ตอนที่ 419 ออกนอกจวน

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 419 ออกนอกจวน

“เรียนท่านอ๋อง พระชายามิได้อยู่ที่หอสดับพิรุณขอรับ” มินานสายลับก็รายงานเพิ่มเติมว่าอันหลิงเกอแค่ปรากฏตัวที่ด้านนอกหอสดับพิรุณและมินานก็จากไปอีก

ความจริงแล้วอันหลิงเกอแค่ไปขอคำยืนยันเท่านั้น นางแค่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับอวี๋หมิงหลัน เพราะอย่างไรการทำความรู้จักศัตรูเอาไว้ก็ย่อมดีกว่า

“อันหลิงเกอ…” เวลานี้มู่จวินฮานรู้สึกอับจนหนทานยิ่งนัก เกอเอ๋อ เจ้าอยู่ที่ใด

หากนางออกไปจากจวนและออกจากเมืองหลวง มู่จวินฮานมิอยากคิดภาพเลยจริง ๆ

“ว้าย ! ช่วยด้วย ! ”

อยู่ ๆ มู่จวินฮานก็คล้ายได้ยินเสียงของปี้จูดังขึ้นมา

ตอนนี้ปี้จูไปกับอันหลิงเกอด้วย หากพบสาวใช้ก็ย่อมรู้ว่านายอยู่ที่ใด !

เขารีบตามเสียงที่ดังแว่วมาทันที

“ท่านอ๋องระวังขอรับ ! ”

องครักษ์ด้านหลังมิวางใจ ชิงเฟิงก็รีบตามไปเช่นกัน ตอนนี้ออกนอกจวนแล้วหากเจอนักฆ่าขึ้นมาก็อาจเกิดสิ่งมิคาดฝันขึ้นได้

เป็นจริงดังคาดเพราะมิไกลนักมู่จวินฮานเห็นอันหลิงเกอกำลังดิ้นหนีคนหนึ่งอยู่ ส่วนปี้จูนั่งอยู่บนพื้นและร้องขอความช่วยเหลือมิหยุด

“เกอเอ๋อ ! ” มู่จวินฮานตะโกนด้วยความร้อนใจแล้วพุ่งเข้าไป

องครักษ์คนอื่นก็เข้าไปจับตัวคนร้ายทั้งสองเอาไว้ได้แล้วช่วยประคองปี้จูขึ้นมา

“รายงานท่านอ๋อง บนตัวของพวกมันมีสัญลักษณ์ของจวนแม่ทัพหลิงอยู่ขอรับ”

หลิงอวี่หนิง !

“เอาล่ะ พวกเจ้าไปได้แล้ว” เรื่องนี้มิอาจทำตื่นตูมได้

เมื่อเห็นลูกน้องของตนจากไปแล้ว เขาจึงกอดคนที่อยู่ในอ้อมแขนไว้แน่นแล้วเอ่ยถาม “เหตุใดต้องไปจากข้า ! ”

นางส่ายหน้าทั้งยังพิงอกเขาเอาไว้ มีบางเรื่องที่ตอนนี้นางยังมิอยากเอ่ยออกมาและตอนนี้นางเองก็ยังมิมั่นใจจึงปล่อยไปก่อนดีกว่า

หากเวลานี้นางพูดว่าเพราะอวี๋หมิงหลันจึงทำให้นางจากมา ก็มีแต่ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกตนแย่ลงกว่าเดิม

ตอนนี้เรื่องที่อันหลิงเกอออกจากจวนถือว่าจบลงแล้ว ทั้งนางยังถูกมู่จวินฮานอุ้มกลับจวนเลยด้วย

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนอกจวน อันหลิงเกอก็คาดมิถึงว่าเพิ่งออกจากจวนก็โดนลอบโจมตีเสียแล้ว นี่ย่อมมิใช่ฝีมือของอวี๋หมิงหลันและจากข้อมูลที่องครักษ์รายงานก็คงเป็นหลิงอวี่หนิง

เป็นนางที่ประมาทเอง ออกข้างนอกแต่ลืมพกนกหวีดไปด้วยจนทำให้เมื่อครู่มิสามารถเรียกองครักษ์เงาได้ โชคดีที่มู่จวินฮานไปพบนางเข้า

ทว่าตอนนี้มีเพียงหลิงอวี่หนิงที่ก่อปัญหามากที่สุดในจวน

เมื่อเห็นนางมิกล่าวสิ่งใด มู่จวินฮานก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ “มิว่าอย่างไรหลิงอวี่หนิงต้องคิดมิซื่อแน่นอน เจ้าอย่าเข้าใกล้นางเด็ดขาด เพราะข้ากลัวว่านางจักทำร้ายเจ้าได้”

คนในจวนที่คิดทำร้ายนางมิได้มีเพียงผู้เดียว !

