ตอนที่ 416 ไปตามเทียบเชิญ
มีหรือที่มู่จวินฮานสามารถปิดบังอันหลิงเกอได้ ?
เขาเพิ่งก้าวออกนอกจวน นางก็ตามออกมาเสียแล้ว
“ที่ข้าเชิญท่านอ๋องและพระชายามาในวันนี้เพราะมีเรื่องหนึ่งต้องการแจ้งให้ทราบ ถือเป็นการชดเชยที่หอสดับพิรุณมิสามารถช่วยเรื่องพิษหนอนกู่ได้”
หืม ? ไป๋หลี่เฉินคิดชดเชยให้จริงหรือ ?
อันหลิงเกอรู้สึกว่าน่าขันเสียจริง แต่ประโยคต่อมาของไป๋หลี่เฉินกลับทำให้นางถึงขั้นยิ้มมิออก
“ได้ยินว่าอ๋องมู่มีคนรักที่เติบโตมาด้วยกันคนหนึ่ง นางมีนามว่าอวี๋หมิงหลันใช่หรือไม่ ? ”
คนรักที่เติบโตมาด้วยกันน่ะหรือ ?
อันหลิงเกอมิเคยทราบเรื่องนี้มาก่อน แน่นอนว่าชาติที่แล้วนางก็มิรู้เรื่องนี้เช่นกัน
“ข้านึกว่าประมุขไป๋หลี่จักสนใจแค่เรื่องใหญ่เท่านั้น นึกมิถึงว่าจักสนใจเรื่องส่วนตัวของข้าด้วย”
อันหลิงเกอมองออกว่าสีหน้าของมู่จวินฮานเปลี่ยนไป
“ตอนนี้อวี๋กู่เหนียงกำลังเดินทางมายังเมืองจิง ได้ยินว่ากำลังมุ่งหน้าไปจวนอ๋องมู่ มิทราบว่าท่านอ๋องทราบเรื่องนี้หรือไม่ ? ”
เรื่องนี้มู่จวินฮานยังมิทันได้บอกอันหลิงเกอเพราะเป็นเรื่องที่เขาเองก็เพิ่งทราบระหว่างทางกลับมาเมืองหลวงเช่นกัน
เพียงแต่ตอนนี้ออกมาจากปากของไป๋หลี่เฉินแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด
“คำนวณแล้วตอนนี้คงถึงแล้วกระมัง” ไป๋หลี่เฉินยังพล่ามมิหยุด แต่สีหน้าของอันหลิงเกอดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
เดิมทีพวกนางคิดว่าที่ไป๋หลี่เฉินเชิญมาพบเพราะต้องการคุยเรื่องพิษหนอนกู่ แต่คาดมิถึงว่าจักกลายเป็นเรื่องไร้สาระเช่นนี้ได้ !
อันที่จริงเรื่องนี้ถือเป็นหนามทิ่มแทงใจอันหลิงเกอก็ว่าได้
ระหว่างทางสองสามีภรรยาต่างมิมีผู้ใดพูดสักคำ สถานการณ์ในตอนนี้ช่างน่าอึดอัดยิ่งนัก
พอกลับถึงจวน อันหลิงเกอก็ได้พบกับคนที่นางยากจักลืมชื่อได้
อวี๋หมิงหลัน
เมื่อครู่นางได้ยินไป๋หลี่เฉินเล่าว่าในอดีตมู่จวินฮานมีคนรักที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กชื่อว่า หมิงหลัน เดิมทีนางเป็นบุตรีของอัครมหาเสนาบดีและมีจิตใจดีเปี่ยมเมตตา แต่เพราะความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับมู่จวินฮานมากเกินไปจึงทำให้โดนฮ่องเต้ส่งไปอยู่ชายแดน
ตอนนี้นางจึงมิคิดว่าจักได้พบอวี๋หมิงหลันเข้าให้
อันหลิงเกอก้าวไปด้านหน้า มิได้ใส่ใจท่าทางนอบน้อมแต่ใบหน้าแฝงไว้ด้วยความริษยาของอีกฝ่าย
มู่จวินฮานที่เดินตามเข้ามายังมองมิเห็นอวี๋หมิงหลันที่กำลังย่อตัวลงคำนับเล็กน้อย ทว่าเพราะยืนนานจึงทำให้ขาเกิดความชาจนซวนเซไปชนอันหลิงเกอเข้าให้ ดีที่สาวใช้ของหมิงหลันเข้ามาช่วยประคองไว้ได้ทัน
“พระชายา ด้านข้างนี้เป็นสาวใช้ของอวี๋กู่เหนียง มีนางว่าเสี่ยวชุ่ยเจ้าค่ะ”
มู่จวินฮานเห็นดังนั้นก็ใจอ่อนจึงยื่นมือไปประคองอวี๋หมิงหลันโดยมิรู้ตัว
อวี๋หมิงหลันและมู่จวินฮานเติบโตมาด้วยกัน เป็นคนรักของกันและกันตั้งแต่เด็ก นางจึงเข้าใจมู่จวินฮานดีกว่าผู้ใด เมื่อเห็นเขาชักมือออกจากข้อมือของตน ดวงตานางก็เข้มขึ้นทันที
