“เจ้าหมายถึง .. เจ้าของนั่นออกจากเมื่อไปแล้วใช่มั้ย?” ที่นี่ไม่มีแสงสว่างแม้แต่ชีวิตก็ยังอ่อนแอจนได้กลิ่นความตายลอยโชย
ความเงียบและความเยือกเย็นชวนขนลุกทำให้ที่แห่งนี้เปรียบเสมือนคฤหาสน์ในนรก! โดยสภาพแวดล้อมและเสียงที่ดังลึกฟังดูเหมือนว่าซากศพกำลังคืบคลานออกมาจากหลุมมันก้องอยู่ในห้องโถงหิน จู่ๆ แสงไฟก็เริ่มสว่างไสวขึ้นทีละดวง
ไฟแต่ละดวงค่อยๆ แสดงขึ้นจนสามารถเห็นร่างผู้ปลูกฝังสองคน ทั้งสองใส่ชุดที่คลุมไปด้วยสีดำดูลึกลับ เมื่อพิจารณาจากออร่าที่เปล่งออกมาจากตัวพวกเขาแล้วบอกเลยว่าพวกเขามีความเขามีความแข็งแกร่งสูงมาก
ชายชุดคลุมสีดำผู้นั่งอยู่กลางห้องโถงหินดูลึกลับเขาและความมืดดูกลมกลืนกันอย่างไม่น่าเชื่อสถานะการชวนน่ากลัวจนขนลุก ภายใต้แสงไฟสลัวหากมองดูจะพบว่าชายวัยกลางคนอื่นคนยืนอยู่ในห้องโถ่ง เขาตอบกลับคำถาม “ใช่!”
ลมเย็นๆ โชยพัดเข้ามาในห้องโถงทำให้แสงไฟพลิ้วตามสายลมราวกับว่ามันจะดับลง
ในเมืองครึ่งสมาคมแห่งสวรรค์ดูเหมือนจะได้รับความนิยมอย่างมากหลังจากที่หลายคนหลายกลุ่มได้พิสูจน์แล้วว่าที่นี่เพิ่มพลังด้านการเพาะปลูกได้จริง แม้ว่าหลายคนในตอนแรกจะไม่เชื่อ อย่างไรก็ตามตามคำพูดที่ชวนน่าลองได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งในเมืองและนอกเมืองจึงทำให้กองกำลังต่างๆ เริ่มวางแผนการ
ความแข็งแกร่งไม่สามารถหยุดยั้งผู้คนจากความโลภได้เพราะนั้นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ ยิ่งความโลภความต้องการมากแรงจูงใจก็มากตาม แม้แต่บุคคลมากอำนาจเองก็มีจุดอ่อน หากความอ่อนแอถูกค้นพบพวกเขาก็อาจพลาดได้ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน
สำหรับกองกำลังที่หยั่งรากลึกในเมืองมันไม่ยากเลยที่จะได้รับข่าวสารข้อมูล หลังจากตรวจสอบในวันนี้พวกเขาพบว่าร้านค้าหลักดูเหมือนจะอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลมากซึ่งหมายความว่าพลังอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังร้านค้าและมันไม่สามารถเข้าถึงได้โดยเวลาอันสั้น
แม้ว่าร้านนี้จะสามารถทำลายฉินฮงหลินได้ก็จริง แต่นั้นก็เพราะว่าอยู่ในร้าน หากอยู่นอกร้านก็คงจะอ่อนแอและคงต้องใช้เวลา
ฟางฉีได้กำจัดหลี่หวังกวนไปแล้วไม่ได้หมายความว่าเขาจะแข็งแกร่งพอจะฆ่าใครสักคนในอาณาจักรทะเลดวงดาวนี้อีก กล่างอีกนัยหนึ่งเจ้าของร้านอาจแข็งแกร่งจริงแต่ก็ไม่ได้จะเอาชนะทุกคนเสมอไป
มันเป็นแผนการที่ดีหากพวกเขาจะจับฟางฉีและรีดข้อมูลความลับของร้านค้าจากเขา!
“เขาอยู่ที่ไหน?”
“เมืองมังกรดำ ข้าได้ยินมาังใต้ดินที่นั้นมีความยอดเยี่ยมในการค้นหาเทคนิคจิตวิญญาณอันยอดเยี่ยม หากท่านมีข้อมูลข้าก็หวังว่า ..”
