ช่างเป็นเมืองแห่งความรุ่งอรุณและแบจะไม่มีใครอาศัยอยู่ในใจกลางเมือง ..
“เจ้าเด็ก ..” สาวกจากกลุ่มหนานหัวกำลังพูดถึงแสงสวรรค์แห่งหนานหัวและสมบัติทางจิตวิญญาณแต่ดันถูกขัดจังหวะ “เจ้าอยากให้มันยากกว่านี้หรอ?”
หืม .. ช่างกล้าหาญเหลือเกิน
เจ้าคงจะโชคดีมากหากรอดพ้นครั้งนี้ไป กล้าที่จะเอ่ยปากขอ!
“ศิษย์พี่หลิว!” สาวกหญิงคนหนึ่งยืนขึ้นและพูดว่า “ถ้าท่านไม่สั่งสอนผู้ชายคนนี้ เขาจะต้องเข้าใจผิดเป็นแน่ว่าตัวเองคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก”
“เด็กคนนี้ช่างไม่ละอาย เราต้องสอนบทเรียนที่ยากให้แก่เขา!”
“เจ้าเด็กนี้ช่างโลภนัก แถมยังกล้าขอรางวัลโดยไร้ยางอายอีก!”
ขณะเดียวกันผู้ปลูกฝังของสำนักมังกรดำและกลุ่มหนานหัวต่างตะโกนด้วยความไม่พอใจ “เจ้ามันโลภ!”
“เจ้าจะบอกว่าข้าโลภได้อย่างไร” ฟางฉีกล่าว “ถือเป็นการดูถูกกันนี่ นี่เป็นการเดิมพันที่ยุติธรรม ถ้าข้าแพ้ข้าจะแบ่งเทคนิคการควบคุมดาบของข้าให้พวกท่านตกลงมั้ย?”
“อะไรนะ!?” หวังปู่เต๋าทำหน้างง แม้ว่าฟางฉีจะสามารถใช้เทคนิคการควบคุมดาบได้โดยที่เขายังไม่ถึงระดับผู้ปลูกฝังแต่หวังปู่เต๋ารู้สึกชอบที่เทคนิคดาบนี้หากมันสามารถทำให้เขาบินได้ เขาคิด
เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ฟางฉีใจกล้าวางเดิมพันด้วยเทคนิคนี้!
ไหล่ของหญิงสาวชุดขาวสั่นสะเทือนด้วยความโกรธ กลุ่มหนานหัวคือกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งเลยก็ว่าได้ในทะเลดวงดาวแห่งนี้ เธอได้ศึกษาเวทย์ทนตร์ทางจิตวิญญาณที่เป็นความลับทุกอย่างของสำนักนับตั้งแต่เธอจำความได้และความแข็งแกร่งในการฝึกฝนของเธอเหนือกว่าคู่แข่งที่ผ่านมาเป็นไหนๆ เธอสมควรได้รับฉายาว่านางฟ้าแห่งหนานหัว!
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอดูเหมือนว่าเขาจะเป็นแค่ผู้ฝึกฝนระดับเริ้มต้น แต่ดันเย่อหยิ่งเหลือเกิดแถมยังดูถูกพวกเธอด้วยเดิมพันแบบนี้!
“ตกลง!” เสียงของเธอสั่นด้วยความโกรธ “ขอมาก็จัดให้!”
นิ้วเรียวบางของเธอผายออกให้เกล็ดหิมะสีขาวหลายก้อนยิงพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเธอ เส้นไหมน้ำแข็งบางๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับมังกรบินและขดตัวเข้าหากันช้าๆ พวกมันกลายเป็นกรงโปร่งแสงที่ทำจากน้ำแข็งและกักขังฟางฉีไว้ตรงกลาง!
