โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.353 – ปรากฏกาย 

 

 

 

 

 

ต่อสู้มาได้ไกลถึงขนาดนี้ ฉินเฟิงรู้สึกว่าตนเองได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว 

 

 

 

 

 

แม้การกลับมาเกิดใหม่จะทำให้ฉินเฟิงได้เปรียบกว่าผู้ใด แต่ความได้เปรียบนี้ก็ยังไม่พอที่จะช่วยสนับสนุนให้ฉินเฟิงท้าทายตัวตนที่ทรงอำนาจยิ่งกว่า 

 

 

 

 

 

สมมติว่าตอนนี้ฉินเฟิงได้ก้าวไปถึงเลเวล D8 , D9 ซงจินควงย่อมไม่ใช่คู่มือของเขา 

 

 

 

 

 

ภาพเบื้องหน้าราวกับเชื่องช้าลง การโจมตีของซงจินควงเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงทอดถอนหายใจ ในมือปรากฏบัตรหยกขึ้นทันใด 

 

 

 

 

 

–ตั๋วเข้าสู่สุสานเทพสงคราม! 

 

 

 

 

 

ถึงไม่สามารถเอาชนะได้ อย่างน้อยฉินเฟิงก็หนีได้! 

 

 

 

 

 

นี่คือเขตแดนที่พบเจอได้ยากยิ่ง มันมิใช่มีแค่ทรัพยากร แต่ยังเก็บงำไว้ซึ่งทักษะลับมากมาย 

 

 

 

 

 

ซึ่งเขาสามารถเข้าไปได้ทุกเมื่อ และระหว่างช่วงเวลาที่อยู่ในนั้น อย่างน้อยก็ยังปลอดภัย 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงถูกกัดโดยอสรพิษเลือด ถึงไม่ถูกกัดตรงหัวใจ แต่เขี้ยวก็ฝังเข้ามาในผิวหนังเล็กน้อย 

 

 

 

 

 

ท้ายที่สุดแล้ว ฉินเฟิงครอบครองร่างกายระดับจักรพรรดิ อสรพิษงูระดับราชันย์เป็นไปไม่ได้ที่จะกัดผ่านกล้ามเนื้อของเขา  

 

 

 

 

 

ทว่าแค่สะกิดเพียงเล็กน้อย มันก็สามารถแทรกซึมพิษเข้าสู่ร่างกายของฉินเฟิง 

 

 

 

 

 

สำหรับเขา นี่มันวิกฤตสุดๆ 

 

 

 

 

 

ในระหว่างการต่อสู้ หนึ่งนาทีหรือกระทั่งหนึ่งวินาที อาจถึงขั้นสามารถพลิกชีวิตได้ 

 

 

 

 

 

เมื่อสบโอกาสดีๆเช่นนี้ ซงจินควงย่อมไม่ยอมปล่อยเขาไป ทันทีที่พิษแล่นสู่ร่างกาย การโจมตีก็ตามมาติดๆ 

 

 

 

 

 

พลังสมาธิถูกกระตุ้น ทั้งคนทั้งร่างของฉินเฟิงถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเงิน 

 

 

 

 

 

แต่ในเวลานั้นเอง ข้างๆฉินเฟิง กลับบังเกิดแสงสีเงินอีกกลุ่มก้อนหนึ่งปรากฏขึ้น 

 

 

 

 

 

วินาทีถัดมา เด็กสาวที่ครอบครองใบหน้างามล่มเมืองก็ก้าวออกมาจากมัน 

 

 

 

 

 

เธอกวาดมองสถานการณ์รบในปัจจุบัน ก่อนสายตาจะตรึงลงบนร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำทั้งตัว ท่วมไปด้วยเหงื่อไคล 

 

 

 

 

 

ก่อนจะเบนสายตาไปอีกทาง ตกลงบนร่างของชายชราแขนขาด ที่ใบหน้าฉายชัดถึงความคลุ้มคลั่ง 

 

 

 

 

 

สภาพของผู้คนในที่แห่งนี้ น่าอนาถเป็นอย่างยิ่ง 

 

 

 

 

 

มีเฉพาะเด็กสาว ที่ราวกับหลุดออกมาจากภาพฝัน 

 

 

 

 

 

“ไป๋หลี!” 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงยิ้มด้วยความสุข 

 

 

 

 

 

สีหน้าของไป๋หลีเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เธอยกนิ้วขึ้น ทันใดนั้นลำแสงสีเงินพลันระเบิดออก งูน้อยที่ฉกกัดตรงหน้าอกของฉินเฟิง หนึ่งเซนติเมตรตรงส่วนหน้าของมันถูกตัดขาดจากกันทันที 

 

 

 

 

 

ตูม! 

