โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.352 – วิกฤตเป็นตาย

 

‘จะใช้อบิลิตี้มืดหลบหนีให้เสียเวลาทำไม ใช้มันฆ่าซงจินควงซะเลยไม่ดีกว่าหรอ!’

 

ฉินเฟิงได้ข้อสรุป เขาเตรียมพร้อมที่จะลงมือทำ

 

ทว่าตนไม่ทันคิดเลย ว่าซงจินควงเองก็เกิดความคิดอื่นที่จะใช้ต่อกรเขาแล้วเช่นกัน

 

‘ฉินเฟิงได้เปรียบในช่วงกลางคืน เก็บแรงเอาไว้สู้กับเขาตอนกลางวันจะดีกว่า!’

 

ทั้งสองสู้กันมาตลอดทั้งคืนแล้ว มาถึงจุดนี้ต่างฝ่ายต่างเหนื่อยล้า

 

ฉินเฟิงเฝ้ารออยู่กว่าครึ่งชั่วโมง แต่ซงจินควงก็ไม่บุกเข้ามา 

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงก็ไม่คิดออกไล่ตามหาซงจินควง ตรงกันข้าม เขาเลือกล่าสังหารสัตว์ร้าย ใช้พลังงานจากพวกมันฟื้นฟูร่างกายตนเอง

 

 

แสงสีนวลเริ่มสาดทอลงมาจากเส้นขอบฟ้า บ่งบอกถึงรุ่งอรุณของวันใหม่ เติมเต็มแสงสว่างให้แก่ทะเลทรายทะเลเหนือ

 

สภาพของฉินเฟิงในปัจจุบัน ดูน่าอนาถเป็นอย่างยิ่ง ชุดรบได้รับความเสียหายโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้เขาไม่มีเวลาได้เปลี่ยนมัน เมื่อว่างเว้นจากการต่อสู้ ฉินเฟิงจึงสามารถเปลี่ยนไปใส่เสื้อใหม่ แต่ก็ไม่ได้มีเวลาถึงขั้นชะล้างคราบฝุ่นตามหน้าตาหรือตามตัว

 

“จงกลับมา”

 

หมอกมืดถูกเรียกกลับคืนโดยพลังสมาธิของฉินเฟิง พื้นที่รอบๆถูกเปิดเผยออกมา

 

ทั่วบริเวณ หลงเหลือเพียงกองกระดูกสีขาว

 

พลังพิเศษดูดกลืนของฉินเฟิงถูกใช้ออกอย่างเต็มที่ กลืนกินพลังงานทั้งหมดของสัตว์ร้าย สูบไม่เว้นกระทั่งเนื้อหนังของมัน

 

ร่างกายของฉินเฟิงในตอนนี้ แม้ยังไม่หายดีถึงขีดสุด แต่อาการบาดเจ็บก็ดีขึ้นมาก

 

“เอาล่ะ จากนี้ไปเป็นเวลาชี้เป็นชี้ตายสักที”

 

ดวงตาของฉินเฟิง ทอประกายสังหาร

 

พลังสมาธิของเขาขยายออก ไม่นานก็ค้นพบตำแหน่งของซงจินควง

 

ขณะนี้ ซงจินควงเองก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน

 

ในฐานะที่เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ เขาสามารถนั่งสมาธิเพื่อดูดซับพลังงานฟ้าดินได้ ในช่วงเวลา 2 ชั่วโมง สามารถฟื้นฟูอาการเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันที่ผ่านมา

 

สภาพของซงจินควง เหมือนจะไม่เปลี่ยนไปมากนัก วิชาลับของตระกูลซง ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของซงจินควงได้เป็นอย่างดี!

