ตอนที่ 415 อยากสังหารนางหรือ?
อันหลิงเกอมิได้ขัดขืน เพียงมองไปยังหัวหน้าเผ่าพร้อมเอ่ยเสียงเย็น “พวกเจ้าจักทำอันใด ? หากข้าตายแล้ว หนอนกู่ที่พวกเจ้าอยากได้นักหนาก็มิสามารถเอาออกมาได้อีก ! ”
หัวหน้าเผ่าจ้องอันหลิงเกอด้วยความเคียดแค้นแล้วบีบที่คางของนางพลางเอ่ยด้วยเสียงดุดัน “เฮอะ หนอนกู่เยี่ยงนั้นหรือ ? ตอนนี้เผ่าของข้าจักโดนสามีของเจ้าทำลายอยู่แล้ว ข้าจักเอาหนอนกู่ไปทำไมอีก ! ”
เมื่อหัวหน้าเผ่ากล่าวจบก็สะบัดมือออกอย่างแรง อันหลิงเกอเงยหน้ามองเขา ไฟโทสะในแววตาราวกับแผดเผาเขาให้มอดไหม้
แต่หัวหน้าเผ่ามิได้สนใจ “ข้าประเมินเจ้าสองคนต่ำไปจริง ๆ ตั้งแต่นี้ต่อไปพระชายามู่ต้องเปลี่ยนเป็นผู้อื่นเสียแล้ว ! ”
หลังจากสั่งให้ลูกน้องมัดตัวอันหลิงเกอเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าเผ่าก็หยิบคบไฟออกมา เมื่อเห็นท่าทางมิทุกข์ร้อนของอันหลิงเกอ เขาก็เอ่ยอย่างโมโห “มิมีผู้ใดมาช่วยเจ้าได้หรอก ! ข้าจักเผาเจ้าเดี๋ยวนี้”
เมื่อเห็นเปลวไฟที่ลุกโชน เขาก็นึกถึงความเจ็บปวดของมู่จวินฮานยามได้เห็นอันหลิงเกอถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน หัวหน้าเผ่าก็ยิ่งหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
บางทีอาจเพราะสวรรค์เมตตาจึงทำให้ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งเมื่อครู่ อยู่ ๆ ก็มีฝนตกหนักลงมาทันที พริบตาเดียวก็ดับไฟกองใหญ่จนมอดดับ
ฟ้าดินคุ้มครองนาง !
หัวหน้าเผ่าเห็นดังนั้นก็เตรียมใช้กระบี่แทงอันหลิงเกอ แต่ปรากฎห่าธนูพุ่งเข้ามาเสียก่อน
ขณะที่เขากำลังหนีก็รู้สึกว่าร่างกายอ่อนแรงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
หรือว่า…
เขาหันกลับไปจ้องอันหลิงเกอด้วยดวงตาวาวโรจน์ เพียงครู่เดียวนางก็วางยาเขาได้แล้วหรือ
เปลวไฟมิได้เผานาง แต่อันหลิงเกออาศัยเปลวไฟช่วยเผาเชือกจนขาด
ในเมื่อเผ่าหมอเทวดาถนัดเรื่องใช้พิษ นางก็จักใช้พิษในการจัดการพวกเขา !
เวลานี้มู่จวินฮานนำอันหลิงเหยียนบุกเข้ามา มู่จวินฮานเหาะเข้ามาพร้อมพุ่งกระบี่ใส่หัวหน้าเผ่าที่เห็นดังนั้นก็รีบต้านไว้ทันที
แต่ตอนนี้ตัวเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงมิอาจสู้มู่จวินฮานได้ ขณะที่มู่จวินฮานกำลังแทงไปที่หัวใจของหัวหน้าเผ่าก็ได้ยินเสียงของอันหลิงเกอร้องขึ้นมา
มู่จวินฮานจึงรีบหมุนตัวไป เห็นลูกน้องคนหนึ่งของหัวหน้าเผ่ากำลังจะใช้ดาบฟันไปที่อันหลิงเกอ พอเขาได้สติอีกครั้งหัวหน้าเผ่าก็อาศัยโอกาสนั้นหนีไปเสียแล้ว
“จวินฮาน เขาหนีไปแล้ว ! ” อันหลิงเกอรู้สึกหงุดหงิดมิน้อย หากมิใช่เพราะตนแล้วหัวหน้าเผ่าก็คงหนีมิรอด
“เจ้ามิเป็นไรก็ดีแล้ว”