 

 

 

 

 

แน่นอน ว่าอสรพิษเลือดมิได้มีขนาดเล็กจ้อย แต่มันใช้ทักษะเปลี่ยนรูป ยามถูกตัดหัวสังหาร ลำตัวของมันก็ขยายกลับสู่ขนาดเดิม 

 

 

 

 

 

ซงจินควงที่อยู่เบื้องหน้าฉินเฟิง ถูกศพไร้ชีวิตของอสรพิษเลือดขวางเอาไว้พอดี พลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการสังหารฉินเฟิงไป 

 

 

 

 

 

ใบหน้าของซงจินควงกลายเป็นบิดเบี้ยว บังเกิดความหวาดกลัวสุดแสน 

 

 

 

 

 

อสรพิษเลือดเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของเขา มันถูกเก็บเอาไว้เป็นไพ่ตาย ทว่ากลับต้องจบชีวิตลงแบบนี้! 

 

 

 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้ ในหัวใจของซงจินควงจู่ๆก็รู้สึกเย็นเยียบ 

 

 

 

 

 

ปรากฏเด็กสาวโผล่มาอย่างกะทันหัน แล้วไอ้ความแข็งแกร่งนั่นมันอะไรกัน? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่ยกมือ ก็สามารถสังหารราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E ได้ 

 

 

 

 

 

ต่อให้เป็นตัวซงจินควงเองบางทีก็ยังไม่แน่เลยว่าจะสามารถทำแบบเดียวกันได้รึเปล่า 

 

 

 

 

 

“เจ้า .. เจ้าคือไป๋หลี!” 

 

 

 

 

 

ซงจินควงจ้องค้างไปยังไป่หลี 

 

 

 

 

 

ขณะนี้ สีหน้าของไป๋หลีแสดงออกชัดถึงความโกรธเกรี้ยว 

 

 

 

 

 

เธอปลีกตัวไปยกระดับ แต่พอตื่นขึ้นมา กลับรู้สึกได้ถึงพลังสมาธิอันเจือจางของฉินเฟิง หากช้าอีกเพียงวินาทีเดียว คงตกลงสู่ขอบเหวแห่งความตายแล้ว 

 

 

 

 

 

ไม่ได้อยู่กับเจ้านายแค่วันเดียว แต่ฉินเฟิงกลับถูกรังแกสาหัสถึงขนาดนี้! 

 

 

 

 

 

ไป๋หลีรู้สึกว่า การกระทำเช่นนี้ มันถือเป็นอาจยั่วยุเธออย่างร้ายแรง 

 

 

 

 

 

บนร่างของไป๋หลี ปลดปล่อยแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวออกมาโดยไม่รู้ตัว 

 

 

 

 

 

และแรงกดดันนี้ มิใช่ของมนุษย์! 

 

 

 

 

 

ซงจินควงตะลึงงัน! 

 

 

 

 

 

นั่นเพราะเขาสามารถจับได้ถึงกลิ่นอายของไป๋หลี 

 

 

 

 

 

“เลเวล C !” เสียงของซงจินควงแปรเปลี่ยนไป 

 

 

 

 

 

“ที่แท้เจ้าก็เป็นสัตว์ร้าย!” 

 

 

 

 

 

ซงจินควงไม่อาจคาดเดาได้ในทีแรก แต่ตอนนี้ เขากระจ่างแจ้งแล้วถึงตัวตนของไป๋หลี 

 

 

 

 

 

ไม่ใช่ว่านางคือคู่รักของฉินเฟิงหรอกหรือ? 

 

 

 

 

 

เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D ชื่อว่าไป๋หลี 

 

 

 

 

 

“ที่แท้ฉินเฟิงก็ซื้อแก่นพลังงานให้กับเจ้า!” 

 

 

 

 

 

ความจริงเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทว่าเลือดอุ่นๆในกายซงจินควงกลับยิ่งมายิ่งเย็นลง ห้วงอารมณ์ราวกับแหลกสลาย หลงเหลือเพียงความหวาดกลัวที่ยังคงอยู่ 

 

 

 

 

 

ตูม! 

