มู่เฉียนซี “เจ้าบ้าเซี่ย ที่นี่ไม่ใช่โรงงิ้ว เจ้าหยุดก่อเรื่องวุ่นวายได้แล้ว”
เดี๋ยวก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็ก่อเรื่องวุ่นวาย เดี๋ยวก็จะผูกคอตาย นางเอือมระอาเขาจริง ๆ
เชียนอ้าวเซี่ย “เสี่ยวซีซี เราสองคนลำบากมาด้วยกันในทุ่งน้ำแข็งแห่งนั้น ตกทุกข์ได้ยากมาด้วยกัน ก้าวผ่านความตายมาด้วยกัน เพียงแค่รับประทานอาหารกับข้าสักมื้อไม่ได้เลยหรือ ?”
“ก็ได้”
เชียนอ้าวเซี่ยถอนหายใจโล่งอก เขารีบสั่งอาหารพิเศษมา อาหารเหล่านั้นไม่เพียงแต่ดูดี รสชาติยังโอชะไม่น้อยหน้าหน้าตาอาหารเลย
“เสี่ยวซีซี ลองชิมนี่ดูสิ”
“นี่ด้วย”
“นี่อีก…”
อาหารมื้อนี้เชียนอ้าวเซี่ยดูมีความสุขเป็นพิเศษ เขายิ้มไม่มีหุบปาก โชคดีที่ในห้องอาหารนี้ไม่มีใครอื่น มีเพียงเขากับนางสองคนเท่านั้น มิเช่นนั้นผู้อื่นจะมองเอาได้ว่าเจ้ารูปหล่อผู้นี้คงต้องเป็นคนโง่เง่าเต่าตุ่นผู้หนึ่ง
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังเพลิดเพลินอยู่กับอาหารในท่วงท่าสบาย ๆ เชียนอ้าวเซี่ยก็ถามอย่างอ้อมค้อม “เสี่ยวซีซี เจ้าไปที่กลุ่มนักปรุงยาพันธมิตร อีกทั้งยังไปหอการค้าอับดับหนึ่ง เจ้ามีเรื่องสำคัญอะไรรึ ?”
ประกายแสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี “เจ้าลอบสะกดรอยตามข้ารึ ?”
“ข้าเปล่าสะกดรอยตาม ข้าเพียงแค่ให้ความสนใจกับเจ้าก็เท่านั้นเอง หากเสี่ยวซีซีมีสิ่งใดให้ข้าช่วยก็บอกข้าได้เลย หากวันนั้นไม่มีเสี่ยวซีซี ข้าก็คงตายไปแล้ว ไม่ว่าเสี่ยวซีซีต้องการสิ่งใด ข้าตกลงทำให้ได้ทุกอย่าง”
“เสี่ยวซีซี ข้าจริงจังและจริงใจต่อเจ้า ไม่เชื่อเจ้าก็ลองจ้องตาข้าดูสิว่าข้าจริงใจกับเจ้ามากเพียงใด”
ดวงตาใส ๆ ราวกับผลึกน้ำแข็งคู่นั้นมองมู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้ง มู่เฉียนซีจ้องมองตาเขาก่อนจะกล่าวขึ้น “ก็ใช่ หากข้าไม่ใช้พวกเจ้าก็น่าเสียดายแย่ แต่ข้าไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไร ข้าตามหาหอเชียนอินเพื่ออยากสนทนาเรื่องการค้า… การค้าใหญ่”
“หอเชียนอิน…” ครู่หนึ่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเชียนอ้าวเซี่ย
“เสี่ยวซีซีน่าจะรีบบอกข้าตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องยุ่งยากเช่นนี้ เสี่ยวซีซีเจ้าค่อย ๆ กินไปก่อน กินเสร็จข้าจะพาเจ้าไปสนทนาเรื่องการค้าเอง” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง เจ้าน่ารำคาญผู้นี้สามารถจัดการให้นางได้หรือนี่ ?
