ตอนที่ 420 ป้องกัน
สถานการณ์เยี่ยงนี้ก็ควรค่าแก่การตั้งข้อสงสัยแล้ว
“พระชายา ท่านต้องมีน้ำมีนวลกว่านี้สักหน่อยถึงจักงามเจ้าค่ะ” ปี้จูพูดเกลี้ยกล่อม
คำพูดของปี้จูทำให้อันหลิงเกออารมณ์ดีขึ้นมิน้อย นางจึงตอบพร้อมรอยยิ้ม “เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว”
เมื่อเห็นพระชายาตั้งใจทานอาหารแต่โดยดี ปี้จูก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ปี้จูมิรู้เรื่องความสัมพันธ์ที่หวังผลประโยชน์เหล่านั้น แต่คนที่พระชายาและท่านอ๋องระวังถึงเพียงนี้ นางก็ย่อมมิประมาทเช่นกัน หากคนผู้นั้นทำร้ายพระชายาขึ้นมาแล้วนางเองก็คงมิสามารถนิ่งดูดายได้
หลิงอวี่หนิงและอวี๋หมิงหลันยังมิรู้ว่าตอนนี้เริ่มถูกอันหลิงเกอและมู่จวินฮานจับตามองอยู่ หลังเขากลับมาถึงจวน หลิงอวี่หนิงก็เริ่มตั้งใจแต่งตัวให้งดงามมากขึ้นโดยหวังว่าครั้งหน้าได้เจอมู่จวินฮานแล้ว เขาจักสังเกตเห็นนางบ้าง
ทางฝั่งอวี๋หมิงหลันมีนิสัยใจเย็นกว่า เมื่อยังมิมีอันใดเกิดขึ้นนางจึงมิรีบร้อน
สาวใช้เห็นหลิงอวี่หนิงงดงามขึ้นทุกวันก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “นายหญิงเจ้าคะ หากบ่าวเป็นท่านอ๋องก็ต้องกักขังท่านไว้แต่ในห้องโดยมิสนใจพระชายาแน่นอนเจ้าค่ะ”
หลิงอวี่หนิงมองค้อนใส่สาวใช้ มิรู้สึกเขินอายหรือโกรธแต่อย่างใด “เจ้าตัวแสบ เดี๋ยวนี้กล้าล้อข้าแล้วหรือ”
สาวใช้ก้มหน้าลงพลางหัวเราะคิกคักแต่ก็มิได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก
หลิงอวี่หนิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ “อวี๋หมิงหลันผู้นั้นมิรู้มีดีอันใด ได้ยินว่านางเข้าจวนคืนแรกท่านอ๋องก็ไปค้างคืนที่ห้องของนางแล้ว ดูท่านางคงทำให้พระชายาโกรธได้มิน้อย ! ”
สาวใช้เห็นดังนั้นก็รีบพูดยุแยงทันที “เช่อเฟยเจ้าคะ ตอนนี้อวี๋กู่เหนียงเชื่อใจท่านมิน้อยเลย ท่านลองเข้าไปตีสนิทนางให้มากกว่านี้อีกหน่อย ดูจากความสัมพันธ์ระหว่างนางและท่านอ๋องแล้ว นางอาจมีประโยชน์ต่อท่านเจ้าค่ะ”
เพราะมีศัตรูคนเดียวกัน อวี๋หมิงหลันจึงเชื่อใจนางอย่างมาก นางสามารถนำฟางซู่ซู่มาเป็นพวกได้และตีสนิทกับทัวป๋าถิงฟางได้ด้วย ซึ่งการได้รับความเชื่อใจจากสตรีที่โง่งมผู้นั้นง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก
“สตรีคนนั้นโง่ยิ่งกว่าอันใดเสียอีก” นางเอ่ยออกมาอย่างดูแคลน “แต่เพราะความโง่ของนาง พวกเราจึงได้รับความเชื่อใจจากนางโดยง่าย หากเป็นคนเยี่ยงอันหลิงเกอก็เกรงว่าเราจักต่อกรมิได้ง่าย ๆ ”
ข้อดีและข้อเสียของเรื่องนี้สาวใช้ย่อมรู้ดีและนางก็ดีใจแทนเจ้านายด้วยเพราะหากนายหญิงได้เป็นพระชายาเอกเมื่อใด นางก็ได้เป็นสาวระดับสูงไปด้วยมิใช่หรือ ?