ข้าใจดีขนาดนี้แถมยังให้การต่อสู้ที่ยุติธรรมแก่เจ้าทำไมเจ้าถึงได้โกรธเคืองนัก? ฟางฉีครุ่นคิดด้วยความไม่พอใจนัก
“สมบัตินี้คืออะไร? มันช่างทรงพลัง!” ผู้ปลูกฝังจากสำนักมังกรดำเอ่ยถาม “เราควรสร้างกรงล็อคมังกรเพื่อสนับสนุนสมบัติทางจิตวิญญาณนี้!”
“นี่เป็นสมบัติทางจิตวิญญาณชิ้นแรกที่ข้าได้รับจากหัวหน้าสำนักมันมีชื่อว่าใยไหมหิมะ มันได้รับการขัดเกลาด้วยไหมน้ำแข็งที่มีสะสารสะสมมากมายถึงสามพันปี สาระสำคัญของสมบัติชิ้นนี้หัวหน้าสำนักของเราใช้เวลาสามปีในการสร้างขุมทรัพย์นี้” ผู้ปลูกฝังคนหนึ่งของกลุ่มหนานหัวอธิบายด้วยความภาคภูมิใจ “ใบไหมไม่เพียงแต่จะทนไฟและกันน้ำเท่านั้น แต่มันยังสามารถตรึงจิตใจของผู้คนได้ หากใครถูกจับได้พวกเขาต้องยอมจำนวนจนเหลือเพียงทางเลือกเดียว!”
“สมบัติทางจิตวิญญาณของเจ้าอยู่ที่ไหน?” หญิงสาวผิวขาวเอ่ยถามพลางร่ายใยไหมจิตวิญญาณ
ฟางฉีชี้นิ้วไปที่ดาบข้างๆ เขาและพูดว่า “สำหรับข้าดาบเล่มเดียวก็เพียงพอแล้ว”
“อวดดี!” หญิงสาวปลดปล่อยพลังทางจิตวิญญาณไปรอบๆ ในตอนนี้ฟางฉีถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง
อากาศโดยรอบเริ่มเหน็บหนาวและแข็งตัว!
“ถอยออกมา!” เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น ผู้คนเริ่มถอยหลังกลับ
พื้นดินที่พวกเขากำลังยืนอยู่ในตอนนี้ถูกแช่แข็งไปด้วย หากพวกเขาถอยช้ากว่านี้อาจกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง!
พลังงานอันเยือกแข็งที่ยิ่งใหญ่ควบแน่นไปทั่วเพื่อนที่รอบๆ ใยไหมที่เพรียวเรียวบางทำให้ความชื้นในอากาศค่อยๆ กลายเป็นน้ำค้าง ดูเหมือนมังกรหลายตัวที่ก่อตัวขึ้นจากน้ำแข็งกำลังบินวนอยู่เต็มท้องฟ้า!
กรงหิมะเริ่มหดตัวลง!
“เจ้าเด็กนั่นเสร็จเราแล้ว!” เหล่าสาวกของหนานหัวเอ่ยด้วยความร่าเริง หลังจากที่พวกเขาได้ใช้สมบัติขั้นสูงของกลุ่ม ไม่มีปฏิหาริย์ใดจะช่วยเขาได้!
“ยอใรับความพ่ายแพ้ซะ! เจ้าอยากตายในกรงหิมะของศิษย์พี่หลิวงั้นหรือ!?” ศิษย์ของหนานหัวตะโกนเย้ย
“ข้าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่ง แต่ข้าคิดผิด .. ความจริงนั้นเจ้าอ่อนแอมาก!”
“เจ้าจะยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้หรือไม่?” หญิงสาวผิวขาวเดินเข้าไปกับกรงน้ำแข็งพร้อมย่อตัวเพื่อมองคนที่ถูกขังด้วยความไม่พอใจ
ขณะเดียวกันเหล่าศิษย์ของเธอก็ตัวแข็งในทันที
กรงน้ำแข็งแยกออกจากกันโดยสมบูรณ์พร้อมเสียงตะโกนที่ตามมา “ดาบ! ดาบ! ดาบมา!”
เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นจริงหรือไม่ .. แต่แล้วเสียงอึกทึกก็ดังขึ้นจากท้องฟ้าเธอแอบประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมอง ใช่! ท้องฟ้าในตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยดาบ
ตู้ม! ตู้ม!
ดาบจำนวนมากถล่มลงคล้ายกับดาวตก แม้แต่กรงน้ำแข็งยังแตกเป็นเสี่ยงๆ ใยไหมที่อวดนักอวดหนาว่าแข็งแกร่งก็ถูกตรึงลงกับพื้น!
พวกเขาทั้งหมดอ้าปากค้างในที่เกิดเหตุ ใจกลางของดาบนับหมื่นชายหนุ่มนั้นคีบบุหรี่โดยไม่รู้ร้อยรู้หนาว .. ฝั่งผู้คนที่อยู่โดยรอบต้องรีบถอยกรูดไปตั้งหลังหลายสิบก้าว
หากถูกดาบแทงเข้าพวกเขาคงตายซ้ำตายซากเป็นแน่ ..
หญิงสาวพยายามที่จะดึงใยไหมที่ถูกดึงบนพื้น แต่มันล้มเหลว .. เธอยอมแพ้ในทันที
เมื่อเห็นว่าการแสดงของเธอเริ่มเย็นชา ฟางฉีกลัวว่าเธอจะโกรธเกินขีดจำกัด เขาจึงรีบพูดกับเธอว่า “เจ้าบังคับให้ข้าทำแบบนี้ ..”
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเองชื่อสมบัติชิ้นนั้นของเธอไม่ได้ เขาได้แต่พูดว่า “ข้าว่านั่น .. มีพลังมากจริงๆ”
ด้วยความพ่ายแพ้และกลัวเสียหน้าเธอจึงควักเอาหยกสมบัติทางจิตวิญญาณสองชิ้นออกมา มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีไว้เก็บจิตวิญญาณ มีรูปร่างคล้ายกับรูปสัตว์
เมื่อโบกหยกสองครั้ง เสียงลมอันโหยหวนพร้อมกับสายฟ้าฟาดก็ผ่าลงทันที
“มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับมันบ้าง?”
“ลม .. ลมคำราม!” สาวกของกลุ่มหนานหัวเหงื่อไหลอาบคอ “ใบมีดจากสายลมกำลังคำราม เด็กคนนี้ต้องเสร็จศิษย์พี่หลิวแน่!”
คลื่นลมแปรรูปเป็นพายุ พัดพาความสยองขวัญมาในทันตา
“ทำไมลมถึงไม่ส่งผลกระทบต่อเจ้าเลย!” หญิงผิวขาวส่งพลังภายในออกไป
“เจ้าหมายความว่าไง?” ฟางฉีส่ายหัวและทิ้งก้นบุหรี่ “ข้ารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย แต่ดีขึ้นแล้วละหลังจากเลิกสูบ!”
เขามอบบุหรี่ที่เหลือให้เธอแล้วถามว่า “เจ้าอยากลองมั้ย? มันจะเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายเจ้า!”
“!!??”
เจ้านี่มัน!
นางฟ้าจากหนานหัวร่ายคาถาจิตวิญญาณด้วยมือทั้งสองและสวดมนตร์อันยาวนาน จากนั้นร่างกายของเธอถูกยกขึ้นด้วยพลังอันลึกลับ สายลมแห่งสวรรค์และสภาพแวดล้อมโดยรอบกลายเป็ยความมืดขณะที่สายฟ้าและสายลมกำลังหมุนรอบตัวเธอราวกับงู!
สาวกของกลุ่มหนานหัวซุบซิบกัน “เข้าละตื่นเต้น ศิษย์พี่กำลังใช้แสงสวรรค์ของหนานหัว!”
“ข้าประหลาดใจที่ได้เห็นนางฟ้าคนปัจจุบันใช้เทคนิคแสง” แม้แต่หวังปู่เต๋าเองยังมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความชื่นชมปนแปลกใจ