“ตกลง”
เจ้าบุรุษน่ารำคาญผู้นี้คงจะไม่กล้าคิดร้ายกับนาง หากว่าเขาคิดร้ายกับนางจริง ๆ ตอนที่นางติดอยู่ในค่ายกลกระบี่ครานั้นเขาก็คงจะไม่ช่วยนางออกมา
ที่ตั้งของหอเชียนอินกลับกลายเป็นหอคณิกาอันดับหนึ่งแห่งแคว้นอิ๋นเหยียน เชียนอ้าวเซี่ยพามู่เฉียนซีเข้าไปด้านในโดยการเข้าทางประตูด้านหลัง
“ด้านหน้าคนพลุกพล่านเกินไป ข้าจึงพาเจ้ามาด้านหลัง” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวเมื่อเขาเห็นแววตาฉงนสงสัยของมู่เฉียนซี
เขาพามู่เฉียนซีขึ้นไปที่ชั้นบนสุด การตกแต่งของที่นี่งดงามตระการตาและประณีตไม้แพ้ที่ใด ในนี้มีเพียงแค่มู่เฉียนซีกับเชียนอ้าวเซี่ยสองคนเท่านั้น
มู่เฉียนซี “คุณชายเซี่ย คนของหอเชียนอินอยู่ไหนรึ ? ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อนเลยว่าอย่าหลอกลวงข้า มิเช่นนั้นเจ้าจะเสียใจทีหลังเอาได้”
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า “เสี่ยวซีซี เจ้าอย่าเพิ่งตำหนิข้า ข้าผู้นี้แหละเป็นคนของหอเชียนอิน อีกทั้งยังเป็นเจ้าของหอเชียนอินด้วย เจ้าอยากรู้ข่าวเรื่องอะไร เจ้าถามข้าได้เลย”
— ขวับ! —
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจสะดุ้งโหยงสุดตัว เจ้าของหอเชียนอินผู้ลึกลับผู้นั้นกลับเป็นบุรุษไร้ประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้านางไปเสียได้ คนบ้าไม่เอาไหนอย่างเช่นคุณชายเซี่ยผู้นี้น่ะหรือ ?
เรื่องตลกชัด ๆ!
เขาเป็นเจ้าของหอเชียนอิน แล้วข่าวของหอเชียนอินจะเชื่อถือได้หรืออย่างไร ? นางจะแน่ใจได้อย่างไรว่าข่าวที่ได้มาจะไม่ใช่ข่าวเท็จไม่มีมูลความจริง ?
เมื่อเห็นดวงตาที่ยังคงเจือความฉงนสงสัยของมู่เฉียนซี เชียนอ้าวเซี่ยรู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย เขากล่าวอย่างจริงจัง “เสี่ยวซีซีเจ้าต้องเชื่อข้า ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นผู้ที่ไม่อาจฝึกยุทธ์ได้ แต่พรสวรรค์ในการขายข่าวของข้านั้นไม่เลวเลย”
มู่เฉียนซีรู้สึกเชื่อเขาขึ้นมาบ้าง ถึงแม้ว่าเจ้าคนผู้นี้จะดูเป็นคนไม่ค่อยจริงจังกับสิ่งใด แต่นางจำต้องยอมรับว่าเขาไม่ธรรมดาและเป็นผู้ลึกลับอย่างแท้จริง
มู่เฉียนซีจ้องมองใบหน้าของเขา “คุณชายเซี่ย เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าเปิดเผยตัวตนกับข้าแล้ว เช่นนั้นเรามาเริ่มสนทนาการค้ากันดีกว่า”
“เสี่ยวซีซีข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าให้เรียกข้าว่าเซี่ย ไม่ต้องเรียกคุณชายเซี่ยอย่างห่างเหินเช่นนั้น”
“นั่งลงแล้วสนทนาการค้ากัน มิเช่นนั้นข้าจะกลับแล้ว”
“เสี่ยวซีซี ไม่… ก็ได้ ๆ” ในที่สุดเชียนอ้าวเซี่ยก็เริ่มจริงจังขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขากล่าวถามขึ้นว่า “เสี่ยวซีซีเจ้าอยากรู้ข่าวอันใดบอกข้ามาได้เลย”
มู่เฉียนซี “หากคนของหุบเขาหมอเทวดาปรากฏตัวขึ้นในเซี่ยโจวให้แจ้งข้าทันที รวมถึงที่อยู่ของพวกเขาด้วย และหากมีรายละเอียดอื่น ๆ ด้วยก็ยิ่งเป็นการดีมาก”
แสงเย็นเป็นประกายวาบผ่านดวงตาของเชียนอ้าวเซี่ย “เสี่ยวซีซีต้องการสืบข่าวจากคนของหุบเขาหมอเทวดารึ ? หรือว่าเจ้าจะสนใจเกี่ยวกับหม้อเทพนิรันดร์ ?”
