ณ พื้นที่นอกเขตเมืองครึ่งท้องทะเลที่สว่างเริ่มมืดลง ก้อนเมฆปรากฏรูปตามจินตนาการเป็นรูปคนเดินตามดวงดวงดาวเจ็ดดวงพร้อมดาบที่ถือในมือ
เมฆหมอกทยานขึ้นบนท้องฟ้าขณะเดียวกันสายฟ้าฟาดก็พุ่งกระหน่ำเหมือนมังกรและงู!
ฟางฉียังไม่สามารถใช้พลังดาบสายฟ้าได้เสถียรเท่าไรนัก ทุกครั้งเขาต้องใช้บุหรี่เพื่อเป็นตัวช่วยพลังแห่งสวรรค์และดาบเวทย์มนตร์นี้มีพลังมากมันอาจฆ่าเขาได้หากทำผิดพลาดไป
ฟางฉีไม่ค่อยกล้าใช้มันเท่าแต่นอกเสียจากกรณีฉุกเฉิน อย่างไรก็ตามเขาได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งจากหนังสือสวรรค์ เขาทำความเข้าใจกับเวทย์มนตร์ในการควบคุมสายฟ้าซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกล้าใช้มันในตอนนี้
“ดูเหมือนฝนจะตก” ในท้องฟ้าอันกว้างและห่างไกลมีเรือวิญญาณขนาดใหญ่อันงามงดกำลังบินในสายลมอย่างต่อเนือง ขณะเดียวกันเมฆที่เคยสดใสกลับมืดมัวจนแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติเล็กน้อย
“ฝนตกหรือ?” ชายหนุ่มผิวขาวในวัยราวๆ ยี่สิบกำลังยืนมองวิวบนเรือพึมพำกับตัวเอง การแสดงท่าทางของเขาดูลึกลับและเยือกเย็น ข้างหลังเขาคือผู้เพาะปลูกหญิงในรุ่นราวคราวเดียวกัน สังเกตได้ว่าพวกเขามาจากที่เดียวกัน
เด็กหฯิงทั้งสองกระซิบกันว่า “โชคดีที่เราเดินทางด้วยเรือมังกรของศิษย์พี่ต้วน! ข้าว่าเรือนี้คงไม่กลัวพายุแลบะฟ้าผ่าเจ้าคิดงั้นมั้ย?”
“ได้ยินมาว่าเรือมังกรของพี่ต้วนเป็นของขวัญจากผู้อาวุโส มันเป็นทางจิตวิญญาณที่ผู้อาวุโสนำไม้มาจากปรักหังพังมาต่อเติมและสลักรอยจิตวิญญาณอันแข็งแกร่ง!”
“มันทรงพลังมากงั้นสิ! อืม .. งั้นเราก็ตัดสินใจถูกต้องแล้วที่ออกมากับพี่ต้วน!”
“ศิษย์พี่ต้วนเป็นตัวอย่างผู้ฝึกฝนที่ดีที่สุดในรุ่น!” ผู้เพาะปลูกร่างอ้วนอีกคนเดินเข้ามา “ข้าได้ยินมาว่าพี่น้องหลายคนชื่นชมเขามากแถมยังกล่าวว่าเรือนี่เป็นเรือจิตวิญญาณที่ยอดเยี่ยมที่สุด!”
“แน่นอน!” ชายหนุ่มชุดขาวยิ้มอวดดี “มันเป็นสมบัติที่ลุงของข้าได้รับมาจากซากปรักหักพัง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องธรรมดา! อ้อ .. แล้วข้าจะบอกพวกเจ้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันมีสามคุณสมบัติอย่างแรกคือมันรวดเร็วมากจนไม่มีใครสามารถตามได้ทัน!”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุย จู่ๆ เสียงเคาะก็ดังขึ้น เสียงเคาะช่างดึงดูดความสนใจของทุกคน
พวกเขาเงยหน้าขึ้นก็พบเข้ากับเด็กหนุ่มอายุราวๆ เกือบยี่สิบปียืนอยู่ด้านนอกเรือ “พวกท่านช่วยบอกวิธีเดินทางไปยังเมืองมังกรดำทีได้มั้ย?”
โดยที่ไม่รู้ตัวผู้ฝึกฝนร่างอ้วนก็ชี้ไปยังทิศทางของเมืองนั้น
“เดี๋ยวนะ! เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” ชายหนุ่มชุดขาวได้สติเขารีบเอ่ยถามทันทีเพราะนี่มันเรือจิตวิญญาณไม่ใช่ท้องถนนธรรมดา!
“ข้าบินขึ้นมา!” ฟางฉีหันมองดาบที่อยู่ใต้เท้าของเขา “ขอบคุณ” เขาเอ่ยก่อนจะบินไปข้างหน้า
หญิงสาวที่เพิ่งพูดชมเชยอ้าปางค้างเมื่อเห็น
“เมื่อกี้มันคืออะไร?”
“เจ้านั่นทรงพลังมาก ..”
“และเขาก็ดูเด็กกว่าศิษย์พี่ต้วนอีก ..”
หญิงอีกคนที่มีใบหน้าอันงดงามเธอสวมชุดสีน้ำเงินเขียวเดินออกจากห้องโดยสารและมองที่ข้างหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ท่านทั้งสองกำลังพูดเรื่องอะไรกันหรอ?”
พวกเขาชี้ไปข้างหน้าทันที “น้องหลินดูนั่นมีคนบางคนกำลังบินผ่านเราไปด้วยดาบ”
พวกเขามองดูจนร่างนั้นค่อยๆ หายเข้าไปในกลีบเมฆ เด็กหญิงอีกคนปิดปากของเธอด้วยมือ “ไม่อยากจะเชื่อเลยถ้าข้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง!”
