ตอนที่ 273

Black Tech Internet Cafe System

ฟางฉีปัดฝุ่นที่มือออกและมองไปยังด้านข้างเห็นกลุ่มคนกำลังยื่นคุยกันอยู่ ..

 

มีคนกล้าปืนเข้ามาในเขตพื้นที่คฤหาสน์ของท่านผู้บังคับบัญชาในเวลากลางคืนงั้นหรือ!? ดูเหมือนว่าชายคนนี้กล้าทำร้านสิงโตขาวแสนหายากด้วย .. พวกเขาทุกคนรู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติไป

 

ฟางฉีเองก็มัวแต่สนใจกับหน้าอินเทอร์เฟซของระบบ ก็เนี่ยแหละนะไม่ต่างจากการจ้องโทรศัพท์มือถือไม่ดูตาม้าตาเรือสุดท้ายก็ต้องจบลงเช่นนี้ ฟางฉีตำหนิตัวเองและหวังว่าจะย้อนเวลากลับไปได้ แต่สายเกินไปแล้ว

 

ทุกคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาดูอารมณ์ขุ่นเคือง “เจ้าเป็นใคร!?”

 

หญิงสาวชุดขาวผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มรีบเดินเข้าไปหาสิงโตสีขาวและเรียกพลังภายในเพื่อส่งต่อให้เจ้าสิงโต ตอนนี้มันค่อยๆ กลับมามีแรงอีกครั้ง

 

“เจ้าทำมันหรือ?” น้ำเสียงของเธอเย็นชา

 

“อย่าเข้าใจผิด” ฟางฉีพยายามอธิบาย “ข้าพยายามจะเข้าไปข้างในเพื่อหาห้องน้ำ”

 

บรรยากาศเงียบงันและดูจะเลวร้ายกว่าเดิม

 

“เจ้ากำลังมองหาความตาย!” เสียงคำพูดจากปากชายวัยกลางที่มีผมและหนวดเคราสีขาวดังขึ้น “จับเขา!” เขาตะโกน

 

ผู้ปลูกฝังที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาโบกมือ โซ่ในมือเขากลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งเข้าหาฟางฉีเพื่อมัดเขาไว้

 

“นี่คืออะไร!?” ฟางฉีถอยหลังห่างออกไปเกือบสิบเมตรด้วยความรวดเร็ว แต่โซาลำแสงสีดำก็พุ่งตามเขารวดเร็วราวกับงู มันช่างน่าแปลกใจ!

 

“อย่าปล่อยให้เขาหลุดไปได้!” สาวกคนหนึ่งตะโกน “เจ้าเด็กคนนี้กล้าทำร้ายสัตว์หายากของกลุ่มหนานหัวของเรา! เราจะปล่อยให้เขาหลุดออกไปไม่ได้”

 

“ไม่ต้องกังวล!” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น “นี่คือโซ่ล่ามมังกรที่มาจากสำนักมังกรดำของข้า แม้แต่มังกรจากมหาสมุทรก็ไม่สามารถหนีเงื้อมือข้าไปได้! เด็กคนนี้หนีไม่รอดแน่แม้จะไปยังจุดสิ้นสุดของโลกก็ตาม”

 

ในขณะที่เขากำลังพูดและกระชับโซ่สีดำ ชายชุดขาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ท่านผู้บังคับบัญชาโซ่มังกรของท่ายทรงพลังมาก ..”

 

แต่ก่อนอื่นใดที่จะพูดจบประโยคนั้น สายตาของพวกเขาสะดุดเข้ากับดาบที่ห้อยอยู่ที่เอวของฟางฉีในตอนนี้มันกำลังพุ่งมาทางพวกเขาราวกับงู มันค่อยๆ แบ่งออกเป็นสอง สี่ ก่อนจะเพิ่มขึ้นทีละเท่า ดาบโจมตีเข้าที่โซ่ดำราวกับสายฟ้าประกายไฟปรากฏขึ้น!

 

ดาบสายฟ้าหมุนและพุ่งเข้าตัดกับโซ่ราวกับพายุทอร์นาโด! โซ่สีดำถูกตัดขาดและแตกออกจากกันในทันที!

 

ด้วยดาบที่มากมายหลายเล่มล่องลอยอยู่ในอากาศ พร้อมทั้งดาบเล่มที่เขาเหยียบอยู่ เขาค่อยๆ ร่อนลงจากดาบช้าๆ ท้องฟ้าและสายลมในตอนนี้โหมกระหน่ำราวกับพายุ

 

ทุกคนยังคงตกตะลึงและพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า!

