บทที่ 528 ห้องขัง

บทที่ 528 ห้องขัง

รองผู้กำกับรีบก้าวถอยหลังทันที

“ผมเลิกงานแล้ว ไม่ต้องมาตามหาผมนะ”

เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว มันน่าปวดหัวเกินไป

“ละ…แล้วผมควรทำยังไงล่ะ?”

ผู้กองลัวแทบจะร้องออกมาได้เมื่อได้ยินแบบนั้น

เขาคิดว่าตัวเองเพิ่งจะจับเด็กหนุ่มจน ๆ ทั่วไปมาได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าตัวเองดันจับคนใหญ่คนโตเช่นนี้มา

มิน่าล่ะอีกฝ่ายถึงบอกว่าจะถูกปล่อยตัวภายใน 1 วัน เพราะทันทีที่เข้าจับกุม เขาก็จะอยากปล่อยตัวชายหนุ่มออกไปทันที

รองผู้กำกับโบกมือและไม่พูดอะไรอีกก่อนจะเดินจากไป ใครเอาปัญหากลับมาก็ปล่อยให้คนนั้นแก้ไปแล้วกัน

เขาไม่คิดจะร่วมมือแม้แต่น้อย

ผู้กองลัวรู้สึกอับอายขายขี้หน้าขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นดังนั้น เขาไม่คาดคิดว่าหัวหน้าของตัวเองจะเดินจากไปเร็วขนาดนี้

เมื่อหันไปมองชายหนุ่มในห้องโถง ใบหน้าของเขาก็แสดงความสิ้นหวังออกมาในทันใด

“อะแฮ่ม ทะ…ท่านประธานอวี้ใช่ไหมครับ?”

“หือ? มีอะไรเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานกล่าว

เขาได้ยินบทสนทนาของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน และไม่คิดว่าตัวเองจะมีความผูกพันกับสถานีตำรวจเหลือเกิน

“ผม… ผมคิดว่าอาจเกิดการเข้าใจผิดกันครับ คนอย่างคุณไม่มีทางเป็นมิจฉาชีพแน่… พวกผมเข้าใจผิดไปเองครับ”

ผู้กองลัวกล่าวขณะที่กัดฟันแน่น

แน่นอนว่าไม่มีการเข้าใจผิดใด ๆ ทั้งสิ้น พวกเขาแค่เล่นเส้นสายกัน

เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ข้างกายเขาดูสับสนงุนงงไปหมด

ผู้กองของพวกเขามักจะมีสีหน้าเย็นชาและไร้ซึ่งความรู้สึก สีหน้าในตอนนี้หมายความว่ายังไงกัน?

เมื่อเห็นดังนั้นฮ่าวหรานก็หัวเราะเยาะและไม่คิดจะยกโทษให้อีกฝ่ายง่าย ๆ อย่างแน่นอน

“ฮ่าฮ่า ท่าทางขึงขังแบบที่โรงพยาบาลหายไปไหนล่ะ? ผมไม่เห็นเลย ตอนนี้คิดอยากขอโทษแล้วเหรอ?”

“คุณ!”

เมื่อถูกล้อเลียนผู้กองลัวก็อดฉุนขึ้นมาไม่ได้

แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเรื่องนี้เป็นความผิดพลาดอย่างแน่นอน และเขาไม่มีทางเลือกนอกจากก้มหัวขอโทษเท่านั้น

“แล้วคุณอยากได้อะไรล่ะ?”

“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก ให้ผมเข้าไปก่อนสิ ผมจะอยู่คนเดียวสักพัก”

อวี้ฮ่าวหรานกล่าวอย่างสบายใจ

“ผมขอโทษไปแล้ว คุณไม่ต้องทำอะไรแล้วครับ!”

ผู้กองลัวอดเลือดขึ้นหน้าไม่ได้จริง ๆ

ใคร ๆ ก็รู้ว่าเขาแทบไม่เคยก้มหัวให้ใครแต่กลับต้องมาเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้

“งั้นผมก็มีสิทธิ์ขังคุณ 24 ชั่วโมง! ถึงตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นก็อย่ามาโทษผมแล้วกัน!”