อันหลิงเกอรู้สึกถึงความกังวลของมู่จวินฮานจึงกอดตอบเขา “ข้ามิเป็นไรแล้วเจ้าค่ะ”
มู่จวินฮานที่ร้อนรนเช่นนี้ อันหลิงเกอมิอาจต้านทานได้จริง ๆ ใบหน้าของนางแดงเรื่อ แต่เมื่อเขาเห็นรอยบวมแดงบนใบหน้าของนางก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
“ห้ามมีครั้งหน้าอีก ! ” มู่จวินฮานทำท่าทางขึงขัง
อันหลิงเกอก็คาดมิถึงว่าหัวหน้าเผ่าหมอเทวดาจักมิได้เข้าใจเรื่องหนอนกู่เอาเสียเลย
ดูท่าแล้วหนอนกู่คงเป็นเพียงวิชาลับที่อีกมิกี่ปีก็ใกล้จักสูญหายเป็นแน่
เมื่อคิดแล้วก็แปลกนัก แม้แต่ฟางซู่ซู่ที่เป็นคนควบคุมก็ยังมิรู้วิธีเอาออกจากร่างกาย
“ได้ได้ได้ วันหน้าข้าจักมิทำเช่นนี้อีกเจ้าค่ะ” ท่าทางที่น่ารักของอันหลิงเกอทำให้มู่จวินฮานคลายความโกรธลงได้
สุดท้ายลูกน้องส่วนใหญ่ของเผ่าหมอเทวดาก็ถูกจับจนหมด มีเพียงบางส่วนที่หนีไปได้ และหัวหน้าเผ่าก็หายไปโดยไร้ร่องรอย
หลังอันหลิงเกอและมู่จวินฮานกลับมาถึงค่าย อันอิงเฉิงก็รีบมาหาทันที เมื่อเห็นอันหลิงเกอปลอดภัยก็เอ่ยพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เกอเอ๋อ ! ”
อันหลิงเกอรู้ดีว่าครั้งนี้นางทำให้อันอิงเฉิงเป็นห่วงมิน้อยจึงรีบเดินไปหา “ลูกมิดี ทำให้ท่านพ่อต้องกังวลแล้วเจ้าค่ะ ! ”
อันอิงเฉิงน้ำตาไหลออกมา เขามิเคยรู้มาก่อนว่าบุตรีจักกล้าหาญถึงเพียงนี้ “รู้ตัวก็ดีแล้ว เจ้าเป็นเพียงสตรีและต่อไปจำไว้ว่าอย่าทำเรื่องอันตรายเช่นนี้อีก ! ”
อันหลิงเกอเห็นมู่จวินฮานมองนางด้วยสายตาเยาะเย้ยก็ถลึงตาใส่แล้วหันมาตอบกลับบิดาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าค่ะ ต่อไปลูกมิกล้าแล้ว ! ”
ในที่สุดนางก็ได้รับรู้ถึงสายใยพ่อลูกอย่างแท้จริง
ผ่านไปครู่หนึ่ง อันหลิงเหยียนก็เดินเข้ามารายงาน “เมื่อครู่เราสอบสวนจนรู้ที่ซ่อนลับของหัวหน้าเผ่า ขอท่านอ๋องได้โปรดสั่งการด้วยขอรับ ! ”
แววตาของมู่จวินฮานวาวโรจน์ขึ้นมาทันที ในเมื่อมันกล้าทำร้ายชายาของเขาก็… “ตามจับทันที ! เป็นต้องเจอคน ตายต้องพบศพ ! ”
อันหลิงเกอได้ยินก็หันไปมองมู่จวินฮาน “ข้าจักไปด้วยเจ้าค่ะ ! ”
มู่จวินฮานรู้ดีว่าชายาคนนี้มิมีทางยอมโดยง่ายเพราะนางเป็นคนที่ตาต่อตาฟันต่อฟันมาแต่ไหนแต่ไร สุดท้ายจึงตอบตกลง
…
“ฮ่าฮ่าฮ่า…คาดมิถึงว่าข้าจักแพ้ให้สตรีผู้หนึ่ง ทว่าต่อให้ตายด้วยน้ำมือพระชายามู่ ข้าก็พอใจแล้ว จักฆ่าแกงก็เอาเลย ! ” เป็นจริงดังคาดเพราะหัวหน้าเผ่าซ่อนตัวอยู่ที่นี่จริง ๆ
“ขอให้ชาติหน้าเจ้าอย่าพบข้าอีก ! ”
เมื่อกล่าวจบอันหลิงเกอก็ตวัดกระบี่ไปโดยมิลังเล
เนื่องจากเผ่าหมอเทวดาทำให้ราษฎรต้าโจวล้มตายมิน้อย คนพวกนั้นล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ !
หลังจากนั้นมู่จวินฮานและอันอิงเฉิงก็ปรึกษากันเรื่องจัดการส่วนอื่น ๆ พร้อมกลับเมืองหลวง ด้านอันหลิงเหยียนขออยู่ต่อเพื่อถอนรากถอนโคนเผ่าหมอเทวดาให้สิ้นซากและคืนความสงบสุขให้แก่เมืองเยว่เฉิง
เมื่อกลับถึงเมืองหลวง สิ่งที่รอมู่จวินฮานอยู่ก็คือรางวัลพระราชทานต่าง ๆ
ฮ่องเต้ทรงดีพระทัยเรื่องการกวาดล้างในครั้งนี้มาก ดังนั้นจึงเตรียมรางวัลสำหรับผลงานในครั้งนี้ไว้แล้วซึ่งถ้าแพ้กลับมาฮ่องเต้ก็มีแผนกำจัดมู่จวินฮานไว้แล้วเช่นกัน
ดังนั้นมิว่าแพ้หรือชนะ พระองค์ที่เป็นฮ่องเต้ก็ล้วนพอพระทัยทั้งสิ้น
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ! ”
ทันทีที่มู่จวินฮานและอันหลิงเกอกลับถึงจวนก็เห็นหลิงอวี่หนิงและทัวป๋าถิงฟางยืนรอที่หน้าประตูจวน
อันหลิงเกอส่ายหน้าอย่างเอือมระอาแล้วเตรียมเดินเข้าไปในจวน
“พระชายา เหตุใดมิรอข้าเล่า ? ”
มู่จวินฮานราวกับมองมิเห็นสองคนที่ยืนอยู่เพราะเขาเดินผ่านพวกนางไปทันที จากนั้นก็คว้าเอวของอันหลิงเกอเอาไว้
“เกอเอ๋ออยากรีบไปหาท่านย่า ท่านอ๋องพักผ่อนอยู่ที่นี่เถิดเจ้าค่ะ ! ”
อันหลิงเกอมิได้พูดเพราะหึงหวง นางแค่หยอกล้อเขาเล่นเท่านั้น มู่จวินฮานก็รับรู้ได้เช่นกันจึงส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
เขาเผลอนึกเรื่องอื่นเพียงครู่เดียวก็ถูกหลิงอวี่หนิงขวางไว้เสียแล้ว
“อวี่หนิงรู้ว่าท่านอ๋องเหนื่อยจากการเดินทางจึงให้คนตุ๋นน้ำแกงรอไว้ ครั้งนี้ทำตามกฎของจวนทุกอย่างเลยเจ้าค่ะ” หลิงอวี่หนิงเอ่ยทันที
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ส่งให้พระชายาแล้วกันเพราะนางก็อ่อนเพลียมิน้อย”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่จวินฮาน หลิงอวี่หนิงก็โมโหขึ้นมาทันที เหตุใดทุกสิ่งอย่างก็ล้วนเกี่ยวข้องกับอันหลิงเกอไปหมด !
“เจ้าค่ะ…” มาถึงเพียงนี้แล้วหลิงอวี่หนิงก็มิสามารถกล่าวอันใดได้อีกจึงทำเพียงส่งน้ำแกงไปให้อันหลิงเกอ
ด้านทัวป๋าถิงฟางเอาแต่นิ่งเงียบพลางมองเงาหลังที่จากไปของมู่จวินฮาน มิรู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่
การปราบปรามในครั้งนี้นางย่อมรู้ดีว่าอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดของแคว้นชิงเยว่โดนมู่จวินฮานทำลายลงด้วย
“เรียนท่านอ๋อง เทียบเชิญจากหอสดับพิรุณขอรับ”
หืม ?
ช่วงที่มู่จวินฮานมิอยู่จวน หอสดับพิรุณก็มิได้ส่งเทียบเชิญมาแต่อย่างใด ทว่าทันทีที่เขากลับมาเทียบเชิญนี้ก็ถูกส่งให้ทันที
ดูท่าทางแล้วด้านการข่าวของหอสดับพิรุณจักมีหูตามากมายจริง ๆ ทั้งที่เขาเพิ่งกลับถึงจวน ทางนั้นก็ได้ข่าวเสียแล้ว
‘เชิญท่านอ๋องและพระชายาร่วมสังสรรค์’
เฮอะ อยากพบหน้าเวลานี้คงมิใช่เพราะเรื่องแคว้นชิงเยว่กระมัง ?
มู่จวินฮานมิได้ปฏิเสธ แต่เขาก็ตั้งใจมิให้อันหลิงเกอไปด้วย เนื่องจากไป๋หลี่เฉินคิดเช่นไรกับพระชายาแค่ดูก็รู้แล้ว เขาย่อมมิมีทางให้ทั้งคู่ได้พบกันบ่อยครั้งเป็นแน่