หลินจือเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ทั้งๆที่เธอโพสต์อยากที่จะพิสูจน์ความพยายามช่วยเหลือสองพ่อลูกอย่างถึงที่สุด แต่สุดท้ายความสนใจของทุกคนกลับเบี่ยงเบนไปยังเรื่องของเธอกับอดีตสามีเสียอย่างนั้น
พวกชาวเน็ตหลังจากที่ด่าว่าพ่อลูกชาร์ลีแล้วนั้น ก็เริ่มพูดคุยกันถึงว่าเธอแต่งงานกับอดีตสามีที่มีฐานะมีชื่อเสียงแบบไหนกัน
ในตอนที่หลินจือดูคำวิพากษ์วิจารณ์เต็มหน้าจอนี้ด้วยความรู้สึกพูดไม่ออกนั้น บางคนกลับถูกการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันนี้ทำให้โมโหแทบตาย
ในคอนโดของลีวาย
ตอนที่หลินจือโพสต์weiboออกมาตอนแรก ลีวายกับเมลโล่ผู้ช่วยของเธอก็คอยจับตามองแล้ว
ลีวายขดตัวเล่นเกมอยู่บนโซฟาอย่างเบื่อหน่าย เมลโล่เฝ้าดูอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างจับตามองความเป็นไปของเรื่องนี้
หลังจากที่เมลโล่อ่านweiboของหลินจือเสร็จแล้วก็อดที่จะส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาไม่ได้ : “หลินจือนี่โง่หรือเปล่า ไม่คิดว่าจะเปิดเผยออกมาว่าตัวเองเคยแต่งงานแล้ว นี่ไม่ใช่เป็นการทำลายภาพลักษณ์ตัวเองอย่างนั้นเหรอ?”
เมลโล่รู้สึกว่าชื่อเสียงของหลินจือนั้นเน่าพอแล้ว เธอก็มาเปิดเผยว่าตัวเองเคยแต่งงานแล้วอีก นั่นยิ่งไม่เป็นการทำให้ตัวเธอเองยิ่งเละมากกว่าเดิมรึไง?
ลีวายรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่สายตาก็ยังคงอยู่ที่โทรศัพท์มือถือ : “เคยแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรอ?”
เมลโล่เอ่ยขึ้น : “ใช่ค่ะ ยังคิดว่าเธอจะสูงส่งบริสุทธิ์ซะอีก ที่แท้ก็สินค้ามือสองนี่เอง”
“ประธานเจเทาวน์จะต้องไม่รู้พฤติกรรมนี้ของเธอแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะชอบเธอได้ยังไง?”
ในฐานะที่เมลโล่เป็นคนสนิทของลีวาย ก็รู้ความคิดของลีวายอยู่แล้ว
ลีวายแอบรักเจเทาวน์ ในใจก็คิดถึงแต่เจเทาวน์
ตั้งแต่ที่เจเทาวน์มาแสดงละครย้อนยุคเรื่องนั้นของเธอ ลีวายก็หลงเขาเสียจนถอนตัวไม่ขึ้น
ต่อมาเธอเข้ามาที่เบลดิ้งทำงานร่วมกันกับเจเทาวน์ หลังจากที่เข้าใจเจเทาวน์แล้ว ก็ยิ่งเดินออกมาจากเขาไม่ได้เลย
เพียงแต่น่าเสียดายที่เจเทาวน์เห็นลีวายเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมงาน นอกจากนี้ลีวายยังรูปร่างหน้าตาธรรมดา นอกจากความสามารถทางด้านภาษาวรรณกรรมที่มีอยู่นิดหน่อย ความจริงแล้วก็ไม่คู่ควรกับเจเทาวน์เลย
ดังนั้นลีวายจึงทำได้เพียงเก็บความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อเจเทาวน์มาเป็นเวลานานเอาไว้ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่จะทำให้ลีวายรู้สึกอิจฉและมีเจตนาไม่ดีกับผู้หญิงที่เข้ามาใกล้เจเทาวน์ได้เลย
และหลินจือก็เป็นหนึ่งในนั้น
ถ้าหากผู้หญิงที่เจเทาวน์ชื่นชอบนั้นคือดาราผู้หญิงสวยๆ บางทีลีวายก็จะยังสามารถยอมแพ้ได้
แต่หลินจือก็เป็นเพียงคนธรรมดาๆทั่วๆไปคนหนึ่ง โดยเฉพาะสถานะของหลินจือกับลีวายเหมือนกันก็คือผู้คนบท ใจของลีวายนั้นจึงรู้สึกไม่ยินยอมนัก
แต่เวลานี้เมลโล่บอกว่าหลินจือเคยแต่งงานแล้ว ในใจของลีวายนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาในทันที
ทั้งสองคนกำลังหัวเราะเยาะกับประวัติการแต่งงานของหลินจืออยู่ แล้วทันใดนั้นเองเมลโล่ก็ร้องออกมาอย่างตกตะลึง : “หลินจือเธอ–”
เมลโล่ตกตะลึงไปจนพูดไม่ออก
ลีวายก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาถามด้วยเช่นกัน : “เป็นอะไรไป?”