“วังใต้ดิน .. ข้าจะส่งสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณเหล่านั้นไปใช้!” สายลมยังคงพัดโชยแรงขึ้นจนแสงทั้งหมดดับลง ดูเหมือนว่าวิญญาณภูติผีหลายร้อยคนกำลังลอยวนเวียนรับรู้ถึงงานที่ได้รับในความมืด สัมผัสได้นัยย์ๆ ว่าพวกเขากำลังร้องโหยหวนชวนสยอง
…
ณ เมืองมังกรดำ
เมืองนี้มีประชากรน้อยกว่าจิวหัวมาก เนื่องด้วยไม่มีคนธรรมดาหรือสถานะต่ำกว่าเหล่าผู้ฝึกฝนอาศัยอยู่ที่นี่ มีเพียงผู้ฝึกฝนผู้ปลูกฝังหรือสูงกว่านั้นอาศัยอยู่
“ยกโทษให้ข้าด้วย ข้ารักอิสระและทำอะไรไม่คิด” ฟางฉีร้องขอขณะโดนคุมตัว เขาเองมองไปรอบๆ เมืองเพื่อค้นหาแร่หินด้วยความไม่สะท้านสักเท่าไร ผู้ปลูกฝังที่เดินผ่านต่างก็เขาด้วยสีหน้าที่พูดไม่ออก
เมืองนี้ดูดีกว่าเมืองครึ่งอย่างน้อยก็ไม่มีเรือจิตวิญญาณจอดอยู่บนอากาศเหนือเมือง หรือบางทีข้าควรใช้พวกสัตว์เป็นยานพาหนะ เนื่องจากเมืองใหญ่ทุกที่ห้ามบินในเมทองและกฎระเบียบที่นี่นั้นเข้มงอดกว่าเมืองครึ่งเสียอีก
“ไปทางตะวันตก ตรงไปยังใจกลางเมือง!” คนขับเป็นผู้ปลูกฝังระดับสามัญเขาใส่เสื้อผ้าสีเทา ฟางฉีเอ่ยถามเขาเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของเมืองมังกรดำ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา “ข้างหน้าเราคือคฤหาสน์ของผู้บังคับบัญชา!” คนขับเอ่ย
ฟางฉีเงยหน้าขึ้นมองเห็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่มีรถม้าหรูหราหลายคันจอดอยู่หน้าประตู สิ่งที่ดูสะดุดตามากที่สุดคือสิ่งโตสีขาวที่ดูงดงามมาก ฟางฉีสงสัยว่าใครกันเป็นเจ้านาย
คฤหาสน์ของผู้บังคับบัญชา? ฟางฉีมองไปยังกำแพงสูงชั้น โอ้ย! พวกเจ้าทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องยากสำหรับข้า ข้าเป็นคนมีการศึกษาพวกเจ้าพาขามาที่นี่ให้มาขโมยของที่นี่หรอ? ฟางฉีคำนวณความสูงจากพื้นกับกำแพงอย่างช้าๆ หรือข้าควรจะไตร่กำแพงหนี เอ้ะ? ที่นี่มีหมาเฝ้ายามหรือเปล่า?
“ท่านผู้คุมถ้าท่านไม่ต้องการข้าแล้วข้าไปก่อนละ!” ผู้ฝึกฝนตะโกนบอก
“ลาก่อน!” ฟางฉีโบกมือลา
เมื่อรถม้าหายไปฟางฉีจึงเดินเข้าไปใกล้กับประตูคฤหาสน์ช้าๆ ไม่มีทหารยามเลย ข้าจะไปถามใครได้ละเนี่ย อย่างไรก็ตามเขาค่อยๆ ย่องไปข้างหน้าช้าๆ สิงโตขาวส่งเสียงคำรวมขึ้น! มันดูดุร้ายมากจะกระโจนหาเขาเวลาใดก็เดาไม่ถูก
ใช่! ที่นี่ไม่มีหมาเฝ้ายามอย่างที่คาดการณ์ไว้ แต่กลับมีสิงโตแทน! ฟางฉีขมวดคิ้วพลางคิดว่าสถานการณ์นี้ค่อนข้างลำบาก
โฮก! โฮก! มันยังคงคำรามดังขึ้นเรื่อยๆ
ฟางฉีหยิบอิฐจากพื้นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด “ข้าจะปาใส่เจ้า ได้ยินมั้ยถ้าไม่หยุด!”
โฮก! โฮก! โฮก!
“หืม หลบเก่งนี้” เจ้าสิงโตคำราม ฟางฉีเลิกสนใจและรีบไตร่กำแพง
ขณะเดียวกันคนกลุ่มหนึ่งเดินมาใกล้ประตูจากด้านใน ประตูเปิดออกช้าๆ ชายวัยกลางคนดูผมขาวท่าทางสง่างามจับเคราของเขา “ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับการมาเยือนจากนางฟ้าแห่งสำนักหนานหัว แต่ .. ทำไมท่านรีบเดินทางกลับ”
ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม “ท่านมีข้อร้องเรียนใดๆ เกี่ยวกับการต้อนรับของข้ามั้ย?”
หญิงสาวชุดขาวเดินตามออกมา “ท่านผู้นำหวังปู่ข้ามีแผนธุรกิจที่สำคัญจะต้องรีบกลับไปสะสางจึงไม่ข้อรบกวนท่านไปมากกว่านี้”
เธอกวักมือเรียกรถม้า
“เจ้าน้อย ..” เป็นเวลาสั้นที่เธอเอ่ยเรียกพลางหันไปมองรอบๆ
“!!??”
สิงโตขาวที่เฝ้ายามอยู่ ข้างๆ ตัวมันมีอิฐ ..
“เกิดอะไรขึ้น?” เธอเอ่ยขึ้นดังชวนให้ทุกคนมองไปรอบๆ ขณะเดียวกันสายตาของพวกเขาก็ไปสะดุดเขากับร่างที่กำลังไตร่กำแพง จิตใจของพวกเขาตกลงไปที่ตาตุ่ม!