 

ช่วงเวลานี้ ซงจินควงรู้สึกรังเกียจฉินเฟิงสุดแสน

 

ในตอนนั้นเอง ณ ตำแหน่งห่างไกลออกไป กลิ่นอายหนึ่งได้กวาดผ่านเข้ามา

 

“ฉินเฟิง!” ซงจินควงตระหนักได้ทันทีว่าผู้มาเยือนคือใคร “กล้าไม่เลว พอข้าไม่คิดตามหา เจ้าก็อาจหาญมาเคาะถึงหน้าประตู”

 

ฉินเฟิงไม่กล่าวคำใด

 

กำลังภายในของเขาถ่ายเทลงบนมีดกษัตริย์คราม แสงจรัสอันน่าสะพรึงทอประกายสดใส

 

ซงจินควงตอบโต้ออกไปในเวลาเดียวกัน

 

ต่างฝ่ายต่างสู้กันมาตลอดทั้งวัน ดังนั้นเกิดความเข้าใจในกลยุทธ์และกระบวนท่าของอีกฝ่าย รุนแรงเท่าใด , กระบวนการเป็นอย่างไร ทั้งหมดล้วนประทับอยู่ในสมอง

 

แค่กระบวนท่าแรก ทั้งสองก็ทุ่มใช้ออกด้วยพลังงานเต็มเปี่ยม

 

ปัง!

 

ปราณกำลังภายในของฉินเฟิงระเบิดออกอย่างรุนแรง

 

“ตายซะ!”

 

ซงจินควงฟาดฝ่ามือ หมายสังหารฉินเฟิงในฉาดเดียว

 

“ก้าวแห่งหมอก : ท่าร่างภูติพราย!”

 

ฉินเฟิงวูบไหวทิ้งไว้เพียงเงา พยายามหาช่องฟันเข้าใส่ซงจินควงอย่างไม่ลดละ

 

“ประทับฝ่ามือโลหิต ชูร่าสวรรค์!”

 

ซงจินควงเหมือนจะสิ้นสุดความอดทน กำลังภายในกระชากไหว ทุ่มใช้ออกด้วยทักษะลับ

 

ปรากฏฝ่ามือโลหิตขนาดใหญ่ ทิ้งดิ่งลงมาจากฟ้าเบื้องบน กรีดฝ่าอากาศอย่างบ้าคลั่ง และตำแหน่งพื้นที่มันประทับฝ่ามือลง ทั้งหมดล้วนเป็นจุดที่เต็มไปด้วยร่างเงาของฉินเฟิง

 

ทว่าในตอนนั้นเอง ซงจินควงจู่ๆกลับสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกเสียดแทงเข้ามาจากเบื้องหลัง 

 

มันคือกลิ่นอายสังหาร!

 

ต่อสู้มานานปี สัญชาตญาณที่ได้รับมาจากการต่อสู้เป็นตาย สั่งให้เขารีบฉีกหลบไปจากที่นี่โดยเร็ว

 

ภายในเงาเบื้องหลังซงจินควงที่ทอดยาวจากแสงอาทิตย์ ปรากฏร่างของบุคคลคนหนึ่งขึ้นทันใด

 

–เป็นฉินเฟิง!

 

“ซ่อนเงา!”

 

หลังจากทิ้งร่างลวงตาของตนไว้ในแนวสายตาศัตรูด้วยท่าร่างภูติพราย ฉินเฟิงก็ฉวยโอกาสใช้ซ่อนเงา มาหลบอยู่เบื้องหลังศัตรู เฝ้ารอคอยจังหวะเหมาะสมในการสังหาร!

 

“เหิงหลง มังกรตะปบ!”

 

ฝ่ามือระเบิดออก บดขยี้ปราณกำลังภายในที่คอยคุ้มกันกายของซงจินควง

 

ตูม!

 

ปราการปราณกำลังภายในที่คอยปกปักษ์ซงจินควงแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

 

ได้โอกาสล่ะ!

 

ฉินเฟิงชี้นิ้วไปทางซงจินควง

 

“ลำแสงแห่งความมืด!”

 

แสงทมิฬระเบิดออกเป็นเส้นตรงและ–

 

–เป๊าะ!

 

แสงสีดำกระทบลงกับร่างของซงจินควง ซงจินควงรับรู้ได้ถึงอำนาจชั่วร้ายกำลังแผ่ขยาย ว่ายวนไปทั้งร่างกาย 

 

ตามมาติดๆด้วยความรู้สึกอ่อนแอ

 

“นี่มันอะไรกัน?”

 

เขาไม่เคยพบเจอกับเทคนิคอะไรแบบนี้มาก่อน แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าสิ่งที่ราวกับเส้นใยมืดที่ชอนไชร่างกายอยู่นี้ เป็นเหมือนกับยาพิษที่กำลังลดทอนพลังชีวิตซงจินควงให้หมดลง

 

“ไสหัวออกไปให้พ้น!”