“เกอเอ๋อ หมิงหลัน พวกเจ้าเป็นอันใดหรือไม่ ? บิดาของหมิงหลันเพิ่งเสีย ตอนนี้นางจึงขอมาอยู่ที่จวนชั่วคราวเท่านั้น” มู่จวินฮานมิใช่คนที่ไร้เหตุผล เพียงแต่ตอนเด็กอวี๋หมิงหลันเคยช่วยเขาไว้ บุญคุณนี้เขามิอาจหลงลืมได้
คำพูดของมู่จวินฮานคล้ายกำลังเข้าข้างอวี๋หมิงหลันและอันหลิงเกอก็รับรู้ได้ทันที
“มิเป็นอันใดหรอก เพียงแต่ข้าน้อยมิรู้กฎของจวนอ๋อง พระชายาจึงได้แนะนำก็เท่านั้นเจ้าค่ะ” อวี๋หมิงหลันกล่าวออกมาราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อย สตรีผู้นี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
ทั้งที่อันหลิงเกอยังมิได้กล่าวอันใดแท้ ๆ แต่นางก็บอกว่าอันหลิงเกอกำลังแนะนำสั่งสอนกฎของจวนให้นาง ปั้นน้ำเป็นตัว ! ดูท่าคงมิได้จิตใจดีเยี่ยงหน้าตาเสียแล้ว
อันหลิงเกออดรู้สึกโมโหขึ้นมามิได้ แต่ก็มิอยากให้มู่จวินฮานต้องเหนื่อยใจเพราะเรื่องนี้ พวกนางทั้งคู่จึงมิได้กล่าวอันใดออกมาอีก มู่จวินฮานเองก็มิได้ถามต่อ
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ช่างมันเถิด” มู่จวินฮานยิ้มออกมาเล็กน้อย “ดูเวลาแล้วคงใกล้ถึงมื้ออาหารกลางวัน เราไปที่เรือนของเกอเอ๋อกันเถิด”
“แล้วแต่ท่านอ๋องเจ้าค่ะ…” อวี๋หมิงหลันกล่าวมิทันจบก็เกิดซวนเซขึ้นมาอีกครั้ง
เหอะเหอะ ร่างกายช่างอ่อนแอเสียจริง
ครั้งนี้เสี่ยวชุ่ยมิได้ประคองนางไว้ แต่เป็นมู่จวินฮานที่เข้าไปประคองนางก่อน
“ท่านอ๋อง หมิงหลันมิเป็นไรเจ้าค่ะ แค่มึนหัวนิดหน่อยเท่านั้น คงเพราะเมื่อคืนนอนมิหลับเจ้าค่ะ” อวี๋หมิงหลันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วยกมือขึ้นนวดคลึงที่ขมับของตนเพื่อแสดงให้เห็นว่านางกำลังปวดหัว
เมื่อคืนนางรีบมาที่นี่ย่อมมิได้พักผ่อนเพียงพอ มู่จวินฮานจึงพยักหน้าให้
มู่จวินฮานคาดเดาจากเหตุการณ์ตอนที่เดินเข้ามาได้ ภายในใจก็รู้สึกสงสารอวี๋หมิงหลันมิน้อยทำให้แววตายามมองอันหลิงเกอลุ่มลึกขึ้นด้วย
นิสัยของเกอเอ๋อมิยอมคนมาแต่ไหนแต่ไรเขาเองก็รู้ดี เพียงแต่ในสายตาของมู่จวินฮานเห็นว่าอย่างไรครอบครัวของหมิงหลันก็เป็นผู้มีพระคุณในวัยเด็กของเขาจึงมิอาจปล่อยนางไปโดยมิสนใจ
อันหลิงเกอเห็นสายตาของมู่จวินฮานก็รู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดจากความเจ้าเล่ห์ของอวี๋หมิงหลัน ยิ่งเห็นอวี๋หมิงหลันซบอยู่กับอกของมู่จวินฮานก็ยิ่งรู้สึกบาดตาบาดใจ
แต่ตอนนั้นเองที่สายตาของอันหลิงเกอสะดุดเข้ากับบางสิ่งบางอย่างจนมิอาจสะกดกลั้นโทสะไว้ได้ อยู่ ๆ อันหลิงเกอก็ยื่นมือไปทางอวี๋หมิงหลันทำให้คนที่อยู่ภายในห้องโถงตกใจขึ้นมา มู่จวินฮานเห็นดังนั้นจึงเอี้ยวตัวหลบทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะ
แต่อันหลิงเกอยื่นมือไปดึงปิ่นที่ผมของอวี๋หมิงหลันออก ในขณะที่ทุกคนยังมิทันได้สตินางก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “เจ้าเพิ่งเข้ามาจวนอ๋องครั้งแรก กล้าดีอย่างไรเอาปิ่นทองที่ข้าใช้ในงานแต่งมาปักผมเช่นนี้ เจ้ามีแผนอันใดกันแน่ ! ”
เมื่อรับรู้ได้ถึงความโกรธเมื่อครู่ของมู่จวินฮาน น้ำเสียงของอันหลิงเกอจึงยิ่งดุดันมากขึ้นจนสาวใช้ในโถงพากันตัวสั่นเทา
อันหลิงเกอจักมิยอมให้ผู้ใดมากดหัวตนเด็ดขาด !
