ฟางฉีปัดฝุ่นที่มือออกและมองไปยังด้านข้างเห็นกลุ่มคนกำลังยื่นคุยกันอยู่ ..
มีคนกล้าปืนเข้ามาในเขตพื้นที่คฤหาสน์ของท่านผู้บังคับบัญชาในเวลากลางคืนงั้นหรือ!? ดูเหมือนว่าชายคนนี้กล้าทำร้านสิงโตขาวแสนหายากด้วย .. พวกเขาทุกคนรู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติไป
ฟางฉีเองก็มัวแต่สนใจกับหน้าอินเทอร์เฟซของระบบ ก็เนี่ยแหละนะไม่ต่างจากการจ้องโทรศัพท์มือถือไม่ดูตาม้าตาเรือสุดท้ายก็ต้องจบลงเช่นนี้ ฟางฉีตำหนิตัวเองและหวังว่าจะย้อนเวลากลับไปได้ แต่สายเกินไปแล้ว
ทุกคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาดูอารมณ์ขุ่นเคือง “เจ้าเป็นใคร!?”
หญิงสาวชุดขาวผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มรีบเดินเข้าไปหาสิงโตสีขาวและเรียกพลังภายในเพื่อส่งต่อให้เจ้าสิงโต ตอนนี้มันค่อยๆ กลับมามีแรงอีกครั้ง
“เจ้าทำมันหรือ?” น้ำเสียงของเธอเย็นชา
“อย่าเข้าใจผิด” ฟางฉีพยายามอธิบาย “ข้าพยายามจะเข้าไปข้างในเพื่อหาห้องน้ำ”
บรรยากาศเงียบงันและดูจะเลวร้ายกว่าเดิม
“เจ้ากำลังมองหาความตาย!” เสียงคำพูดจากปากชายวัยกลางที่มีผมและหนวดเคราสีขาวดังขึ้น “จับเขา!” เขาตะโกน
ผู้ปลูกฝังที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาโบกมือ โซ่ในมือเขากลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งเข้าหาฟางฉีเพื่อมัดเขาไว้
“นี่คืออะไร!?” ฟางฉีถอยหลังห่างออกไปเกือบสิบเมตรด้วยความรวดเร็ว แต่โซาลำแสงสีดำก็พุ่งตามเขารวดเร็วราวกับงู มันช่างน่าแปลกใจ!
“อย่าปล่อยให้เขาหลุดไปได้!” สาวกคนหนึ่งตะโกน “เจ้าเด็กคนนี้กล้าทำร้ายสัตว์หายากของกลุ่มหนานหัวของเรา! เราจะปล่อยให้เขาหลุดออกไปไม่ได้”
“ไม่ต้องกังวล!” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น “นี่คือโซ่ล่ามมังกรที่มาจากสำนักมังกรดำของข้า แม้แต่มังกรจากมหาสมุทรก็ไม่สามารถหนีเงื้อมือข้าไปได้! เด็กคนนี้หนีไม่รอดแน่แม้จะไปยังจุดสิ้นสุดของโลกก็ตาม”
ในขณะที่เขากำลังพูดและกระชับโซ่สีดำ ชายชุดขาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ท่านผู้บังคับบัญชาโซ่มังกรของท่ายทรงพลังมาก ..”
แต่ก่อนอื่นใดที่จะพูดจบประโยคนั้น สายตาของพวกเขาสะดุดเข้ากับดาบที่ห้อยอยู่ที่เอวของฟางฉีในตอนนี้มันกำลังพุ่งมาทางพวกเขาราวกับงู มันค่อยๆ แบ่งออกเป็นสอง สี่ ก่อนจะเพิ่มขึ้นทีละเท่า ดาบโจมตีเข้าที่โซ่ดำราวกับสายฟ้าประกายไฟปรากฏขึ้น!
ดาบสายฟ้าหมุนและพุ่งเข้าตัดกับโซ่ราวกับพายุทอร์นาโด! โซ่สีดำถูกตัดขาดและแตกออกจากกันในทันที!
ด้วยดาบที่มากมายหลายเล่มล่องลอยอยู่ในอากาศ พร้อมทั้งดาบเล่มที่เขาเหยียบอยู่ เขาค่อยๆ ร่อนลงจากดาบช้าๆ ท้องฟ้าและสายลมในตอนนี้โหมกระหน่ำราวกับพายุ
ทุกคนยังคงตกตะลึงและพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า!