เมลโล่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้คอมพิวเตอร์ แล้วมองดูจำนวนเงินด้านบนบัญชีรายรับรายจ่ายเหล่านั้นอย่างตั้งใจอีกครั้ง และถึงได้เอ่ยพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกงุนงง : “อดีตสามีของหลินจือรวยมากเลย!”
“รวยยังไง?” ลีวายยังคงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเช่นเดิม
ลีวายดูแล้ว หลินจือจะต้องแต่งงานกับคนดีๆไม่ได้อย่างแน่นอน
เมลโล่พึมพำ : “คุณดูเองแล้วกัน”
เมลโล่พูดไปพลางดันคอมพิวเตอร์ไปตรงหน้าลีวาย ลีวายเงยหน้าขึ้นมามองดูบัญชีรายรับรายจ่ายเหล่านั้นที่หลินจือเปิดเผยออกมา เธอตกตะลึงไปอย่างไม่สามารถควบคุมอาการได้
จำนวนเงินนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะสามารถให้ได้
เพราะฉะนั้น หลินจือแต่งงานกับคนรวยที่ไหนกันแน่?
ลีวายโมโหเสียจนทั้งร่างกายสั่นเทา เธอจะแบล็กเมล์หลินจือ แต่สุดท้ายกลับเป็นตัวเองที่เธอโมโหแทบตายแบบนี้อย่างนั้นหรือ?
เมลโล่เห็นสถานการณ์แล้วจึงรีบปลอบใจเธอ : “อย่าโมโหไปเลยค่ะ ฉันรู้สึกว่าหลินจือจะต้องแต่งงานกับคนมีอายุแน่ๆ ผู้ชายปกติทั่วไปใครจะอยากได้เธอกัน?”
“ฐานะทางครอบครัวแบบนั้น แล้วก็ยังมีพ่อกับพี่เป็นแวมไพร์แบบนั้นอีก ถ้าหากไม่ใช่แต่งงานกับคนแก่มีอายุ ใครจะยอมมาเป็นคนโง่ยอมโดนหลอกแบบนี้กัน?”
น้ำเสียงที่มีความมั่นใจนี้ เมื่อลีวายคิดแล้วก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้แบบนี้จริงๆ
จากคุณธรรมอย่างพ่อลูกชาร์ลี การหาเงินมาจากอดีตสามีของหลินจือจะต้องเป็นการขายหลินจืออย่างแน่นอน
และคนที่จะเข้าร่วมการแลกเปลี่ยนแบบนี้ นอกจากผู้ชายแก่รูปร่างใหญ่แล้วจะยังมีใครได้อีก?
เมลโล่เห็นว่าลีวายมีสีหน้าที่ดีขึ้นแล้ว ก็เอ่ยพูดขึ้นมาด้วยความอยากลองทำดู : “ฉันไปเกริ่นนำเอาไว้ดีกว่า ว่าอดีตสามีของเธอนั้นทั้งแก่ทั้งขี้เหร่”
ลีวายไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วสายตาก็กลับไปที่โทรศัพท์มือถืออีกครั้ง
เมลโล่เข้าใจความหมายของเธอ หยิบคอมพิวเตอร์ไปแล้วส่งความคิดเห็นไป
เมลโล่มีบัญชีสำรองอยู่มากมาย อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบัญชีทางการตลาดแต่ละทางด้วย ดังนั้นไม่นานทิศทางของคำวิพากษ์วิจารณ์นั้นก็เปลี่ยนไปอีก แล้วก็เริ่มแขวะหลินจือว่าแต่งงานกับผู้ชายแก่อีกด้วย
หลินจือคิดไม่ถึงว่าตัวเองไปเขียนบทละครมาหนึ่งบท บนอินเตอร์เน็ตนั้นก็เริ่มโจมตีเทาเท่แล้ว
ไม่ใช่เป็นการโจมตีเทาเท่ ความจริงแล้วพูดว่าเป็นการโจมตีอดีตสามีของเธอมากกว่า
บอกว่าอดีตสามีของเธอนั้นจะต้องทั้งแก่ทั้งขี้เหร่อย่างแน่นอน มีมาตรฐานมาก และยังบอกว่าอดีตสามีของเธอนั้นแก่เกินไปไม่สามารถทำให้เธอพอใจได้ ถึงได้หย่ากับเขา
และยิ่งไปกว่านั้น ยังบอกว่าเธอดูดเงินจากอดีตสามีไปอย่างนิสัยไม่ดีแล้ว เห็นว่าอดีตสามีไม่มีค่าไม่มีประโยชน์แล้ว จึงทิ้งอดีตสามีไป