อวี๋หมิงหลันและมู่จวินฮานมองปิ่นทองรูปหงส์ท่องเก้านภาที่อยู่ในมือของอันหลิงเกอ นี่คือปิ่นที่ฮูหยินผู้เฒ่ามอบให้อันหลิงเกอและเป็นสินเดิมของท่านแม่ บริเวณตาของหงส์ฝังอัญมณีสีแดงงดงามสะดุดตา
เดิมมีเพียงฮองเฮาจึงสามารถปักปิ่นนี้ได้ แต่อันหลิงเกออาศัยเกียรติของท่านแม่และฮูหยินผู้เฒ่าจึงสามารถปักปิ่นนี้ไว้ในวันสมรส
สีหน้าของอวี๋หมิงหลันเข้มขึ้นทันที นางมิได้คิดแย่งชิงกับอันหลิงเกอ ขอเพียงภายในใจของมู่จวินฮานมีนางก็พอแล้ว นางมิเหมาะสมกับปิ่นนั้นก็จริงทว่าตอนที่เข้าจวนมาแล้วตั้งใจไปคารวะอันหลิงเกอ ภายในเรือนมิมีใครอยู่ นางบังเอิญเห็นชุดแต่งงานและปิ่นทองนี้วางอยู่จึงลองสวมโดยมิรู้ตัว
ใบหน้าของมู่จวินฮานตึงขึ้นทันที
“ปิ่นนี้…” มู่จวินฮานเอ่ยปากแล้วชะงักไปเพราะเขามิรู้ว่ายามนี้ควรกล่าวสิ่งใดออกมาดี
“พระชายาโปรดอภัยด้วย ข้าน้อยมิได้ตั้งใจ เพียงแต่เห็นปิ่นนี้สวยมากจึงลองปักดู เป็นความผิดของหมิงหลันเอง ข้าน้อยยอมรับการลงโทษเจ้าค่ะ” อวี๋หมิงหลันเข้าใจความลำบากของมู่จวินฮานดีและเพื่อมิให้ชายในดวงใจลำบากนางจึงรีบรับผิดเสียเอง
มู่จวินฮานเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกละอายใจ อยากเอ่ยปากออกมาแต่เรื่องนี้ที่จริงเขาเองก็มีส่วนผิด หากก่อนเข้าจวนเขาคุยกับหมิงหลันให้รู้เรื่องก็คงมิเป็นเช่นนี้ แต่เมื่อสบกับดวงตากระจ่างใสของอันหลิงเกอ เขาก็กล่าวมิออกเช่นกัน
อันหลิงเกอเห็นท่าทางน่าสงสารของอวี๋หมิงหลันแล้วก็โมโห กอปรกับเรื่องปิ่นทองเมื่อครู่นางก็ยิ่งรู้สึกว่าสตรีตรงหน้าเจ้าเล่ห์และร้ายกาจยิ่งนัก
เมื่อเห็นท่าทางอึกอักของมู่จวินฮาน ภายในใจของอันหลิงเกอก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา “ในเมื่อเข้ามาในจวนอ๋องแล้วอวี๋กู่เหนียงกล้าทำผิดกฎเช่นนี้ ข้าขอสั่งให้เจ้าถูกกักบริเวณเพื่อสำนึกผิดเป็นเวลา 1 เดือน”
อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นคนคุ้นเคยของมู่จวินฮาน อันหลิงเกอรู้จักเขาดีว่าหากลงโทษหนักไป เขาต้องออกหน้าพูดแทนนางแน่นอน อันหลิงเกอรู้ดีว่าสิ่งใดคือการลงโทษสถานเบาแต่ก็เป็นการตักเตือนครั้งใหญ่
“หมิงหลันน้อมรับการลงโทษเจ้าค่ะ” อวี๋หมิงหลันลุกขึ้นคำนับแล้วให้เสี่ยวชุ่ยประคองกลับไป
แค่กักบริเวณมู่จวินฮานจึงรู้ว่ามิเหมาะที่จักตามไป อันหลิงเกอฝืนยิ้มออกมาแล้วทั้งสองลงมือทานอาหารกลางวันโดยมิรู้รสชาติใดเลย
หลังมู่จวินฮานจากไปแล้วอันหลิงเกอก็กล่าวขึ้นว่า “ปี้จู เจ้าไปคอยดูที่นอกเรือนของอวี๋กู่เหนียงเอาไว้”
“เจ้าค่ะ” ปี้จูรับคำแล้วออกไปทันที
นางแค่อยากรู้ว่ามู่จวินฮานจักไปหาอวี๋หมิงหลันหรือไม่ !