“โลกนี้ยังมีเทคนิคเกี่ยวกับดาบอยู่อีกหรือ?” ศิษย์หลายคนจากสำนักหนานหัวอุทานออกมา
หวังปู่ชักสีหน้าเล็กน้อย ..
ฟางฉีมองไปรอบๆ พลางเหลือบมองไปที่หน้าอินเทอร์เฟซ ไม่นะ! แร่หินอยู่กับพวกเขา!
“อืม .. ข้าแค่ตกใจที่โดนแบบนี้” ใบหน้าของฟางฉีเรียบง่าย เขาดึงดาบออกจากโซ่ “โซ่มังกรของท่านยอดเยี่ยมมากไม่แปลกใจในชื่อเสียง ข้าเพิ่งจะจัดการกับมันด้วยเทคนิคดาบระดับยี่สิบสาม แน่นอนมันเป็นการใช้เทคนิคที่สุดยอดไปเลย”
หวังปู่เต๋านิ่งไปเล็กน้อย
“โฮก! โฮก!” สิงโตสีขาวที่อยู่ข้างเขาคำรามอย่างโหดเหี้ยมราวกับอยากจะฉีกฟางฉี
ฟางฉีเงียบไปชั่วครู่ “ข้าคิดว่าหมาของท่านต้องได้รับการอบรบบ้าง!”
“สร้างที่ล็อคมังกร!” หวังปู่เต๋าระเบิดอารมณ์อย่างดุเดือด “จับเจ้าเด็กนี่ให้ได้ อย่าทำให้สำนักมังกรดำของข้าต้องอับอาย!”
สิบนาทีต่อมา การต่อสู้ของเทคนิคดาบอันคมกริบของฟางฉียังคงดุเดือด โดยที่ตัวเขาเองยืนอยู่บนดาบอันพลิ้วไหว
“เจ้าหัวขโมยอย่าวิ่ง!”
“อย่าไล่ตามข้าเลย!”
เมื่อหันมองคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังไล่ตามเขาพลางหยิบหยกสื่อวานออกมา “โมน้อย ถ้าคืนนี้ข้ากลับไม่ทันเที่ยงคืนเจ้าปิดประตูได้เลย!”
“อ้อ! แล้วถ้ามีใครบางคนสร้างปัญหาก็แค่ตะโกนขึ้นเลยว่ามีคนกำลังสร้างปัญหาและโยนพวกเขาออกไป” เขาบอกโมน้อย “ไม่ต้องกังวลมันจะไม่เป็นไร!”
ทีมผู้ฝึกฝนจากสำนักมังกรดำยังคงจ้องเขาไม่เลิก “ท่านผู้คุม ทำไมเจ้าเด็กคนนี้ยังมีเวลาแวะไปใช้งานหยกสื่อสารอีก!”
“เจ้าขาวน้อย เจ้าไวกว่านี้จะได้มั้ย?” สิงโตขาววิ่งด้วยความเร็วพร้อมเสียงคำรามอันเด่นดัง!
ฟางฉีเก็บหยกสื่อสารเข้ากระเป๋าและหันมองกลับไปหาพวกเขาอีกครั้ง หืม? พวกเขานี่ตามไม่เลิก!
เขาร่ายดาบด้วยมือของเขาพร้อมเพิ่มความเร็วไหนการหลีกหนี
… หนึ่งชั่วโมงต่อมา
“เจ้า ..เจ้าเด็ก หยุด!”
“โฮกกกกกกก!”
ฟางฉีกล่าวว่า “เรานั่งคุยกันแทนมั้ย? เราพูดคุยกันดีๆ ได้นะ”
“บ้าเอ้ย!” พวกเขาสบถ
“ขาวน้อย! เจ้าวิ่งไวกว่านี้อีกได้มั้ย?” หญิงสาวตบข้างขาสิงโตขาว
“โฮก!” มันวิ่งดุเดือดไม่เลิกราวกับไล่สัตว์ป่า
หนึ่งคืนผ่านไป ..
ฟางฉีจุดบุหรี่พลางนั่งลงบนดาบและสูบมัน
ผู้ปลูกฝังของสำนักมังกรดำยังคงวิ่งไปตวาดไป “เจ้า เจ้าเด็ก .. อย่า อย่าวิ่ง!”