มู่เฉียนซีเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเย็นชาและแฝงไปด้วยจิตสังหาร
เชียนอ้าวเซี่ยมองนางและยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “เสี่ยวซีซีอย่าได้สงสัยในความเป็นมืออาชีพของข้าเลย ข่าวสารที่สำคัญรวมไปถึงข่าวสารเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเซี่ยโจวได้รวมอยู่ที่หอเชียนอินของข้าทั้งหมดแล้ว การที่ต้องการจะได้รู้ข่าวสารเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด อีกประการหนึ่ง ใต้หล้านี้มีผู้คนมากมายที่สนใจในหม้อเทพนิรันดร์โดยเฉพาะนักปรุงยา ทุกผู้คนล้วนแต่ต้องการครอบครองของล้ำค่านี้กันทั้งนั้น”
มู่เฉียนซีนิ่งสงบลง “ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว เช่นนั้นเรื่องที่สองที่ข้าอยากรู้ก็คือตำแหน่งที่อยู่ของหม้อเทพนิรันดร์”
“เรื่องการปรากฏตัวของคนของหุบเขาหมอเทวดาในเซี่ยโจว หากได้ข่าวมาข้าจะรีบแจ้งทันที เพียงแต่เสี่ยวซีซี คนของหุบเขาหมอเทวดานั้นแข็งแกร่งนัก ต่อให้เจ้ามีเจ้าแมวน้อยกับเจ้าหมูน้อยนั่น การเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้นก็นับว่าเป็นเรื่องอันตรายมาก เจ้าอย่าทำอะไรผลีผลามเด็ดขาดเชียวข้าอยากจะเตือนเจ้าไว้ล่วงหน้า”
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนผลีผลามเห็นความตายมาเป็นเรื่องล้อเล่นรึ ?” มู่เฉียนซีแค่นเสียงถาม
“เสี่ยวซีซีไม่ใช่คนเช่นนั้นแน่นอน ข้าเพียงแค่เป็นห่วงเจ้าจึงได้เตือน”
“สำหรับเรื่องหม้อเทพนิรันดร์ หากหอเชียนอินหาข่าวไม่ได้ ข้าก็สุดที่จะช่วย! ” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างจนปัญญา
หากไม่ได้ข่าวของหม้อเทพนิรันดร์ มู่เฉียนซีก็ไม่ได้อยากจะมาให้เขาช่วยอะไร
“สนทนาการค้าเรียบร้อยแล้ว ค่าตอบแทบจะคิดเช่นไรเจ้าว่ามาเลย”
“เสี่ยวซีซีเจ้าจุมพิตข้าสิ แล้วทุกอย่างข้าทำให้เจ้าโดยที่เจ้าไม่ต้องจ่ายทรัพย์ใด ๆ ให้ข้าเลยเป็นอย่างไร ?” เชียนอ้าวเซี่ยยื่นใบหน้าที่ขาวราวหิมะนั้นมาใกล้นาง
— ปัง! —
บุรุษผู้เป็นผู้นำแห่งหอเชียนอินถูกมู่เฉียนซีถีบกระเด็นอีกครั้ง
“สนทนาการค้าอย่างถูกต้องและตรงไปตรงมา ไม่ว่าเจ้าจะก่อกวนอย่างไรการค้าก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น เจ้าว่าราคามาเถอะ”
เชียนอ้าวเซี่ย “เรื่องนี้นับว่าอันตรายมากและเป็นความลับขั้นสุดยอด ราคาก็สูงใช่ย่อย”
“เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเงินทองรึ ?”