ก่อนที่นางแต่งเข้าจวนอ๋องมู่ก็คิดเอาไว้แล้วว่าในราชสำนักมีคนริษยามู่จวินฮานอยู่มิน้อยและย่อมมีคนส่งบุตรสาวเข้ามาในจวนมิได้ขาดเช่นกัน

นางพยักหน้าแล้วตอบกลับมา “มิเป็นไร ท่านวางใจเถิด ข้าเองก็รู้ว่าหลิงอวี่หนิงร้ายกาจเพียงใดและต้องระวังนางเป็นพิเศษอยู่แล้วเจ้าค่ะ”

ตอนนี้ภายในจวน ฟางซู่ซู่มิได้มีอำนาจใด มู่จวินฮานจึงสั่งให้คนของตนคอยเลี้ยงดูหนอนกู่ตัวแม่เสียเองและหนอนกู่นี้ก็กำเริบเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น ตอนนี้อันหลิงเกอจึงมิมีสิ่งใดต้องกังวล

ยังมีเวลาอีกเกือบครึ่งเดือนกว่าพิษกำเริบอีกครั้ง แต่เรื่องที่น่าห่วงยิ่งกว่าคงเป็นสตรีนางอื่นที่อยู่ในจวน

ตอนนี้แม้มิรู้ว่าหลิงอวี่หนิงเข้าใกล้อวี๋หมิงหลันเพราะเหตุใด แต่กาลเวลาพิสูจน์คน มินานนางย่อมเผยธาตุแท้ออกมาอย่างแน่นอน

แต่มู่จวินฮานเองก็ยังอดเป็นกังวลมิได้ บัดนี้เขาอยากย่อส่วนอันหลิงเกอให้ตัวเล็กลงแล้วใส่ไว้ในแขนเสื้อตนเองเสีย นางจักได้อยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา ให้เขาเป็นคนคอยปกป้องและเขามิเชื่อหรอกว่ายังมีผู้ใดมาทำร้ายนางได้อีก

เรื่องที่มิรู้ย่อมทำให้ผู้คนหวาดกลัว

ด้านหนึ่งก็ยังมิรู้ถึงความคิดของหลิงอวี่หนิง อีกด้านทัวป๋าถิงฟางและฟางซู่ซู่ก็มีบางอย่างมิน่าไว้วางใจ ตอนนี้พวกนางเข้ามาในจวนแล้วจึงมิสามารถรับประกันความปลอดภัยของอันหลิงเกอได้เลย

อันหลิงเกอเมื่อได้สติอีกครั้งและเห็นท่าทางเป็นกังวลของมู่จวินฮานก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “มิเป็นไรเจ้าค่ะ ท่านมิต้องกังวลหรอก ท่านไปดูแลคนรักวัยเด็กให้ดีก็พอ”

เนื่องจากตอนนี้ใจนางเป็นห่วงที่สุดก็คืออวี๋หมิงหลัน

แม้เขาเข้าใจสิ่งที่นางกล่าวแต่ก็แค่ส่งเสียง หึ ออกมา “ข้ามิมีทางปล่อยให้ผู้ใดมาทำร้ายเจ้าเด็ดขาด”

ที่มู่จวินฮานมิได้ระวังอวี๋หมิงหลันนั้นมีหลายเหตุผล แต่สำคัญที่สุดก็เพราะคำว่า บุญคุณ

แม้เป็นเช่นนั้นมู่จวินฮานก็มิได้คลายความกังวลแม้แต่น้อย

คนอื่นในจวนแห่งนี้ อันหลิงเกอย่อมมีวิธีจัดการในแบบของตน เขาเองมิอยากยุ่งด้วย แต่อีกใจก็มิอยากให้นางได้รับบาดเจ็บ

อันหลิงเกอลุกขึ้นยืนพร้อมผลักมู่จวินฮานออก “เรื่องนี้ปล่อยไว้ก่อนก็แล้วกัน รอดูว่าแผนต่อไปของหลิงอวี่หนิงคือสิ่งใด ท่านยังมีงานราชการอีกมิใช่หรือ รีบไปเถิดเจ้าค่ะ”

ที่จริงแล้วนางมิได้โกรธมู่จวินฮาน นางแค่อยากไปสืบบางอย่างจากหอสดับพิรุณเท่านั้น นางอยากรู้ว่าถ้าออกไปจากจวนแล้วอวี๋หมิงหลันจักทำเช่นไร

นางคาดมิถึงว่าอวี๋หมิงหลันจักมีความคิดที่ล้ำลึกถึงขั้นไปบอกให้มู่จวินฮานมาตามหานางเช่นนี้ !