หลินจืออ่านคำวิจารณ์เหล่านั้น รู้สึกว่าพวกเขามีความสามารถในการแต่งเรื่อง เกินกว่าเธอที่เป็นคนแต่งบทละครตัวจริงเสียอีก
ตอนที่ไม่รู้ว่าทำไมคำวิพากษ์วิจารณ์ถึงได้เบี่ยงมาเป็นแบบนี้ เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เธอมองดู ไม่คิดว่าเทาเท่จะเพิ่มเพื่อนในwe chatเธอแล้ว
หลินจือยังไม่ได้คิดว่าจะเริ่มออกปากขอโทษเขาอย่างไรดี จู่ๆเทาเท่ก็โทรวิดีโอคอลมาหาเธอ
หลินจือตกใจเสียจนแทบจะตกเก้าอี้
เธอแต่งงานกับเทาเท่มาสามปี พวกเขาไม่เคยโทรวีดิโอคอลหากันมาก่อนเลย
ปกติแล้วพวกเขาก็ไม่ได้ใช้we chatในการติดต่อกันอยู่แล้ว มีธุระก็โทรหากัน และจบลงเพียงแค่ไม่กี่ประโยค
ดังนั้นตอนนี้จู่ๆเทาเท่โทรวีดิโอคอลมาหาเธอ หลินจือจึงรู้สึกตกใจไม่น้อย
หลังจากที่ดึงสติกลับมาแล้วก็ขจัดออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเธอนึกถึงเธอกับเทาเท่ที่หย่ากันไปแล้วมาโทรวีดิโอคอลกันต่อหน้าแบบนี้ก็รู้สึกว่าทำตัวไม่ถูก
และตอนที่หลินจือปฏิเสธที่จะไม่อยากรับสายอยู่นั้น เทาเท่ก็วางสายไป หลินจือจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
แต่หลังจากนั้นเทาเท่ก็ส่งข้อความมาหาเธอ เป็นสามคำที่เฉียบขาดมาก : รับโทรศัพท์!
หลินจือรีบโทรกลับไปด้วยมือที่สั่นเทา แต่เธอโทรเสียงกลับไปหาเขา
เธอไม่สามารถยอมรับกับเรื่องที่จะต้องโทรวิดีโอคอลกับเทาเท่ได้จริงๆ
โทรต่อสายไปนั้น เทาเท่ที่อยู่ทางปลายสายก็เอ่ยพูดขึ้นก่อนอย่างไม่สบอารมณ์ : “ทำไมลบชื่อบัญชีของผมออก?”
ก็เพราะเธอลบออกไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าอดีตสามีของเธอคือเขา ดังนั้นตอนนี้ทั้งโลกอินเตอร์เน็ตกำลังด่าว่าเขาเป็นลุงแก่ไปแล้ว!
ทั้งแก่ทั้งขี้เหร่ไม่ว่าแล้ว ยังอ้วนตัวใหญ่อีก ความสามารถบางด้านก็ถูกลบไปแล้ว เขาโมโหเสียจนจมูกแทบจะบูดเบี้ยวอยู่แล้ว
“คุณหวังที่จะให้ฉันเปิดเผยความสัมพันธ์ในอดีตของเราอย่างนั้นเหรอคะ?” หลินจือรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าบัญชีรายรับรายจ่ายที่เขาให้มาจะมีชื่อบัญชีของเขาอยู่ แต่หลินจือรู้สึกว่าเขาคงจะไม่ยอมให้เธอเปิดเผย
เธอ คงจะเป็นจุดด่างพร้อยจุดใหญ่ในชีวิตของเขา คงจะเป็นอดีตที่เขาไม่อยากจะยอมรับมากที่สุด
“ผมพูดตอนไหนว่าไม่อนุญาตให้คุณเปิดเผยน่ะ?”ฟังออกว่าเขาโมโหมาก
หลินจือคิดแล้วนั้นจึงอธิบายขึ้น : “ฉันคิดถึงผลประโยชน์ของคุณนะคะ”
เขากับซูซีกำลังจะมีข่าวดี ก็ไม่ต้องเปิดเผยถึงช่วงการแต่งงานก่อนหน้านี้ของเขาแล้ว เลี่ยงที่จะทำให้ซูซีได้ยินแล้วรู้สึกไม่เข้าหู แล้วซูซีก็จะมาโวยวายกับเขาอีก
แล้วเธอเองก็ไม่อยากหาเรื่องซูซีอีกด้วยเช่นกัน
เสียงของเทาเท่ยกสูงขึ้น : “หลินจือ ผมว่าคุณไม่ได้จะคิดถึงผลประโยชน์ของผมหรอก คุณรู้สึกว่าผมอดีตสามีคนนี้ไม่สามารถจะบอกใครได้มากกว่ามั้ง?”
หลินจือ : “…….”