 

ซงจินควงคำรามเกรี้ยวกราด กำลังภายในปะทุโหมบ้าคลั่ง ผลักไสรูนมืดออกไป

 

แม้นี่จะเป็นรูนมืด ทว่ามันก็คือพลังงานชนิดหนึ่ง เมื่อถูกบีบบังคับด้วยกำลังภายในมหาศาล มันก็ถูกกวาดล้างออกไปทันที

 

ยิ่งไปกว่านั้น บนร่างของซงจินควงยังปรากฏปราณกำลังภายในออกมาปกคลุมอีกครั้ง

 

“ซงจินควง แกดูแก่ขึ้นนะ” ฉินเฟิงเยาะหยัน

 

ประโยคข้างต้น มิได้หมายถึงเรื่องอายุของซงจินควง แต่เอ่ยถึงผลลัพธ์จากการโจมตีด้วยอบิลิตี้มืดเมื่อครู่

 

ซงจินควงจากเดิมที่มีใบหน้าราวกับเด็กอายุ 20 ปี ปัจจุบันเริ่มดูมีอายุมากขึ้น ปรากฏริ้วรอยบนใบหน้าเล็กน้อย กลายเป็นคนอายุ 30 ปีไป

 

บ่งบอกชัดถึงเทคนิคโลหิตที่กำลังถดถอย

 

อบิลิตี้มืดของฉินเฟิง ช่วยบั่นทอนการดำรงอยู่แห่งชีวิตของศัตรู

 

ซงจินควงโกรธมาก

 

“ฉินเฟิง เจ้ามันก็แค่คนที่กำลังจะตาย คิดหรือว่าอบิลิตี้เพียงเท่านี้ จะสามารถโค่นข้าได้? ช่างฝันเฟื่องโง่เง่า!”

 

ซงจินควงโกรธจนไม่รู้จะโกรธยังไงแล้ว

 

ตลอดทั้งวัน เขาในฐานะเลเวล C ออกไล่สังหารฉินเฟิง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าต้องใช้เวลามากขนาดนี้ แล้วที่สำคัญที่สุดก็คือ ฉินเฟิงไม่ได้หลบหนีตลอดเวลา แต่ระหว่างนั้นได้ต่อกรกับเขาถึง 7 – 8 ครั้ง

 

และฉินเฟิงก็ไม่ยอมล้มเสียที กระดูกมันแข็งเหลือทน นี่ทำเอาซงจินควงแทบกลายเป็นบ้า

 

แม้ในหัวใจปรารถนาจะสังหารมากเพียงใดก็ตาม แต่ฉินเฟิงราวกับเป็นแมลงสาบที่ไม่มีวันตาย หลังจากต่อสู้จนสะบักสะบอม หลบหนีออกไป ปรากฏกายขึ้นอีกที ก็กลับเป็นเหมือนเดิมซะแล้ว!

 

สมองของซงจินควงยิ่งนานยิ่งตึงเครียด ความคิดยุ่งเหยิงไปหมด

 

ฉินเฟิงแน่นอนสามารถตระหนักได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของศัตรู ดวงตาของเขาทอประกายระยับ

 

“งั้นเรามาดูกัน ว่าใครจะแพ้ ใครจะชนะ และใครกันแน่ที่กำลังฝันเฟื่องโง่เง่า!”

 

มีดกษัตริย์ครามตวัดเฉือนออกไปอีกครั้ง

 

ซงจินควงก็เริ่มเคลื่อนไหว ระเบิดโจมตีราวกับห่าฝน

 

ตูม ตูม ตูม!

 

บริเวณที่ทั้งสองต่อสู้กัน แปรสภาพเป็นสมรภูมิพลังงานอันน่าหวาดกลัว เศษหินดินทรายบินว่อน สัตว์ร้ายระดับต่ำมิกล้าย่างกรายเข้ามา

 

กำลังภายในถูกสูบออกมาใช้ เหือดแห้งลงอย่างรวดเร็ว ภายในตันเถียนของฉินเฟิงกลายเป็นว่างเปล่า!

 

ทั้งๆที่สู้มาตลอดทั้งคืน แต่กลับยังเหลือพลังมากขนาดนี้ ตัวตนทรงพลังเลเวล C ครอบครองกำลังภายในเหลือล้นจริงๆ!