 

 

 

 

 

ซงจินควงกระตุ้นกำลังภายในที่เหลือเพียงน้อยนิด ปะทุมันออกมา ทว่ามิได้กระโจนเข้าสู้ เป็นฉีกหลบไปอีกทาง 

 

 

 

 

 

นั่นเพราะเขารู้ดี ว่าหากไม่หนีตอนนี้ คงทำได้เพียงรอความตาย 

 

 

 

 

 

“อยู่ต่อหน้าฉัน แกยังคิดจะหนีอีกงั้นหรอ!” 

 

 

 

 

 

หนีใครไม่หนี แต่ดันคิดหนีจากเงื้อมมือของสัตว์ร้ายมิติเนี่ยนะ? 

 

 

 

 

 

คู่ดวงตาราวกับดาราจักรของไป๋หลีสาดแสงสีเงินออกมา ขยายเข้าโอบรอบกายซงจินควงในทันที 

 

 

 

 

 

ซงจินควงรู้สึกราวตนถูกส่งเข้าไปในมิติอันแปลกประหลาด ไม่ต่างจากกล่องที่ถูกปิดผนึก ตรึงร่างของเขาไว้ 

 

 

 

 

 

สิ่งมีชีวิตใดกันที่สามารถสร้างรูปแบบเชิงมิติขั้นสูงเช่นนี้ขึ้นมาได้ ทั้งยังสามารถปิดกั้นอำนาจทั้งหมดของซงจินควง 

 

 

 

 

 

ในที่สุด สิ่งที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่า ก็สะท้อนเข้ามาในจิตใจของเขา 

 

 

 

 

 

“นี่มันอำนาจระดับจักรพรรดิ! ไป๋หลีคือสัตว์ร้ายธาตุมิติ!” 

 

 

 

 

 

และเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนหายาก 

 

 

 

 

 

ซงจินควงบังเกิดความริษยาอย่างลึกล้ำ 

 

 

 

 

 

เจ้าเด็กฉินเฟิง สามารถโชคดีถึงขนาดนี้ได้อย่างไร? 

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงก็สูดหายใจเข้าปอดแรงๆ ความตายของอสรพิษเลือด ช่วยให้พลังงานจากมันถูกดูดซับเข้ามาในกายฉินเฟิง ช่วยเขาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้เล็กน้อย ฉินเฟิงเลยรอดจากขอบเหวแห่งความตาย 

 

 

 

 

 

“พลังพิเศษดูดกลืน!” 

 

 

 

 

 

พลังพิเศษระเบิดออก ศพใหญ่โตของอสรพิษเลือดเบื้องหน้าฉินเฟิงเริ่มแห้งเ**่ยวลงอย่างรวดเร็ว ราวกับถูกผุกร่อนด้วยกาลเวลา หลงเหลือเพียงกระดูกที่เปราะบาง โดนสายลมพัดผ่านก็ถูกเป่าเป็นผง 

 

 

 

 

 

“ไป๋หลี รีบฆ่ามันเร็ว!” 

 

 

 

 

 

ศัตรูเช่นนี้ ฉินเฟิงไม่กล้าที่จะละเลยแม้เพียงนิด ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายล่วงรู้สถานะของไป๋หลี 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงกลัวว่าซงจินควงพอรู้ว่าตนกำลังจะตาย ก็ถือโอกาสประกาศสถานะของไป๋หลีออกไป 

 

 

 

 

 

ถึงเวลานั้น ไม่ต้องกล่าวถึงเลเวล C เกรงว่าเลเวล B อาจจะมาเยือน 

 

 

 

 

 

ไป๋หลีพอได้ยินคำฉินเฟิง ก็พยักหน้ารับคำสั่งทันที 

 

 

 

 

 

มือเล็กๆ ขาวราวหิมะวาดออก และพลันกำแน่น! 

 

 

 

 

 

พื้นที่มิติบีบอัดทันใด บดขยี้ซงจินควงโดยตรง! 

 

 

 

 

 

ที่จริงแล้วฉินเฟิงยังไม่รู้ ว่ามิติปิดผนึกที่ไป่หลีสร้างขึ้น แม้สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่มันไม่ได้ถือว่าเป็นมิติแห่งนี้อีกต่อไป! 

 

 

 

 

 

ซึ่งนั่นหมายความว่าซงจินควงอยู่ในต่างมิติ อุปกรณ์สื่อสารไม่มีอำนาจใดๆ นอกจากฟังก์ชั่นสแกนแจ้งเตือนเท่านั้น  

 

 

 

 

 

–ไม่อาจส่งข้อมูลใดๆออกไปสู่ภายนอกได้! 