ผู้ปลูกฝังของกลุ่มหนานหัวก็เช่นกัน “ข้า ข้า ..วิ่งต่อไป .. ไม่ไหวแล้ว”
หวังปู่เต๋าสบถ “ได้ไงกัน ทำไมเจ้าเด็กคนนี้ .. วิ่งเร็วขนาดนี้!”
“เจ้าขาวน้อย เจ้าช่วย ..” สิงโตขาวทรุดตัวลงโดยทันใด
“ขาวน้อย!” หญิงสาวผิดขาวซีดตะโกนด้วยความตื่นตระหนก เธอรีบอัดฉีดพลังภายในเข้าไปในตัวมันด้วยท่าทางเร่งรีบด้วยความโมโหเธอจึงชี้นิ้วไปทางฟางฉีโดยทันที “แน่จริงก็อย่างวิ่งสิ!”
หวังปู่เต๋าพูดเสริม “ถ้าเจ้า ..ไม่ .. วิ่ง เราจะได้คุยได้ ..”
ในตอนนี้ฟางฉีเองได้เข้ามาในคฤหาสน์ของพวกเขาโดยไร้การทำร้ายใดๆ แม้จะยังไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการพูดคุยก็ตาม แต่ตอนนี้พวกเขา ..หมดแรง!
“ฟู่ว!” เขาวางมือบนต้นขาและเหนื่อยหอบ
“เจ้าดูมีพลัง เจ้าต้องเป็นคนมีอิทธิพลแน่ .. แต่รู้มั้ยเจ้าไม่ทำอะไรเลยนอกจากหนีน่ะหรอ?” หญิงสาวผิวขาวกัดฟันพูด
“ถ้าเจ้าเป็นนักสู้จริงๆ เจ้ากล้าต่อสู้กับข้ามั้ยละ?” เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาปนเหนื่อย
ขณะหายใจหอบหวังปู่เต๋ากล่าวว่า “ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ใช่คนจากกลุ่มเล็กๆ ใช่มั้ย? แล้วอาจารย์ของเจ้าไม่ได้สอนอะไรให้บ้างหรอนอกจากการวิ่งหนีศัตรู?”
“ฟู่ว!” เขาแทบจะหายใจไม่ทันหลังจากพูดไปหลายคำ
“เจ้าต้องการต่อสู้กับข้าแบบตัวต่อตัวมั้ย?” ฟางฉีมองหน้าหวังปู่เต๋าผู้กระตือรือร้นที่อยากจะไฝว้กับเขาเต็มแก่ “เจ้าว่าเข้าจะสู้กับข้าไหวมั้ย?”
“ท่านผู้คุมหวังปู่!” หญิงสาวผิวขาวพูดด้วยความเย็นชา “เขาช่างดูถูกและทำร้ายเจ้าขาวน้อยของข้า ในฐานะหัวหน้าข้าจะต้องล้างแค้น!”
เธอกัดฟันแน่น “ถ้าข้าเอาชนะเจ้าไม่ได้ในครึ่งชั่วโมง ข้าจะปล่อยเจ้าไปตกลงมั้ย?”
เธอลังเลเมือหันไปเห็นใบหน้าของฟางฉี “เจ้ากลัวหรือ?” เธอถามเขา
“ครึ่งชั่วโมงเองหรือ?” สาวกของสำนักมังกรดำเปรย
“แสงแห่งสวรรค์หนานหัวของศิษย์พี่หลิว .. เธออาจจะเอาชนะเขาได้ก็ได้นะ” หลายคนมองหน้าและพูดคุยกัน
“เธอไม่ต้องใช้แสงสวรรค์แห่งหนานหัวหรอก! เธอสามารถใช้สมบัติทางจิตวิญญาณของท่านหัวหน้าคณะที่มองให้เธอเพื่อปราบเขาได้ เพราะพลังนี้เคยใช้ปราบเจ้าแห่งอาณาจักรเดียวกันมาแล้วได้อย่างง่ายดาย”
“ข้าว่า ..” ฟางฉีค่อยๆ พูดทีละประโยค “ข้าว่าเรามาต่อสู้เพื่อแลกของรางวัลกันมั้ย? เช่นข้าขอเปลี่ยนเป็นขอรางวัลจากท่านสักชิ้นได้มั้ย? หากท่านไม่รังเกียจหรืออยากจะเพิ่มความยากอะไร ก็สามารถกำหนดเกณฑ์มาได้เลย”