 

ในแง่กำลังภายใน ซงจินควงแข็งแกร่งกว่าฉินเฟิงหนึ่งเท่า ทว่าการต่อสู้ตลอดทั้งคืน ซงจินควงมิได้ครอบครองพลังพิเศษกลืนกิน และทักษะลับกลืนดารา ที่ช่วยฟื้นฟูกำลังภายในได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับฉินเฟิง

 

ก่อนจะสู้กันในครั้งนี้ กำลังภายในของซงจินควงจึงเหลือแค่เพียง 6 /10 ส่วนเท่านั้น หรือกล่าวได้ว่ามันมากกว่าฉินเฟิงอยู่แค่เพียง 2 มวลน้ำกำลังภายใน

 

และเมื่อการต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดนี้ ปราณกำลังภายในของทั้งสองก็ไม่สามารถปลดปล่อยได้อีกต่อไป มันหมดลงไม่เหลือหลอ

 

ตามตัวฟกช้ำไปด้วยบาดแผล ฉินเฟิงรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากทั่วร่างกายเขา

 

อย่างไรก็ตาม ชัยชนะอยู่แค่เอื้อมแล้ว

 

“รู้ไว้ซะซงจินควง ยุคของตระกูลซงน่ะ มันจบสิ้นแล้ว!”

 

คมมีดของฉินเฟิง ตัดเฉือนเข้าใส่ซงจินควง

 

บนมีดกษัตริย์ครามไร้ซึ่งกำลังภายใน ทว่าร่างกายของฉินเฟิง ยังคงครอบครองความแข็งแกร่งในระดับจักรพรรดิ มันเปี่ยมไปด้วยพละกำลังมหาศาล!

 

ฉัวะ!

 

คมมีดสับสะบั้น แขนของซงจินควงลอยกระเด็นขึ้นฟ้า

 

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของซงจินควงกลับยังดูดุร้ายบ้าคลั่ง ไม่แสดงออกถึงความเจ็บปวดเลย

 

ในทางกลับกัน มือข้างนั่นกลับมุ่งเป้ามายังฉินเฟิง และภายใต้ชายเสื้อ ปรากฏแสงสีเลือดขึ้นทันใด

 

หวือ!

 

จู่ๆฉินเฟิงก็รู้สึกเจ็บแปร๊บที่หน้าอกเขา

 

หัวใจกระตุกวูบทันใด

 

พอก้มมองลงไป ปรากฏว่าบนหน้าอกในตำแหน่งหัวใจ มีงูสีเลือดตัวเล็กๆกำลังฉกกัดเขาอย่างกะทันหัน

 

งูเล็กตัวนี้ เลเวลไม่ได้สูงอะไร มันอยู่แค่เลเวล E เท่านั้น ทว่ากลับมีระดับถึงราชันย์สัตว์ร้าย

 

หากเป็นก่อนหน้านี้ ฉินเฟิงสามารถบดขยี้ศัตรูตัวน้อยได้ในพริบตาเดียว 

 

แต่ในปัจจุบัน เขาไร้ซึ่งปราณกำลังภายใน พลังสมาธิเองก็ถูกเร่งเร้าจนปวดหัวแทบจะระเบิด การต่อสู้กับซงจินควงตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เขาเปรียบดั่งตะเกียงไฟที่ไร้น้ำมันโดยสิ้นเชิง เพียงงูเล็กก็สามารถฉวยโอกาสสร้างความเสียหายรุนแรงได้

 

ฉินเฟิงรู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งในร่างกายของเขา ทั้งหมดกำลังพังครืนลง

 

‘อสรพิษเลือด … !’

 

ไม่คาดคิดเลย ว่าซงจินควงจะเลี้ยงสัตว์ร้ายเอาไว้

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ซงจินควงหัวเราะสนั่น

 

สภาพของซงจินควงในตอนนี้ก็ย่ำแย่ไม่น้อย ใบหน้าของเขาราวกับคนอายุ 50 ปี ผิวหนังเริ่มเห็นถึงความเหี่ยวย่น

 

ชัดเจนว่านี่คือราคาที่ซงจินควงต้องจ่ายไป

 

เพื่อแลกกับการฟื้นฟูตระกูลซง

 

แลกกับเงิน 200,000 ล้านเหรียญ!

 

“ลาก่อนฉินเฟิง ตายซะ!”