ผู้กองลัวขู่เสียงเข้ม

เขาไม่อยากจะเชื่อว่านักธุรกิจจะใสสะอาดขนาดนี้

ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่อวี้ฮ่าวหรานคิดเอาไว้โดยสิ้นเชิง

“ก็เอาสิ”

หลังจากนั้นเขาก็ถูกขังอย่างรวดเร็ว

ผู้กองลัวกลับไปยังออฟฟิศและดูเคร่งเครียดเล็กน้อย

ถึงจะพูดไปแบบนั้น ไฟกองนี้ก็จะลามต่อไปเรื่อย ๆ

ถึงเขาจะกลับไปตรวจสอบเบื้องหลังของอีกฝ่ายในตอนนี้ ก็คงหาอะไรไม่พบในเวลาเพียงแค่นี้

“ฉันควรทำยังไงดี…”

ใบหน้าของเขาดูเสียขวัญสุดขีด ถ้าลองคิดดูให้ดีในตอนนี้ หน้าที่การงานของเขาจะได้รับผลกระทบอย่างหนักแน่นอน

ภายในห้องขัง

อวี้ฮ่าวหรานหลับตานั่งลงและค่อย ๆ เข้าสู่สภาวะฝึกฝนพลัง ตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นจากด้านนอก

“ให้ฉันเข้าไปที! ฉันพยายามมาทั้งวันแล้ว ครั้งที่เท่าไหร่แล้วละเนี่ย?”

“นี่ มาที่นี่ก็ไม่ต่างจากกลับบ้านเลยใช่ไหมล่ะ? ที่ที่คุ้นเคย คุ้นจริง ๆ…”

“บ๊ะ! ไม่ต้องมายิ้มแบบนั้นเลย คิดว่าที่นี่เป็นโรงแรมหรือไง?”

หนึ่งในเสียงเหล่านั้นฟังดูคุ้นเคย ไม่ต้องหันไปมองอวี้ฮ่าวหรานก็รู้ว่านั่นคือเจ้าหน้าที่ตำรวจคนสวยที่เขารู้จักของสถานีแห่งนี้

“พูดความจริงมา!”

“โอ๊ะ…”

ผู้มาเยือนถูกขังไว้ในห้องข้าง ๆ และเสียงของเขาก็เงียบลงในไม่ช้า อวี้ฮ่าวหรานฝึกฝนต่อไปโดยไม่แม้แต่จะลืมตามอง

ตอนนั้นเอง ห้องขังของเขาก็ถูกเคาะ ไอรีน:ต้นทางหยุดแค่นี้แล้วเรายังหาต่อไม่ได้คะ

“สวัดดี? ฉันคุยกับคุณอยู่นั่นแหละ… ทำไมถึงถูกจับอีกรอบได้ล่ะ?”

เสียงอันแจ่มใสทำให้อวี้ฮ่าวหรานหยุดการฝึกลงชั่วคราวและลืมตาขึ้น

อีกฝ่ายคือเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้บุกเข้าไปในโรงแรมคราวก่อนและจ้องมองเขาด้วยความสนใจในตอนนั้น

“หรือว่าจะเป็นเรื่องนั้นอีก?”

เหออิ๋งถามด้วยความสนอกสนใจ

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอเลยสักนิด เธอจึงไม่ได้หวาดกลัวเท่าคราวก่อน

ตรงกันข้าม เธอสนใจในประธานบริษัทหนุ่มผู้อนาคตไกลคนนี้เหลือเกิน

“ทำไมไม่คุยกับฉันล่ะ? เพราะตำรวจสาวคนนี้เดาถูกเหรอ?”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจ เหออิ๋งกลับสนใจในตัวเขายิ่งกว่าเก่า

อวี้ฮ่าวหรานขบขันเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น

“ฮ่าฮ่า ผมไม่เคยเห็นตำรวจหญิงที่ไหนเรียกตัวเองแบบนั้นมาก่อนเลยนะ”

เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อมองอีกฝ่ายให้ชัดเจน ก่อนจะพบว่าเธอมีคิ้วสวยคมและริมฝีปากบาง

เธอเป็นคนสวยอย่างแน่นอน

“ฉันก็สวยอยู่นะ”

“ชมตัวเองงั้นเหรอ? หน้าตาเธอก็ธรรมดานี่นา!”

