หลินจือสาบานได้ว่าเธอไม่เคยรู้สึกว่าเรื่องเทาเท่จะไม่สามารถบอกใครได้มาก่อนเลย
ความจริงแล้วเธอไม่รู้ว่าทำไมเทาเท่ถึงได้มีความคิดแบบนี้ บอกใครไม่ได้ ไม่ถูกยอมรับ ดูเหมือนจะเป็นเธอมาโดยตลอด
เห็นเธอเงียบไป เทาเท่ก็ดูเหมือนจะยิ่งโกรธ ทางปลายสายนั้นออกคำสั่งกับเธอขึ้นมา : “คุณรีบไปทำความจริงให้กระจ่างให้ผมเดี๋ยวนี้เลย! ทั้งแก่ทั้งขี้เหร่อะไร คำพวกนี้ผมไม่อยากเห็นมันอีก!”
หลินจือลำบากใจมาก
ถึงแม้จะบอกว่าเรื่องเทาเท่ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถบอกใครได้ แต่เวลานี้เธอไม่อยากจะเปิดเผยว่าเขาคืออดีตสามีของเธอจริงๆ
ตอนนี้เธอยืนอยู่ในช่วงชีวิตที่ยากลำบาก ถ้าหากประกาศออกไปว่าเธอเคยแต่งงานกับเทาเท่ พวกผู้หญิงในเมืองเจสเวิร์ดที่รักและชื่นชอบเขาก็จะมาแหกอกเธอได้
และยังมีแฟนคลับของซูซีอีก ไม่รู้ว่าจะด่าว่าเธออย่างไร
“เทาเท่…….” หลินจือไม่ค่อยได้เรียกชื่อของเขานอกจาก “ประธานเทาเท่” “ฉันไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องของคุณจะบอกใครไม่ได้นะคะ แต่–”
หลังจากที่หลินจือพูดคำว่า “แต่”ออกมานั้น เทาเท่ก็หงุดหงิดขึ้นมา : “ผมไม่อยากฟังคำพูดของคุณหลังจากคำว่าแต่!”
เขาทิ้งคำพูดเอาไว้แค่นี้แล้วก็วางสายไป หลินจือมองดูโทรศัพท์ที่ถูกเขาวางสายใส่อย่างปวดหัว
เธออยากจะอธิบายสถานการณ์ของเธอในตอนนี้ หวังว่าเขาจะสามารถเข้าใจเธอได้ แต่ใครจะรู้ว่าจะไม่มีทางคุยกับเขาได้เลย
ที่หลินจือไม่เข้าใจก็คือ ถึงแม้ว่าคำด่าบนอินเตอร์เน็ตนั้นจะไม่ได้น่าฟัง แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขาซักนิดเลยไม่ใช่หรือ?
เขาไม่ได้แก่แล้วก็ไม่ได้ขี้เหร่ ร่างกายที่ถอดเสื้ออกมาแล้วก็มีกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบ อืม ความสามารถบางด้านก็ไม่ได้อ่อนเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วเขาโมโหอะไร?
แล้วอีกอย่าง ก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเขาเสียหน่อย
หลินจืออ่านประเด็นที่โจมตีอดีตสามีของเธอบนอินเตอร์เน็ตอีกครั้ง ไม่รู้เลยว่าควรจะทำอย่างไร
เปิดเผยออกมาว่าอดีตสามีก็คือเทาเท่ เธอไม่กล้าเลยจริงๆ
และตอนที่เธอกำลังสับสนอยู่นั้น จู่ๆบนอินเตอร์เน็ตก็มีปรากฏเสียงอื่นขึ้น
เป็นเพราะมีคนออกมาพูดแทนเธอ พิสูจน์ได้ว่าสามีของเธอนั้นอายุยังน้อย หล่อเหลา และร่ำรวย
หลินจือดูweiboที่บุคคลนั้นโพสต์มาแล้ว เธอก็ปิดหน้าแล้วอยากจะเป็นลมไปเลย
คนๆนั้นคงจะเป็นแฟนคลับคนเก่าในweiboของเธอ เนื่องจากว่าหลักฐานของเธอนั้นคือweiboที่หลินจือเคยโพสต์ลงเมื่อนานมาแล้ว
