เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1186 วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็ง

แปลโดย iPAT

แม้ไห่ลั่วหลันจะได้รับทรัพยากรมากมายและสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแต่นางก็ได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยมาก

จากการประเมินมันน้อยกว่าสามสิบส่วนจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทั้งหมดที่มีอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ที่นางกลืนกิน

ด้วยวิธีนี้นางสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติได้มากกว่าสิบครั้ง

นี่เป็นความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้ของไห่ลั่วหลัน!

เนื่องจากนางมีหนึ่งในสิบสุดยอดกายา ในการก้าวข้ามภัยพิบัติแต่ละครั้ง นางจะได้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมหาศาล

อย่างไรก็ตามตอนนี้นางก้าวข้ามภัยพิบัติมากกว่าสิบครั้งแต่นางกลับได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยมาก

นี่คือสิ่งที่นางสูญเสีย

แม้ภัยพิบัติจะอันตรายแต่สำหรับตัวละครที่กล้าหาญและดุร้ายเช่นไห่ลั่วหลัน นางไม่เคยเกรงกลัวต่อความยากลำบาก ตรงข้ามนางกลัวการเป็นคนธรรมดา

‘แม้ข้าจะไม่เต็มใจ แต่ข้าจะทำสิ่งใดได้ ข้าติดอยู่ใต้เหวลึกและไม่สามารถปีกขึ้นไป…’ ไห่ลั่วหลันถอนหายใจ

อิงอู๋เซี่ยสังเกตเห็นสิ่งนี้ เขาเผยรอยยิ้มอยู่ภายในขณะกล่าว “เอาล่ะ ออกเดินทางต่อกันเถอะ”

พวกเขาเดินทางผ่านอุโมงค์น้ำแข็งและเดินลึกเข้าไปในภูเขา

ในที่สุดพวกเขาก็พบกับกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่

มีหัวใจสีฟ้าอย่างน้อยหนึ่งพันดวงอยู่ภายใน

ไป่หนิงปิงไม่รู้จักสิ่งนี้

แต่ไท่เป่ยหยุนเฉิงกรีดร้อง “โอ้ สวรรค์ นี่คือหัวใจน้ำแข็ง พวกมันคือหัวใจน้ำแข็งทั้งหมด!”

การแสดงออกของไห่ลั่วหลันเปลี่ยนไปเช่นกัน “ไม่เพียงหัวใจน้ำแข็งแต่ยังมีหัวใจน้ำแข็งแฝด มันเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ด”

กระทั่งซื่อหนิวก็ยังอ้าปากค้าง “เหตุใดภูเขาหม้อหยกจึงมั่งคั่งนัก? หากผู้อมตะภาคใต้รู้เรื่องนี้ มันจะเกิดการต่อสู้แย่งชิงครั้งใหญ่!”

บนภูเขาหม้อหยกมีหมู่บ้านตระกูลอวี้ตั้งอยู่

หมู่บ้านตระกูลอวี้มีชีวิตอยู่ด้วยการพึ่งพาหินหยกและวิญญาณหยกที่อยู่บนภูเขา

พวกเขาเป็นกองกำลังมนุษย์ แม้ตระกูลอวี้จะมีผู้อมตะระดับห้าหลายคนแต่พวกเขาไม่มีผู้อมตะอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีคุณค่าให้กล่าวถึง

แต่ผู้ใดจะคิดว่าภูเขาหม้อหยกที่อยู่ภายใต้การปกครองของกองกำลังมนุษย์จะเต็มไปด้วยทรัพยากรอมตะ

อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจ “ภูเขาหม้อหยกไม่มีสิ่งใดพิเศษ ภายนอกมันดูเรียบง่ายแต่นิกายเงาของข้าพบสถานที่แห่งนี้โดยบังเอิญ หัวใจน้ำแข็งถือกำเนิดขึ้นตามธรรมชาติ เดิมทีมันมีอยู่ไม่มากนัก แต่ผู้อมตะนิกายเงาได้จัดตั้งค่ายกลวิญญาณเอาไว้เพื่อทำให้พวกมันเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว”

“ในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยให้กำเนิดวิญญาณหัวใจน้ำแข็งแต่พวกมันถูกนำออกไปแล้ว มีวิญญาณอมตะอยู่ที่นี่เช่นกัน ก่อนหน้านี้มันยังไม่พร้อมใช้งาน แต่ตอนนี้มันก่อตั้งขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ไป่หนิงปิง ไปนำมันออกมาด้วยวิธีที่ข้าสอน”

“ได้!” ไป่หนิงปิงตอบรับโดยไม่ลังเล

นางก้าวออกมาข้างหน้า

จากนั้นนางก็วางฝ่ามือไว้บนกำแพงน้ำแข็ง

มือของไป่หนิงปิงถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์

ไห่ลั่วหลันยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้

ไท่เป่ยหยุนเฉิงรู้สึกสงสาร

อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มบางขณะที่ซื่อหนิงไม่กล่าวสิ่งใด

ไป่หนิงปิงต้องอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรงขณะที่พลังงานความเย็นพุ่งเข้าโจมตีร่างกายและจิตใจของนาง

แต่นางยังนิ่งเฉย

ภายในดวงตาของนางสามารถมองเห็นความมุ่งมั่นและแน่วแน่ นางยังดื้อรั้นและเย็นชายิ่งกว่ากำแพงน้ำแข็ง

‘อดทนไว้!’