ผู้ฝึกฝนร่างอ้วนพูดว่า “ศิษย์พี่ต้วน เราอยู่ไหนกัน?”
ทันทีที่เอ่ยถามดูเหมือนว่าเขาจะรู้บางอย่างจึงรีบเงียบชะงักทันที
ต้วนหลันกัดฟัน “เจ้าเด็กนั่นมาจากไหน!?”
…
ณ เมืองมังกรดำเมืองแห่งการเพาะปลูกที่ใกล้เคียงกับเมืองครึ่งที่สุดในพื้นที่ทะเลดวงดาว
ที่นี่ทะเลดวงดาวแตกต่างจากจิวหัวมันประกอบไปด้วยกองกำลังเพาะปลูกที่มีความสัมพันธ์อันซับซ้อนซ่อนเงื่อน ทุกคนที่เป็นบุคคลยอดเยี่ยมสามารถสร้างเมืองในภูมิภาคนี้ได้
เมื่อนี้มีชื่อว่ามังกรดำเนื่องจากผู้นำหวังปู่เต๋าได้จัดการกับมังกรดำผู้ดุร้ายด้วยความแข็งแกร่งด้านการเพาะปลูกที่เขาใช้เวลาเป็นพันปีเพื่อฝึกฝนในที่แห่งนี้
เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ เมืองมังกรดำได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวดและผู้คนต้องเดินทางเข้าเมืองก่อนเวลาหนึ่งทุ่มของทุกวัน ยกเว้นผู้ที่มีตัวตนหรือคำเชิญพิเศษที่สามารถผ่านประตูด้านในเวลากลางคืนได้ สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาต้องรอจนถึงเวลาเปิดประตูอีกอีกครั้งในวันถัดไป
ขณะนี้เวลาทุ่มหนึ่งแล้ว ยามสองคนกำลังทำหน้าที่ของตนพวกเขากำลังปิดประตูเมืองด้วยความประนีประนอม ขณะเดียวกันร่างหนึ่งบินไปหาพวกเขาด้วยความรวดเร็ว
ประตูเมืองที่กำลังจะปิดลงมีช่องทางแคบๆ ที่กว้างพอสำหรับคนคนหนึ่งจะผ่านไปได้
ฟิ้ว! ร่างหนึ่งบินเข้ามาเพียงเสี่ยววิประตูได้ปิดลง .. ยามทั้งสองตะลึงงั้นและมองย้อนกลับทันที
“เจ้าหนุ่ม เจ้าคือใคร? เจ้าไม่รู้หรือว่ามันได้เวลาปิดพอดี ..”
“ข้ารู้”
“แต่เจ้าก็ยังเข้ามาในเมืองหรอ?” ยามทั้งสองหน้าเสีย
“ข้าไม่ควรเข้าหรอ?” ฟางฉีกล่าวเสียงเรียบ “งั้นท่านช่วยเปิดประตูให้ข้าออกไปข้างนอกได้มั้ย?”
ทหารยามพูดไม่ออก
อินเทอร์เฟซของระบบเขาตอนนี้แสดงให้เห้นว่าแร่หินอยู่ในเมืองมังกรดำแห่งนี้
ขณะเดียวกันหวังซานและปีศาจดำพร้อมด้วยคนอื่นๆ ก็กำลังเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพเพิ่งเสร็จและกำลังจะออกเกม แต่พวกเขาจำได้ว่ายังไม่ได้เก็บผักจึงรีบเข้าคิวโซนทันที
หวังซานเดินเข้าไปในสวนของเขาและกำลังจะเก็บหัวผักกาดอันอวบอิ่ม “ทำไมถึงมีสามรู!?”
“หัวผักกาดของข้าทำไมเหลือแค่ครึ่งเดียว!?”
ปีศาจดำและคนอื่นๆ ก็เข้าไปดูสวนของตัวเองเช่นกัน .. หัวผักกาดของหลายคนหายไปเกือบครึ่ง!
ปีศาจดำทำหน้าสับสนมันเกิดอะไรขึ้น? ของข้าอยู่ที่ไหน? วังจินเองก็สงสัยไม่แพ้กัน
“ใครเป็นคนทำ!?” พวกเขามองไปรอบๆ มีใครอีกบ้างที่จะมาเหยียบที่นี่
ในไม่ช้าพวกเขาก็พบว่าเพื่อนๆ สามารถเข้ามาเยี่ยมชมสวนได้ เมื่อเรียกดูแทบข้างๆ พวกเขาก็เห็นการขอเพิ่มเพื่อนที่เพิ่มขึ้นหลังจากปลูกผัก
“…”
“ชิบ!”
“พวกหัวขโมยจากจิวหัว ขโมยผักของข้า!” ปีศาจดำหัวร้อนเล็กน้อย เขาจำได้ว่าอาจารย์ซงได้ส่งรูปมาหน้าโง่มาให้เขา
“บ้าเอ้ย!” เขาส่งอิโมจิรูปมีดกลับไปทันที
[ท่านถูกขึ้นบัญชีดำโดยผู้ใช้รายนี้]
เขาส่งอิโมจิรูปมีดอีกอัน
[ท่านถูกขึ้นบัญชีดำโดยผู้ใช้รายนี้]
เขาเบิกตาโพลงจึงลองส่งให้อีกคนหนึ่ง
“…”
“แม่งเอ้ย!” เขาโกรธมากและรีบเปิด QQ ตามเหล่าผู้คุมให้มารวมตัวกันที่นี่ [ข้าต้องการฆ่าพวกมัน!]
[เวลาใช้งานประจำวันนี้ของท่านหมดลงแล้ว โปรดกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้]
“…”