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มพลางกล่าว “เสี่ยวซีซีเป็นเศรษฐีมีเงินข้านั้นรู้ดี เช่นนั้นข้าคิดค่าตอบแทนเป็นยารักษาอาการบาดเจ็บระดับแปดสักสิบขวด ตกลงหรือไม่ ?”
ข้อเสนอนี้หากไปขอผู้อื่นอาจจะถูกต่อว่าเอาได้ ทว่ามู่เฉียนซีกลับกล่าวว่า “สำหรับข่าวนี้ ค่าตอบแทนเพียงแค่นี้มันไม่ต่ำไปหน่อยรึ ? ถึงแม้ว่าเราจะรู้จักกัน แต่ข้าก็ไม่อยากเอาเปรียบเจ้า”
มุมปากของเชียนอ้าวเซี่ยกระตุกเล็กน้อย กอปรกับหัวคิ้วที่เริ่มขมวดเข้าหากันแล้ว เขาเรียกแพงถึงเพียงนี้นางยังว่าต่ำไปอีกรึ ? ช่างร่ำรวยมั่งคั่งดีแท้!
“เสี่ยวซีซี ทุกคนใช่จะเป็นเหมือนเจ้าเสียที่ไหนกันเล่า เห็นยาวิญญาณเป็นเพียงเม็ดหินเม็ดทราย ยาระดับแปดใช่ว่าจะหากันได้ง่าย ๆ ข้าเรียกสิบขวดถือว่ามากจนน่าตกใจแล้ว”
ยาระดับแปด อย่าว่าแต่สิบขวดเลย สามสิบขวดมู่เฉียนซีก็ให้เขาได้
นางจ้องมองเชียนอ้าวเซี่ยอย่างละเอียดถี่ถ้วน บุรุษผู้นี้ที่ใบหน้างาม ผิวขาวราวหิมะ และดูอ่อนแอ ใครเลยจะคิดว่าเขาจะมีอำนาจที่ทรงพลังทั้งยังลึกลับได้ถึงเพียงนี้
ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับจักรพรรดิ คิดจะมีอำนาจที่แข็งแกร่งอย่างหอเชียนอินนั้นก็ไม่อาจทำได้ แต่ผู้ที่ไร้ซึ่งพลังอย่างเขากลับมีอำนาจถึงเพียงนี้ ชายผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างที่นางคิดเอาไว้จริง ๆ
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มพลางกล่าว “เสี่ยวซีซีกำลังคิดว่าข้าเป็นเป็นผู้มีใบหน้าหล่อเหลาเอาการเลยใช่หรือไม่ ? เจ้าอยากขอข้าแต่งงานแล้วใช่ไหมเล่า ? หากขอข้าแต่งงานพาข้ากลับไปจวนเจ้าสิ แล้วข้าจะมอบหอเชียนอินเป็นสินสอดทองหมั้นให้กับเจ้า”
“ยานี้เป็นของเจ้า รับไปซะ!” มู่เฉียนซีตะคอกพลางกระแทกขวดยาลงบนโต๊ะ จากนั้นนางกล่าวต่ออีกว่า “อ้อ แล้วอาภรณ์นั้นของเจ้า ถอดมันออกด้วย”
“อะ… เอ่อ”
มู่เฉียนซีบอกให้เชียนอ้าวเซี่ยถอดอาภรณ์ของเขาออก ทำให้เชียนอ้าวเซี่ยรู้สึกตะลึงระคนดีอกดีใจ
เขารีบกล่าวด้วยความตื่นเต้น “ยอดเยี่ยม! ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับข้าสักที เสี่ยวซีซียอมรับข้าแล้ว ฮู่เร่!”
.
.
.