‘แม้ต้องตาย แล้วอย่างไร?’

‘ฮืม ตายเพราะถูกแช่แข็ง นี่น่าสนใจเช่นกัน’

‘นอกจากนี้นิกายเงายังต้องพบกับความยากลำบาก พวกเขากำลังต้องการกำลังคน อิงอู๋เซี่ยต้องการพลังการต่อสู้ของข้า แล้วเขาจะปล่อยให้ข้าตายเช่นนี้ได้อย่างไร?’

ดังคาด เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

กำแพงน้ำแข็งเริ่มเกิดการสั่นสะเทือนก่อนจะทวีความรุนแรงขึ้น

ไม่กี่สิบลมหายใจต่อมากำแพงน้ำแข็งเริ่มเกิดรอยแตกร้าว

กลิ่นอายของวิญญาณอมตะรั่วไหลออกมา

ไท่เป่ยหยุนเฉิงอยากช่วย

นี่คือวิญญาณอมตะที่ดุร้าย มันยากที่จะจับกุม หากพวกเขาไม่เคลื่อนไหวตอนนี้ มันอาจสายเกินไป

แต่อิงอู๋เซี่ยยังไม่เคลื่อนไหวและมองดูอยู่อย่างเงียบๆ

เมื่อเขาไม่เคลื่อนไหว ไห่ลั่วหลันและซื่อหนิงก็ไม่เคลื่อนไหว

ไป่หนิงปิงไม่สามารถขยับเขยื้อน

นางถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ อาจกล่าวได้ว่านางใกล้ตายแล้ว

แต่ในจังหวะที่นางกำลังจะตาย นางกลับดึงดูดวิญญาณอมตะออกมาจากกำแพงน้ำแข็ง

วิญญาณอมตะป่าดวงนี้บินเข้ามาหาไป่หนิงปิงอย่างช้าๆ

วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งระดับหก!

ไป่หนิงปิงตั้งสมาธิและเปิดทางเข้ามิติช่องว่างของนาง

วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งบินเข้าไปโดยตรง

เมื่อมิติช่องว่างของไป่หนิงปิงปิดตัวลง อิงอู๋เซี่ยจึงเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บของนางและดึงนางกลับมาจากขอบเหวแห่งความตาย

“ดี วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งอยู่กับเจ้าแล้ว มันไม่สามารถหลบหนี การปรับแต่งมันไม่ใช่เรื่องยาก” อิงอู๋เซี่ยปรบมือและยิ้ม

ดวงตาของไห่ลั่วหลันส่องประกายขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไป่หนิงปิงเพราะไป่หนิงปิงมีสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืด!”

“แท้จริงแล้วกลิ่นอายของสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืดมีแรงดึงดูดต่อวิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็ง ดังนั้นข้าจึงบอกให้ไป่หนิงปิงจับมันโดยไม่ต้องใช้วิธีป้องกันใดๆ วิธีนี้สามารถปลดปล่อยกลิ่นอายของสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืดออกมาได้อย่างเต็มที่” อิงอู๋เซี่ยพยักหน้าอธิบาย

“ตรงข้ามหากพลังของไป่หนิงปิงสูงเกินไป วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งจะลังเล มีเพียงช่วงเวลาที่ไป่หนิงปิงใกล้ตายเท่านั้นที่วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งจะออกมาหานางด้วยตัวมันเอง”

“เป็นเช่นนั้น” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเข้าใจในที่สุด

“นายท่านฉลาดมาก!” ซื่อหนิวผู้ภักดียกย่อง

“ฮ่าฮ่าฮ่า” อิงอู๋เซี่ยเงยหน้าหัวเราะ “นิกายเงามีทรัพยากรมากมาย การอยู่กับข้าจะทำให้พวกเจ้าได้รับประโยชน์มหาศาลเช่นเดียวกับกำแพงน้ำแข็งแห่งนี้ นิกายเงาของข้าใช้เวลาหลายพันปีในการเลียนแบบสภาพแวดล้อมและหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้”

“นิกายเงามีวิธีการบ่มเพาะมากมาย หากพวกเจ้ามีพรสวรรค์ต่ำ เราก็จะเพิ่มมัน หากพวกเจ้ามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อย เราก็จะเพิ่มมัน ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้น”

หัวใจของไห่ลั่วหลันสั่นสะท้านขึ้น

คำกล่าวสุดท้ายของอิงอู๋เซี่ยพุ่งตรงมาที่นางอย่างชัดเจน

‘คนผู้นี้สามารถเรียนรู้วิธีการเป็นผู้นำ เขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วจริงๆ’ ไห่ลั่วหลันคิด

อิงอู๋เซี่ยโบกมือ “ไปต่อ!”