“ในฐานะที่เป็นแฟนคลับที่คอยแอบติดตามพี่สาวที่อ่อนโยนมาโดยตลอด ฉันขอพูดเอาไว้ประโยคนึงนะ : สามีของพี่สาวไม่ใช่คนที่ทั้งแก่ ทั้งขี้เหร่ และตัวใหญ่อะไรนั่นอย่างแน่นอน
พี่สาวเคยโพสต์ด้านหลังของสามีเอาไว้ ไหล่กว้าง ผอมมีเอว รูปร่างสมบูรณ์แบบเหมือนกับนายแบบเลย”
หลังจากนั้นก็แนบรูปที่หลินจือเคยโพสต์เอาไว้ในweibo เป็นรูปเบื้องหลังของผู้ชายคนหนึ่ง
ผู้ชายในรูปสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัว มือข้างหนึ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกงยืนอยู่ข้างๆหน้าต่างดูเหมือนกับกำลังคุยโทรศัพท์อยู่อย่างไรอย่างนั้น
ถึงแม้จะไม่ได้ปรากฏใบหน้า แต่รูปร่างที่สมบูรณ์แบบและความสง่างามที่มีมาตั้งแต่กำเนิดก็ยังคงเปิดเผยออกมาได้อย่างไม่มีอะไรหลงเหลือ
รูปนี้เป็นรูปที่หลินจือแอบถ่ายเอาไว้ ในตอนนั้นทั้งในใจและในสายตาของเธอนั้นก็มีแต่เทาเท่
ประกอบกับวันนั้นพวกเขาเพิ่งจะสิ้นสุดกับความรักที่อ่อนโยนอย่างไร้ขีดจำกัด ในใจของเธอนั้นมีความรู้สึกที่อ่อนโยนมาก จึงอดที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแอบถ่ายเขาไว้ไม่ได้
ตอนที่โพสต์ลงในweiboนั้น เธอยังลงข้อความเอาไว้ว่า : รักเขามากจริงๆ
ตอนนี้หลินจือเห็นความรู้สึกของตัวเองในตอนนั้นแล้ว ก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา
ที่สำคัญก็คือ ตอนนี้เนื้อหาในวันเก่าๆได้ถูกพลิกออกมา เทาเท่เองก็จะเห็น หลินจือจะไม่อยากสลบไปเลยได้อย่างไรกัน?
หลังจากที่ข้อความนี้โพสต์ในweiboแล้ว ทางด้านล่างนั้นก็มีความคิดเห็นต่างๆมากมายขึ้นมาในทันที :
“ฉันเองก็เป็นแฟนคลับของพี่สาวคนนี้เหมือนกัน สามีของพี่สาวสูงมาก เมื่อก่อนพี่สาวเคยโพสต์ในweiboว่า : ยืนจูบกับเขาเหนื่อยมากจริงๆ คอแทบจะหักอยู่แล้ว เห็นรูปในลิฟต์ที่พี่สาวถูกเปิดเผยตัวตนออกมาแล้ว ความสูงอย่างน้อยๆก็น่าจะ165 ถ้าอย่างนั้นสามีจะต้องสูงถึง180แน่ๆ”
แล้วบุคคลนี้ก็โพสต์รูปหนึ่งออกมาด้วยเช่นกัน เป็นweiboที่เธอบอกว่า ยืนจูบกับเขาเหนื่อยมากจริงๆโพสต์นั้นเอง
หลินจือร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาอีกครั้ง
คนพวกนี้ทำไมถึงได้มีความเคยชินที่จะแคปรูปเนื้อหาในweiboของคนอื่นเอาไว้แบบนี้กัน?
เธอคิดว่าเนื้อหาเมื่อก่อนจะถูกจัดการออกไปหมดแล้วเสียอีก จะไม่มีใครรู้เนื้อหาพวกนั้นที่เธอเคยโพสต์ลงไปแล้ว
แต่นี่weiboที่เธอคร่ำครวญเหล่านั้น และยังมีชื่อบัญชีweibo “หลินเท่ฟอร์เอเวอร์”อะไรนั่นอีก ก็ปกปิดเอาไว้ไม่มิดแล้ว
หลังจากที่เทาเท่เห็นแล้ว เกรงว่าจะยิ่งเกลียดเธอตายแล้ว
ด้านล่างนั้นก็ยังคงโพสต์ความคิดเห็นกันอย่างต่อเนื่อง : เมื่อก่อนพี่สาวยังเคยโชว์มือของสามีเธอด้วย มือเรียวยาวสมบูรณ์แบบแบบนี้ จะเป็นผู้ชายแก่ตัวใหญ่ได้ยังไง?