 

 

 

 

 

ในกรณีนี้ ยังรวมไปถึงสัญญาณชีวิตที่ติดอยู่กับอุปกรณ์สื่อสารของซงจินควงเช่นกัน มันไม่อาจส่งสัญญาณเตือนถึงการเสียชีวิตของเขาแก่สมาชิกตระกูลซงได้ 

 

 

 

 

 

ผู้นำตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณวิถีมาร ตกตายท่ามกลางทุ่งล่า ทว่าผู้คนในตระกูล กลับไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลย! 

 

 

 

 

 

ไป่หลีเรียกรูนมิติกลับคืน ในอากาศอันบางเบา หลงเหลือแค่เพียงแอ่งเลือดเท่านั้น 

 

 

 

 

 

ไป๋หลีทำท่าทางเสยมือขึ้น สร้อยข้อมือสีเงินผุดออกมาจากแอ่งเลือด  

 

 

 

 

 

นี่คืออุปกรณ์รูนมิติของซงจินควง 

 

 

 

 

 

“แค่ก แค่ก!” 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก พลังงานจากการตายของซงจินควง ถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายของฉินเฟิงอย่างรวดเร็ว 

 

 

 

 

 

อาการบาดเจ็บถูกฟื้นฟูกลับคืน 

 

 

 

 

 

“ไปเถอะ พวกเราไปตั้งหลักกันที่วิหารเทพสงครามกันก่อน” 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงยังคงอ่อนล้า การต่อสู้ในครั้งนี้กดดันมากเกินไป มันสูบพลังสมาธิจนฉินเฟิงรู้สึกวิงเวียน 

 

 

 

 

 

“ที่รักโอเครึเปล่า? ให้ฉันดูพื้นที่มิติของตาแก่นี่ดูไหม เผื่อมีอะไรที่คุณพอจะกินได้ จะได้หายเจ็บไวๆ” ไป๋หลีกล่าวด้วยความเป็นห่วง และเริ่มตรวจสอบอุปกรณ์มิติของซงจินควง 

 

 

 

 

 

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็หายแล้ว ขอฉันงีบสักหน่อย” 

 

 

 

 

 

ว่าจบ ฉินเฟิงกับไป๋หลีหายวับเข้าไปในเขตแดนลับ ขณะเดียวกัน ภายในปราการชาตง บัดนี้เกิดเหตุโกลาหลขึ้น 

 

 

 

 

 

เรื่องฉินเฟิงถูกไล่ล่าโดยซงจินควง กระจายออกไปราวกับเชื้อร้าย ผู้คนที่ล่วงรู้จากสิบ เปลี่ยนเป็นร้อยอย่างรวดเร็ว 

 

 

 

 

 

อีกทั้งในวันนี้ ฉินเฟิงก็ยังไม่กลับมา 

 

 

 

 

 

วันถัดไป ก็ไม่ปรากฏตัว 

 

 

 

 

 

ผู้คนจึงพาลคิดไปว่า ฉินเฟิงคงพบเผชิญกับชะตากรรมอันโหดร้ายเสียแล้ว! 

 

 

 

 

 

และในตอนนี้ หานน่วนผู้ซึ่งถือครองทรัพยากรของฉินเฟิงไว้ในมือ เลยกลายเป็นเป้าหมายของทุกคน 

 

 

 

 

 

ซงหยูหมังที่ได้ตรวจสอบทรัพย์สินของฉินเฟิงจนกระจ่าง ก็เผยคมเขี้ยวออกมาทันที 

 

 

 

 

 

ในปราการชาตง บ้านหลายหลังที่สร้างขึ้นจากหินทรายพังทลายลง ทั้งหมดล้วนเป็นร่องรอยของการต่อสู้ 

 

 

 

 

 

พลเรือนนับสิบนอนจมกองเลือด น่ากลัวว่าจะตายกันหมดแล้ว และก่อนตายคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนประสบกับหายนะดั่งสวรรค์สาปส่งในครั้งนี้เพราะอะไร 

 

 

 

 

 

“ซงหยูหมัง หยุดอยู่แค่นั้นแหละ!” หูเหลียงตวาดกราด 

 

 

 

 

 

โดยเบื้องหลังเขา เป็นร่างของหานน่วนที่เปื้อนไปด้วยเลือด