มู่จวินฮานหมุนตัวกลับอย่างจนใจ ก่อนจากไปเขายังก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของนางเบา ๆ เมื่อจัดการเรื่องในเรือนเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกไป

อันหลิงเกอกลับเข้าห้องอีกครั้ง หลังมู่จวินฮานจากไปแล้วนางก็นั่งลงพลางนึกถึงสิ่งผิดปกติของหลิงอวี่หนิงและอวี๋หมิงหลันเงียบ ๆ หากไตร่ตรองตามที่ลูกน้องรายงานมาก่อนหน้านี้ นางก็รู้สึกสงสัยในบางอย่าง

แต่สงสัยอันใดน่ะหรือ ? อันหลิงเกอขมวดคิ้วมุ่น นางคิดอยู่พักใหญ่แต่ก็ยังคิดมิออกอยู่ดี

นางรู้สึกว่ามีบางสิ่งรบกวนจิตใจจึงเรียกชิงเฟิงเข้ามา

“พระชายามีสิ่งใดสั่งหรือขอรับ ? ” ชิงเฟิงยืนอยู่ด้านหน้าพลางเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ามิบ่งบอกอารมณ์ใด

นางก็มิได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ อย่างไรเสียนอกจากตอนอยู่กับท่านอ๋องแล้ว ชิงเฟิงก็มักมีท่าทางเย็นชาอยู่แล้ว “เจ้าช่วยจับตามองอวี๋หมิงหลันและหลิงอวี่หนิงให้ข้าที หากมีสิ่งใดผิดปกติก็ให้มารายงานข้า”

ชิงเฟิงพยักหน้ารับคำสั่งแล้วหายตัวไป

หลังจากที่พวกเขาไปจัดการเรื่องพิษหนอนกู่และเมืองเยว่เฉิงด้วยกัน ชิงเฟิงก็มักทำตามคำสั่งนางอย่างเต็มใจ

ต่อให้นางมิรู้ว่าหลิงอวี่หนิงต้องการทำสิ่งใดกันแน่ ทว่าเมื่อมีชิงเฟิงคอยจับตาดูอยู่ มิว่าอีกฝ่ายอยากทำอันใด ด้านอันหลิงเกอก็สามารถรับรู้ได้ทันที

ปี้จูเดินยกสำรับอาหารเข้ามาในห้อง “พระชายาได้เวลาอาหารแล้ว ส่วนท่านอ๋องบอกว่ามีเรื่องต้องไปจัดการจึงมิอยู่ทานด้วยเจ้าค่ะ”

นางพยักหน้าเป็นการรับรู้ จากนั้นก็ลงมือทานไปพลางในใจก็นึกถึงเรื่องอวี๋หมิงหลันไปด้วย ท่าทางจิตใจมิอยู่กับเนื้อกับตัวของนางตกอยู่ในสายตาของปี้จูตลอดเวลา

หลิงอวี่หนิงพยายามสร้างเส้นสายภายในจวนและอวี๋หมิงหลันก็เป็นเป้าหมายต่อไป

พวกสตรีที่อยู่ในจวนตอนนี้ทำให้อันหลิงเกอมิรู้ว่าจักรับมืออย่างไรดี

“พระชายา ต่อให้อวี๋หมิงหลันจักเป็นเช่นไรก็มิได้สำคัญไปกว่าสุขภาพของท่านเจ้าค่ะ” ปี้จูเอ่ยออกมาด้วยความกังวล

อันหลิงเกอตกตะลึงไปชั่วอึดใจและเริ่มรู้ตัวว่าเครียดเกินไป มิว่าอวี๋หมิงหลันเข้าใกล้พวกตนด้วยจุดประสงค์ใด ตอนนี้นางก็ได้ทราบจากหอสดับพิรุณแล้วว่าอวี๋หมิงหลันมีบางอย่างมิชอบมาพากล แค่ต้องคอยระวังเอาไว้ดีก็พอ

ตอนที่อัครมหาเสนาบดีอวี๋สิ้นลม ตระกูลอวี๋ก็โดนโจรบุกเข้ามาและฆ่าล้างครอบครัว แน่นอนว่ามีเพียงอวี๋หมิงหลันคนเดียวที่รอดมาได้