จากนั้นก็มีอีกรูปหนึ่งขึ้นมา หลินจือเห็นจนรู้สึกชินไปแล้ว
ยังดีที่เธอโพสต์แค่ไม่กี่รูปนั้น ส่วนอื่นๆก็เป็นข้อความของแฟนคลับ
“ชอบคนหนึ่งคนมีความรู้สึกแบบไหนกัน? เพียงแค่เห็นเขา ในใจก็เหมือนกับมีดอกไม้บานออกมาอย่างนับไม่ถ้วน”
“เขาไปทำงานนอกสถานที่วันแรก คิดถึงเขา”
“วันที่สอง ก็ยังคิดถึงเขา”
“วันที่สาม ไม่มีวิธีอะไรเลยที่จะสามารถทำให้หยุดคิดถึงได้”
“วันที่สี่ เขากลับมาในตอนกลางคืน หัวใจของฉันก็ลุ่มหลงตามไปด้วย”
หลินจือคิดไม่ถึงเลยว่า บัญชีที่เธอใช้บันทึกชีวิตของเธอ แฟนคลับที่มีน้อยนิด จะมีผู้ติดตามมากขนาดนี้ และไม่คิดว่าจะเก็บเนื้อหาweiboของเธอเอาไว้ด้วย
จากคำวิพากษ์วิจารณ์ของพวกเขาสามารถเห็นได้ว่า พวกเขาชื่นชมและชื่นชอบเธอ ดังนั้นถึงได้ออกมาสนับสนุนเธออย่างในตอนนี้
ถึงแม้ว่าตอนนั้นที่เธอโพสต์weibo พวกเขาจะมาแสดงความคิดเห็นบ้างเป็นบางครั้งบางคราว และเธอก็ไม่เคยไปตอบความคิดเห็นใดๆอีกด้วย แต่พวกเขาเสียงที่ส่งออกมาในด้านบวกเหล่านี้ ช่วยเรียกภาพลักษณ์ของเธอกลับคืนมาได้มาก
หรือบางทีสิ่งที่สวยงาม จะสามารถหยั่งลึกลงในหัวใจของคนเราได้
หลินจือรู้สึกซาบซึ้งใจมากเหลือเกิน
หลังจากที่ความคิดเห็นเหล่านี้ถูกขึ้นติดอันดับการค้นหาแล้วนั้น มือถือของหลินจือก็ได้รับรูปที่เทาเท่แคปหน้าจอส่งมาให้เธอ ก็คือรูปที่พวกเขาโพสต์ลงในความคิดเห็นเหล่านั้น
หลินจืออยากจะแกล้งตายเสียจริงๆ แต่คิดแล้วก็ยังเลือกที่จะตอบขอโทษเขากลับไป : “ประธานเทาเท่ ขอโทษนะคะ ต้องโทษที่ตอนนั้นฉันยังเด็กไม่รู้ความ ไม่มีสมองคิด ถึงได้โพสต์เนื้อหาที่เลี่ยนๆแบบนั้นออกไป ถ้าหากทำให้คุณรู้สึกสะอิดสะเอียน ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ”
หลินจือรู้สึกว่าจากท่าทางความรังเกียจที่เทาเท่มีต่อเธอ ได้เห็นเนื้อหาที่เธอโพสต์เหล่านั้นแล้ว จะต้องแทบอยากจะบีบคอเธอให้ตายอย่างแน่นอน
ดังนั้นแล้ว เพื่อเป็นการรักษาชีวิตเอาไว้ เธอจึงเอ่ยขอโทษขึ้นมาก่อน
หลังจากนั้นเทาเท่ก็โทรมาหาเธอ หลินจือรับสายอย่างระมัดระวัง
เทาเท่เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา : “ไม่มีสมองคิด? เลี่ยน? สะอิดสะเอียน?”
หลินจือที่อยู่ทางปลายสายนี้พยักหน้าลงแรงๆ : “ใช่ค่ะ ฉันไม่ดีเอง”
น้ำเสียงของเทาเท่ยิ่งเย็นชามากยิ่งขึ้น : “นี่เป็นการประเมินค่าของช่วงอดีตที่ผ่านมาช่วงนั้นของคุณอย่างนั้นเหรอ?”
หลินจือรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง เธอรู้สึกว่าอารมณ์ของเทาเท่ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่นัก
ทำไมหลังจากที่เธอขอโทษแล้ว เขากลับยิ่งรู้สึกโมโหกัน?
เธอเงียบไปพักหนึ่ง แล้วได้ยินเทาเท่ที่อยู่ทางปลายสายเอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา : “เป็นครั้งแรกที่ผมรู้ว่าการยืนจูบกับผมนั้นมันเหนื่อยขนาดนี้”
หลินจือที่อยู่ในสายนั้นหน้าแดงมาก ประเด็นแบบนี้ไม่เหมาะสมที่จะเอามาคุยกันหรือเปล่า?
เพราะถึงอย่างไรก็หย่ากันแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาพูดถึงปัญหาเรื่องการจูบกันแล้ว ไม่จำเป็นเลย
และขณะที่ยังไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรนั้น เทาเท่ก็หัวเราะเยาะแล้วเอ่ยพูดขึ้นมาอีกครั้ง : “ตัวเองเตี้ยเอง แล้วจะมาโทษผมเนี่ยนะ?”
หลินจือยังไม่ทันได้หายใจ แทบโมโหตายอยู่แล้ว
เธอสามารถประคับประคองชีวิตการแต่งงานกับเทาเท่มาจนถึงสามปี ไม่โมโหตายไปก่อนนี่ก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆแล้ว