…
อันหลิงเกอเสร็จจากงานแล้วกลับมาถึงห้อง ปี้จูที่เดินเข้ามารับก็เห็นนางทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิดอันใดบางอย่างจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “พระชายากำลังคิดอันใดอยู่เจ้าคะ ? ”
นางส่ายหน้าทันทีเพราะตอนนี้นางก็มิรู้ว่าจักบอกปี้จูอย่างไรดี หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น “ปี้จู วันนี้ข้าเห็นหลิงอวี่หนิงไปหาอวี๋หมิงหลันอีกแล้ว”
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน
“พวกนางต้องมีแผนการแน่เจ้าค่ะ” ปี้จูรีบเอ่ยออกมา เรื่องง่าย ๆ เช่นนี้ผู้ใดก็ดูออก
เรื่องนี้มีบางอย่างแปลกไปเพราะตั้งแต่ต้นหลิงอวี่หนิงไร้ความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติแม้แต่น้อย ทว่าตอนที่อันหลิงเกอออกจากจวน คนพวกนี้กลับมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเสียจนคาดมิถึง
ปี้จูก็ทำท่าเอียงคอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เบิกตาโพลง “พระชายา ท่านว่าพวกนาง…”
นางเงยหน้ามองปี้จูแล้วเอ่ยถาม “ทำไมหรือ ? ”
“ได้ยินว่าก่อนหน้านี้แม่ทัพหลิงมิเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทและเคยอยู่ชายแดน…” ปี้จูกล่าวยังมิทันจบ พอมองไปที่พระชายาก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายรู้คำตอบแล้ว
เมื่อได้ยินที่ปี้จูกล่าวเช่นนั้น อันหลิงเกอก็คิดได้ทันที “เจ้าหมายความว่าเป้าหมายของพวกเขาคือท่านอ๋องหรือ ? ”
หรือว่าอวี๋หมิงหลันก็เป็นคนที่ฮ่องเต้ส่งมาเช่นกัน ?
หากอธิบายเช่นนี้ การที่นางยังมีชีวิตรอดอยู่ก็มีเหตุผล
ปี้จูยังมิทันตอบ อันหลิงเกอก็กล่าวขึ้นมาเสียเอง “สำหรับหลิงอวี่หนิง ตอนนี้ข้ายังมิมั่นใจ แต่อวี๋หมิงหลัน…เป้าหมายของหลิงอวี่หนิงดูง่ายมากเพราะนางแค่ต้องการใกล้ชิดมู่จวินฮานโดยอาศัยผ่านทางอวี๋หมิงหลัน ทว่าอวี๋หมิงหลันผู้นี้ ข้าก็ยังมองมิออก”
“พระชายา อย่างไรหลิงเช่อเฟยก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ท่านอ๋องมาครอบครองอยู่แล้วเจ้าค่ะ” ปี้จูเอ่ย
“แต่อวี๋หมิงหลัน ! …”
ทั้งคู่สบตากัน เหมือนว่าคำตอบที่ชัดเจนปรากฏขึ้นมาแล้ว
ปี้จูฮึดฮัดขึ้นมาทันที ก่อนจักกล่าวด้วยความโมโห “นึกมิถึงว่าภายในจวนจักมีคนต้องการหักหลังท่านอ๋องและพระชายามากมายเพียงนี้ ! ”
อันหลิงเกอรีบเอ่ยปลอบทันที “เอาล่ะ ทุกวันนี้นางมิได้เห็นแม้แต่หน้าของท่านอ๋องมิใช่หรือ ตอนนี้พวกเราก็แค่คอยระวังไว้ก็พอแล้ว”
พวกนางสนทนากันพลางเดินเล่นไปพลางจึงมิได้สังเกตเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าจนพบกับอวี๋หมิงหลันระหว่างทาง
“คารวะพระชายาเจ้าค่ะ” นางมิได้มีความนอบน้อมเพราะแค่เอ่ยพอเป็นพิธีเท่านั้น
อันหลิงเกอมิอยากให้ความสนใจสตรีคนนี้อีกจึงเตรียมเดินจากไป แต่ได้ยินเสียงของอวี๋หมิงหลันดังขึ้นเสียก่อน “พระชายาจักไปที่ใดหรือ ? เหตุใดท่านอ๋องมิอยู่เรือนเจ้าคะ”
ปี้จูอยากตอกกลับ ทว่าโดนอันหลิงเกอยกมือห้ามไว้ก่อน ตอนนี้นางมิอยากปะทะกับอวี๋หมิงหลันเพราะมีแต่สร้างปัญหาเพิ่มเท่านั้น
“พระชายา หากท่านกับข้าน้อยดูแลซึ่งกันและกัน ท่านอ๋องก็อาจสบายใจขึ้นเจ้าค่ะ”
สบายใจน่ะหรือ ?
