลันเอ๋อถูกส่งมาและแม้นางจักทำงานได้ดี ทว่าอวี๋หมิงหลันก็ยังนึกถึงเสี่ยวชุ่ยอยู่เสมอ
“กู่เหนียงอย่าทุกข์ใจไปเลยเจ้าค่ะ ความรู้สึกที่ท่านอ๋องมีต่อกู่เหนียงนั้นคนทั้งจวนก็รู้กันดี แม้ท่านอ๋องและพระชายาร่วมกันฝ่าฟันความลำบากมามากแต่ก็มิสามารถขวางกู่เหนียงหากท่านต้องการอยู่ในจวนนี้ได้เจ้าค่ะ ! ” หลันเอ๋อพูดปลอบอย่างระวังถ้อยคำ เพราะนางเป็นสาวใช้ของจวนอ๋องมิใช่คนของอันหลิงเกอ
อวี๋หมิงหลันรู้สึกผิดหวัง เวลาผ่านไปทุกสิ่งทุกอย่างก็ย่อมเปลี่ยนตาม นึกมิถึงว่ากลับมาอีกครั้งข้างกายของเขาจักมีอันหลิงเกอมาแทนที่นางเสียแล้ว
“หลันเอ๋อ ได้เวลาไปทำความเคารพพระชายาแล้ว” อวี๋หมิงหลันคลายคิ้วที่ขมวดออก ก่อนค่อย ๆ เคลื่อนไหวอย่างสง่างาม หลันเอ๋อก็รีบเดินตามไปเช่นกัน
นับตั้งแต่อวี๋หมิงหลันเข้ามาอยู่ในจวน เช่อเฟยทั้งสองราวกับเฝ้ามองว่าอันหลิงเกอกับอวี๋หมิงหลันใครจักเป็นผู้พลาดพลั้งก่อนจึงมิมีผู้ใดออกมาสร้างปัญหาอีก
เดิมทีอันหลิงเกอคิดว่าคงสบายใจขึ้น แต่คาดมิถึงว่าอวี๋หมิงหลันผู้นี้ร้ายกาจมิเบา !
อวี๋หมิงหลันเดินมาที่เรือนฝูหลิง แต่ยังมิทันเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงตำหนิดังขึ้นมา จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้แผ่วเบา น้ำเสียงของหมิงซินอ่อนโยนขึ้น ปี้จูเองก็ร้องไห้เบา ๆ และสะอึกสะอื้นรับผิดโดยมิกล้าโต้เถียง
“กู่เหนียง เสียงเหมือนเป็นสาวใช้ข้างกายของพระชายา พี่ปี้จูและพี่หมิงซินเจ้าค่ะ” หลันเอ๋อกระซิบที่ข้างหูของอวี๋หมิงหลัน
อวี๋หมิงหลันพยักหน้าน้อย ๆ นางเองก็ฟังออกเช่นกัน
“ไปดูกันเถิด” อวี๋หมิงหลันเดินไปตามที่มาของเสียงนั้น
หลันเอ๋อเห็นเช่นนั้นก็ทำได้เพียงเดินตามไป แต่ภายในใจมิเห็นด้วยอย่างยิ่ง เรื่องเช่นนี้ทำเป็นมิรู้มิเห็นจักดีกว่าเพราะหากมิระวังอาจเกิดเรื่องขึ้นก็เป็นได้
“ข้ามิได้ตั้งใจจริง ๆ ท่านปล่อยข้าไปสักครั้งเถิด”
น้ำเสียงขลาดกลัวพร้อมเสียงร้องไห้ทำให้อวี๋หมิงหลันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“เกิดอันใดขึ้น ? ” อวี๋หมิงหลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคล้ายกำลังปลอบคนอยู่ก็มิปาน
“คำนับอวี๋กู่เหนียง” ปี้จูและหมิงซินรีบคำนับอวี๋หมิงหลัน
มิรอให้อวี๋หมิงหลันเอ่ยถามอีก ปี้จูก็พูดทันที “หมิงซิน เรื่องนี้เราค่อยคุยกันใหม่”
ปี้จูนั้นมีไหวพริบมิน้อยจึงรีบแก้สถานการณ์ หลังจากเข้ามาอยู่ในจวนอ๋อง นางกับหมิงซินก็กลายเป็นคนของตำหนักพระชายา แม้ปกติพวกนางมิได้มีอันใดบาดหมางกัน ทว่าการโต้เถียงวันนี้กลับถูกอวี๋หมิงหลันเห็นเข้า ปี้จูจึงรู้สึกมิสบายใจ
เมื่อเห็นสาวใช้ทั้งสองคนมิชอบตนเช่นนี้ อวี๋หมิงหลันจึงมิได้อยู่ต่ออีก แต่เปลี่ยนเป็นเดินเข้าไปในเรือนแทน
ร่างกายของอันหลิงเกอดีขึ้นบ้างแล้วแต่เมื่อนึกถึงอวี๋หมิงหลันก็ยังรู้สึกแค้นใจมิหาย และตอนนั้นเองอวี๋หมิงหลันก็เดินเข้ามาในเรือนฝูหลิงเพื่อมาถวายการคำนับต่อนาง
เรื่องโดนพิษครั้งนี้อันหลิงเกอก็รู้ดีว่าอาจมิเกี่ยวกับอวี๋หมิงหลันก็เป็นได้
อีกฝ่ายเพิ่งเข้ามาในจวนแล้วจักทำเช่นนั้นไปเพื่ออันใดกัน ?