 

“โลกนี้ยังมีเทคนิคเกี่ยวกับดาบอยู่อีกหรือ?” ศิษย์หลายคนจากสำนักหนานหัวอุทานออกมา

 

หวังปู่ชักสีหน้าเล็กน้อย ..

 

ฟางฉีมองไปรอบๆ พลางเหลือบมองไปที่หน้าอินเทอร์เฟซ ไม่นะ! แร่หินอยู่กับพวกเขา!

 

“อืม .. ข้าแค่ตกใจที่โดนแบบนี้” ใบหน้าของฟางฉีเรียบง่าย เขาดึงดาบออกจากโซ่ “โซ่มังกรของท่านยอดเยี่ยมมากไม่แปลกใจในชื่อเสียง ข้าเพิ่งจะจัดการกับมันด้วยเทคนิคดาบระดับยี่สิบสาม แน่นอนมันเป็นการใช้เทคนิคที่สุดยอดไปเลย”

 

หวังปู่เต๋านิ่งไปเล็กน้อย

 

“โฮก! โฮก!” สิงโตสีขาวที่อยู่ข้างเขาคำรามอย่างโหดเหี้ยมราวกับอยากจะฉีกฟางฉี

 

ฟางฉีเงียบไปชั่วครู่ “ข้าคิดว่าหมาของท่านต้องได้รับการอบรบบ้าง!”

 

“สร้างที่ล็อคมังกร!” หวังปู่เต๋าระเบิดอารมณ์อย่างดุเดือด “จับเจ้าเด็กนี่ให้ได้ อย่าทำให้สำนักมังกรดำของข้าต้องอับอาย!”

 

สิบนาทีต่อมา การต่อสู้ของเทคนิคดาบอันคมกริบของฟางฉียังคงดุเดือด โดยที่ตัวเขาเองยืนอยู่บนดาบอันพลิ้วไหว

 

“เจ้าหัวขโมยอย่าวิ่ง!”

 

“อย่าไล่ตามข้าเลย!”

 

เมื่อหันมองคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังไล่ตามเขาพลางหยิบหยกสื่อวานออกมา “โมน้อย ถ้าคืนนี้ข้ากลับไม่ทันเที่ยงคืนเจ้าปิดประตูได้เลย!”

 

“อ้อ! แล้วถ้ามีใครบางคนสร้างปัญหาก็แค่ตะโกนขึ้นเลยว่ามีคนกำลังสร้างปัญหาและโยนพวกเขาออกไป” เขาบอกโมน้อย “ไม่ต้องกังวลมันจะไม่เป็นไร!”

 

ทีมผู้ฝึกฝนจากสำนักมังกรดำยังคงจ้องเขาไม่เลิก “ท่านผู้คุม ทำไมเจ้าเด็กคนนี้ยังมีเวลาแวะไปใช้งานหยกสื่อสารอีก!”

 

“เจ้าขาวน้อย เจ้าไวกว่านี้จะได้มั้ย?” สิงโตขาววิ่งด้วยความเร็วพร้อมเสียงคำรามอันเด่นดัง!

 

ฟางฉีเก็บหยกสื่อสารเข้ากระเป๋าและหันมองกลับไปหาพวกเขาอีกครั้ง หืม? พวกเขานี่ตามไม่เลิก!

 

เขาร่ายดาบด้วยมือของเขาพร้อมเพิ่มความเร็วไหนการหลีกหนี

 

… หนึ่งชั่วโมงต่อมา

 

“เจ้า ..​เจ้าเด็ก หยุด!”

 

“โฮกกกกกกก!”

 

ฟางฉีกล่าวว่า “เรานั่งคุยกันแทนมั้ย? เราพูดคุยกันดีๆ ได้นะ”

 

“บ้าเอ้ย!” พวกเขาสบถ

 

“ขาวน้อย! เจ้าวิ่งไวกว่านี้อีกได้มั้ย?” หญิงสาวตบข้างขาสิงโตขาว

 

“โฮก!” มันวิ่งดุเดือดไม่เลิกราวกับไล่สัตว์ป่า

 

หนึ่งคืนผ่านไป ..

 

ฟางฉีจุดบุหรี่พลางนั่งลงบนดาบและสูบมัน

 

ผู้ปลูกฝังของสำนักมังกรดำยังคงวิ่งไปตวาดไป “เจ้า เจ้าเด็ก .. อย่า อย่าวิ่ง!”