เหออิ๋งไม่อยากพูดต่อทันที

หากพูดถึงแค่เรื่องหน้าตาแล้ว เธอคือที่หนึ่งของสถานีตำรวจแห่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

แม้ว่าความสามารถในการจัดการของเธอจะต่ำมากก็ตาม

“นี่ คุยกันหน่อยสิ ครั้งนี้ทำไม่ถึงโดนจับล่ะ?”

หลังจากที่กัดกันไปมาเธอก็นึกถึงเรื่องที่พูดคุยกันเมื่อครู่นี้ได้

“ถ้าผมบอกว่าถูกจับที่โรงพยาบาลเพราะหลอกโกงเงินจะเชื่อไหม?”

“หือ? คุณหลอกมาเท่าไหร่ล่ะ?”

“คงสัก… เขาคงคิดว่าสักหลายหมื่น…”

“หลายหมื่น…”

เหออิ๋งแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาทันที

เธอเชื่อเขา!

มูลค่าเงินในข้อมูลของอีกฝ่ายจากคราวที่แล้วทำให้เธอใจหายใจคว่ำและยังจำเลขศูนย์ยาวเหยียดเหล่านั้นได้ดี

ไปหลอกโกงเงินที่โรงพยาบาลงั้นเหรอ?

นี่มันแย่กว่าการที่เธอเข้าใจผิดว่าประธานสาวคนสวยเป็นผู้ติดตามเสียอีก…

“ฮ่าฮ่า… น่าสนใจจริง ๆ ใครโง่จนเข้าใจผิดกันล่ะ? ไร้สาระชะมัด!”

เหออิ๋งหัวเราะลั่น

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอกับคนที่น่าสนใจมากกว่าเธอในรอบหลายเดือนตั้งแต่ทำงานนี้มา

อวี้ฮ่าวหรานเงยหน้าขึ้นมองและเห็นผู้กองลัวยืนอยู่ข้างหลังอีกฝ่าย

“อะแฮ่ม… เสี่ยวเหอ ไปที่ออฟฟิศกับผมหน่อย”

น้ำเสียงเย็นชาพลันดังขึ้น

เหออิ๋งหวาดผวาจนคอแทบหดและรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็แข็งในทันใด

“ผู้… ผู้กองลัว…”

เธอรู้ได้ทันทีว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเป็นใครโดยไม่ต้องเดาด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นดังนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็กล่าวด้วยความสนอกสนใจ “นี่ไง ไอ้โง่ที่เธอบอกน่ะ”

“ฉัน…”

เหออิ๋งได้แต่ตกตะลึง ชายตรงหน้ากำลังหลอกเธอชัด ๆ!

เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็หันหน้าไปมองอีกฝ่ายอย่างแน่วแน่และพยายามอธิบาย

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ผู้กองลัว…ผู้ชายคนนี้ต่างหาก”

น่าเสียดายที่ผู้กองลัวไม่ฟังคำอธิบายของเธอและเดินจากไปเสียแล้ว

เหออิ๋งตะลึงงันไปครู่หนึ่งและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ในสถานีตำรวจแห่งนี้ นอกจากผู้ใหญ่หลาย ๆ คนแล้ว ผู้กองลัวคือคนที่ไม่มีใครอยากมีปัญหาด้วยมากที่สุด

เขาไม่เคยอารมณ์ดีให้ใครเห็นมาก่อนเลย

“มันจบแล้ว…”

เหออิ๋งรู้สึกผิดอย่างหนัก ตอนที่หัวเราะออกไปนั้นเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเป็นผู้กองลัว!