ที่นางมิอธิบายเรื่องนี้เพราะอวี๋หมิงหลันมิธรรมดา แต่ถ้าสามารถใช้เรื่องนี้เพื่อขับอีกฝ่ายออกจากจวนได้ย่อมเป็นเรื่องดี
ปกติอันหลิงเกอมิได้ระมัดระวังตัวเช่นนี้ นางได้กลายเป็นคนใจแคบไปเสียแล้ว แต่นางมิได้สังเกตว่าจิตใจของตนได้เปลี่ยนไป
อวี๋หมิงหลันมาถึงก็คำนับให้อันหลิงเกอ
ทั้งคู่มีท่าทีเย็นชาต่อกัน อันหลิงเกอมีท่าทีมิแยแสแต่มิถึงขั้นทำให้อวี๋หมิงหลันดูแย่มากนัก ส่วนอวี๋หมิงหลันยังมีท่าทีอ่อนโยนนุ่มนวลเช่นเดิม
“ใช่สิ พระชายาเจ้าคะ ได้ยินว่าในจวนนี้ยังมีสตรีอีกสามท่าน มิทราบว่าสามารถพาหมิงหลันไปพบพวกนางได้หรือไม่เจ้าคะ ? ” อวี๋หมิงหลันเอ่ยถามขึ้นมา
อันหลิงเกอมิรู้ว่าภายในใจเกิดอันใดขึ้น ราวกับนางมิได้ใจกว้างเช่นเดิมอีกแล้ว เมื่อเห็นอวี๋หมิงหลันก็ทำให้นางอดโมโหทุกที
“หืม ? ”
“ได้ยินว่าพี่สาวเป็นคนใจกว้าง ทั้งยังดีต่อทุกคนในจวนเป็นอย่างมาก เหตุใดจึงเย็นชาต่อหมิงหลันเช่นนี้เจ้าคะ ? หมิงหลันก็อยากจะพบปะคนอื่นเพื่อเรียนรู้บ้างเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินนางเอ่ยถึงสตรีคนอื่น ความมิพอใจที่อันหลิงเกอเพิ่งกดเอาไว้ก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
จงใจยั่วยุข้าหรือ !
ต่อให้อันหลิงเกอมิพอใจเช่นไร ทว่าต่อหน้าอวี๋หมิงหลันก็ยังต้องแสดงบทพระชายาออกมา “เจ้าก็เข้ามาอยู่ในจวนสักพักแล้ว ตอนนี้ถือเป็นเจ้านายคนหนึ่ง เจ้ายังมิรู้กฎเกณฑ์ของจวนอีกหรือ ? ”
อวี๋หมิงหลันตกใจกับคำตำหนินี้มิน้อยและเมื่อโดนพระชายาตำหนิ นางจึงลุกขึ้นรับฟังอย่างสงบ
“อวี๋กู่เหนียง ภายในจวนอ๋องให้ความสำคัญเรื่องศักดิ์และฐานะ อำนาจของลำดับชั้นมิใช่สิ่งที่ล่วงเกินได้” อันหลิงเกอตั้งใจทำให้อวี๋หมิงหลันลำบากใจ นางจึงเอ่ยตำหนิออกมาโดยไร้ความสงสารแม้แต่น้อย อวี๋หมิงหลันเองก็มิสามารถโต้เถียงได้จึงทำได้เพียงนิ่งฟังเท่านั้น
ภายในเรือนฝูหลิงจึงมีเพียงเสียงตำหนิของอันหลิงเกอลอยออกมา มู่จวินฮานกลับมาจากวังหลวงและจัดการงานราชการเสร็จก็รู้สึกเหนื่อยล้า เขาอยากไปเจอหน้าอันหลิงเกอจึงมิได้ให้ผู้ใดไปแจ้งและต้องการไปที่เรือนฝูหลิงด้วยตนเอง