 

ผู้ปลูกฝังของกลุ่มหนานหัวก็เช่นกัน “ข้า ข้า ..​วิ่งต่อไป .. ไม่ไหวแล้ว”

 

หวังปู่เต๋าสบถ “ได้ไงกัน ทำไมเจ้าเด็กคนนี้ .. วิ่งเร็วขนาดนี้!”

 

“เจ้าขาวน้อย เจ้าช่วย ..” สิงโตขาวทรุดตัวลงโดยทันใด

 

“ขาวน้อย!” หญิงสาวผิดขาวซีดตะโกนด้วยความตื่นตระหนก เธอรีบอัดฉีดพลังภายในเข้าไปในตัวมันด้วยท่าทางเร่งรีบด้วยความโมโหเธอจึงชี้นิ้วไปทางฟางฉีโดยทันที “แน่จริงก็อย่างวิ่งสิ!”

 

หวังปู่เต๋าพูดเสริม “ถ้าเจ้า ..​ไม่ .. วิ่ง เราจะได้คุยได้ ..”

 

ในตอนนี้ฟางฉีเองได้เข้ามาในคฤหาสน์ของพวกเขาโดยไร้การทำร้ายใดๆ แม้จะยังไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการพูดคุยก็ตาม แต่ตอนนี้พวกเขา ..​หมดแรง!

 

“ฟู่ว!” เขาวางมือบนต้นขาและเหนื่อยหอบ

 

“เจ้าดูมีพลัง เจ้าต้องเป็นคนมีอิทธิพลแน่ .. แต่รู้มั้ยเจ้าไม่ทำอะไรเลยนอกจากหนีน่ะหรอ?” หญิงสาวผิวขาวกัดฟันพูด

 

“ถ้าเจ้าเป็นนักสู้จริงๆ เจ้ากล้าต่อสู้กับข้ามั้ยละ?” เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาปนเหนื่อย

 

ขณะหายใจหอบหวังปู่เต๋ากล่าวว่า “ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ใช่คนจากกลุ่มเล็กๆ ใช่มั้ย? แล้วอาจารย์ของเจ้าไม่ได้สอนอะไรให้บ้างหรอนอกจากการวิ่งหนีศัตรู?”

 

“ฟู่ว!” เขาแทบจะหายใจไม่ทันหลังจากพูดไปหลายคำ

 

“เจ้าต้องการต่อสู้กับข้าแบบตัวต่อตัวมั้ย?” ฟางฉีมองหน้าหวังปู่เต๋าผู้กระตือรือร้นที่อยากจะไฝว้กับเขาเต็มแก่ “เจ้าว่าเข้าจะสู้กับข้าไหวมั้ย?”

 

“ท่านผู้คุมหวังปู่!” หญิงสาวผิวขาวพูดด้วยความเย็นชา “เขาช่างดูถูกและทำร้ายเจ้าขาวน้อยของข้า ในฐานะหัวหน้าข้าจะต้องล้างแค้น!”

 

เธอกัดฟันแน่น “ถ้าข้าเอาชนะเจ้าไม่ได้ในครึ่งชั่วโมง ข้าจะปล่อยเจ้าไปตกลงมั้ย?”

 

เธอลังเลเมือหันไปเห็นใบหน้าของฟางฉี “เจ้ากลัวหรือ?” เธอถามเขา

 

“ครึ่งชั่วโมงเองหรือ?” สาวกของสำนักมังกรดำเปรย

 

“แสงแห่งสวรรค์หนานหัวของศิษย์พี่หลิว .. เธออาจจะเอาชนะเขาได้ก็ได้นะ” หลายคนมองหน้าและพูดคุยกัน

 

“เธอไม่ต้องใช้แสงสวรรค์แห่งหนานหัวหรอก! เธอสามารถใช้สมบัติทางจิตวิญญาณของท่านหัวหน้าคณะที่มองให้เธอเพื่อปราบเขาได้ เพราะพลังนี้เคยใช้ปราบเจ้าแห่งอาณาจักรเดียวกันมาแล้วได้อย่างง่ายดาย”

 

“ข้าว่า ..” ฟางฉีค่อยๆ พูดทีละประโยค “ข้าว่าเรามาต่อสู้เพื่อแลกของรางวัลกันมั้ย? เช่นข้าขอเปลี่ยนเป็นขอรางวัลจากท่านสักชิ้นได้มั้ย? หากท่านไม่รังเกียจหรืออยากจะเพิ่มความยากอะไร ก็สามารถกำหนดเกณฑ์มาได้เลย”