ภาคเหนือ

‘ข้าก้าวข้ามภัยพิบัติน้อยเกินไป’ ฟางหยวนถอนหายใจและรู้สึกไม่มีความสุขกับเรื่องนี้

ในเวลาเดียวกันไห่ลั่วหลันกลับไม่มีความสุขที่ตนเองก้าวข้ามภัยพิบัติมากเกินไป

ฟางหยวนถอนหายใจกับผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง

หากเป็นไปได้เขาต้องการบรรลุระดับเจ็ดอย่างรวดเร็วที่สุด!

การต่อสู้ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานทำให้ฟางหยวนตระหนักถึงข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา นั่นคือระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำเกินไป องุ่นเขียวอมตะไม่เพียงพอต่อความต้องการของเขาอีกต่อไป

ในอดีตฟางหยวนสามารถควบคุมอนาคตได้ดีเพราะเขาอยู่เพียงลำพัง แต่ตอนนี้เขามีพันธมิตรมากมาย เขาไม่สามารถเพิกเฉยและไม่ให้ความช่วยเหลือพันธมิตรเหล่านั้น

และด้วยการเดินทางไปยังทะเลตะวันออก เขาตระหนักถึงการเติบโตที่รวดเร็วของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ นั่นยิ่งทำให้ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดัน

ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเสียสละศักยภาพในอนาคตและเพิ่มมความแข็งแกร่งให้กับตนเองอย่างรวดเร็วที่สุด

‘หากไม่มีปัจจุบัน แล้วจะมีอนาคตได้อย่างไร?’

‘ศักยภาพเป็นสิ่งที่ดี แต่การบ่มเพาะต้องใช้เวลา’

‘การบ่มเพาะที่ถูกต้องคือการทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ที่ได้รับจริงในปัจจุบัน’

การสูญเสียของฟางหยวนรุนแรงกว่าไห่ลั่วหลันแต่เขาไม่รู้สึกเสียใจกับความสูญเสียเหล่านั้น

‘ฮันตงก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์มาแล้วสองครั้งและภัยพิบัติพิภพอีกมากกว่ายี่สิบครั้ง แต่เมื่อข้ากลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขา ข้ากลับก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพได้เพียงสี่ครั้ง’

‘นี่เป็นเพราะมิติช่องว่างจักรพรรดิใหญ่เกินไป ผลลัพธ์ของก้าวข้ามภัยพิบัติจึงไม่ชัดเจนเช่นนั้นหรือ?’

ฟางหยวนคิดและรู้สึกว่ามิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นสาเหตุของเรื่องนี้

ผู้อมตะระดับหกต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพทุกสิบปีและภัยพิบัติสวรรค์ทุกหนึ่งร้อยปี หลังจากสามร้อยปีและผ่านภัยพิบัติสวรรค์ครั้งที่สาม พวกเขาจะกลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด

ในกระบวนการนี้ฟางหยวนก้าวข้ามไปได้เกือบหนึ่งในสามส่วน

‘ยังไม่เร็วพอ ข้าต้องเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดโดยเร็วที่สุด นอกจากความแข็งแกร่งของข้าจะเพิ่มขึ้น สถานะทางการเงินของข้าก็จะมั่งคงขึ้นเช่นกัน’

‘หากแดนศักดิ์สิทธิ์ของฮันตงยังไม่เพียงพอ ข้าก็จะกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้มากขึ้น’

‘แม้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ได้รับจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับการก้าวข้ามภัยพิบัติด้วยตัวของข้าเอง แต่ข้าสามารถประหยัดเวลาและจะก้าวข้ามอุปสรรคได้ง่ายขึ้น’

‘นอกจากนี้การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้ายังทำให้ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทั้งหมด กระทั่งมันจะสูญหายไปบ้าง ข้าก็เพียงต้องฆ่าผู้อมตะให้มากขึ้น!’

คิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น

หลังจากค้นพบข้อได้เปรียบเพิ่มเติมของมิติช่องว่างจักรพรรดิ ฟางหยวนก็ได้เรียนรู้วิธีการใหม่ในการบ่มเพาะ

วิธีการปกติทำให้เขาได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากกว่า แต่วิธีนี้ช้าเกินไป มันไม่เหมาะสมกับฟางหยวนที่เผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากทุกทิศทาง

การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ทำให้เขาสามารถยกระดับการบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็ว เมื่อระดับการบ่มเพาะเพิ่มสูงขึ้น พลังการต่อสู้ของเขาก็จะพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน นี่เป็นวิธีที่จะทำให้เขาเติบโตขึ้นได้รวดเร็วที่สุดและจะทำให้ฟางหยวนมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น!