ตั้งแต่ตอนที่เจ้าปรากฏตัวขึ้นมาก็เหมือนโดนลิขิตเอาไว้แล้วว่าจวนนี้จักมิสงบสุขอีกต่อไป
อันหลิงเกอมิอยากสนทนาให้มากความ ความปรารถนาของคนเราต่างกัน นางเองก็มิใช่นักบุญจึงมิอาจคุยกับศัตรูหัวใจด้วยไมตรีได้หรอก ต่อให้ศัตรูหัวใจผู้นี้ยังมิได้ลงมือทำอันใดก็เถิด
“เหตุใดเจ้าคะ พระชายาคิดว่าข้าน้อยพูดผิดหรือท่านมีความคิดอื่นกันแน่ ? ยอมรับข้าน้อยมิได้หรือเจ้าคะ ? ”
เมื่อเห็นอันหลิงเกอเตรียมจากไปเช่นนี้ นางจักปล่อยโอกาสเข้าไปตีสนิทกับอีกฝ่ายได้อย่างไร มีเพียงการเข้าหาอันหลิงเกอเท่านั้นที่จักทำให้นางสามารถอยู่ในใจของมู่จวินฮานได้
มุมปากของอันหลิงเกอเผยรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา อวี๋หมิงหลันผู้นี้โดนหลอกยังมิพอ ตอนนี้ยังคิดหาโอกาสสร้างตัวตนต่อหน้าตน นางจึงหยุดฝีเท้าลงแล้วเดินไปเบื้องหน้าของอีกฝ่าย
“ข้าเพียงรู้สึกว่าตอนนี้เจ้ายังเป็นสตรีมิออกเรือน แต่กล่าววาจาเช่นนี้คงมิใช่เพราะอยากเข้าหาท่านอ๋องเพื่อเลื่อนความสัมพันธ์หรอกกระมัง ? ”
“ข้าน้อย…” นางจ้องอันหลิงเกอด้วยแววตาวาวโรจน์ มิคิดว่าอีกฝ่ายกล่าวกับตนถึงเพียงนี้ ความอัปยศเช่นนี้สำหรับนางแล้วรุนแรงยิ่งกว่าคำด่าทอตรง ๆ เสียด้วยซ้ำ
อันหลิงเกอเลิกคิ้วแล้วมองอีกฝ่าย “หากมิมีอันใดก็จงอยู่แต่ในห้อง อย่าเที่ยวเดินไปเดินมาเพราะหากโดนผู้อื่นหลอกใช้ให้ทำเรื่องมิควรขึ้นมา ข้าจักมิปล่อยเจ้าไว้เช่นกัน ! ”
อวี๋หมิงหลันคิดว่าอันหลิงเกอพูดใส่ร้ายตนจึงตวาดออกมาด้วยความโกรธ “พระชายามิไว้หน้าข้าน้อยเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่าท่านอ๋องเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนมากเพียงใด ? ”
อวี๋หมิงหลันเป็นคนมีศักดิ์ศรีมิน้อย เพียงแต่อันหลิงเกอมิสามารถเตือนนางตามตรงได้จึงกล่าวได้เพียงทางอ้อมเท่านั้น
“ในเมื่อกู่เหนียงเข้าใจดีก็อย่ามาขวางทางข้าอีก ท่านอ๋องเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนนั่นเป็นเรื่องของท่านอ๋อง แต่ข้ากับกู่เหนียงมิเคยรู้จักกันมาก่อน ! ”
กล่าวจบนางก็คร้านจักคุยกับอวี๋หมิงหลันต่อจึงเดินนำปี้จูเดินจากไป นางมิอยากกล่าวสิ่งใดออกมาอีกเพราะอย่างไรเรื่องบางเรื่องวันข้างหน้าก็ต้องโดนกรรมตามสนองอยู่แล้ว
ปี้จูที่เดินตามหลังก็ปิดปากหัวเราะออกมาเบา ๆ พระชายาน้อยครั้งจักว่าผู้ใดเช่นนี้ แต่เมื่อครู่ตำหนิอวี๋หมิงหลันอย่างแรง ดูท่าแล้วคงหึงหวงท่านอ๋องมิน้อยเลย