ตอนที่ 421 สมรู้ร่วมคิด

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 421 สมรู้ร่วมคิด

อวี๋หมิงหลันยังยืนอยู่ที่เดิมแล้วมองตามหลังอันหลิงเกอและปี้จูที่กำลังเดินจากไป ยิ่งเห็นท่าทางปิดปากหัวเราะเบา ๆ ของปี้จูก็ยิ่งทำให้นางหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

“กู่เหนียง ท่านดูสาวใช้ของพระชายาสิเจ้าคะ นางกล้าหัวเราะเยาะท่านด้วย ! ” สาวใช้ของอวี๋หมิงหลันเห็นการกระทำของปี้จูก็โมโหขึ้นมาอย่างห้ามมิอยู่

อวี๋หมิงหลันโบกมือปราม แม้ภายในใจโมโหเพียงใดแต่ก็มิสามารถทำอันใดปี้จูได้ เพราะดูจากนิสัยของอันหลิงเกอแล้วอาจไล่สาวใช้ของตนออกก็ได้ ตอนนี้นางยังมิอยากมีเรื่องกับอันหลิงเกอ

นางเหลือบมองสาวใช้ข้างกายปราดหนึ่งแล้วเอ่ยถามขึ้นมา “เจ้าได้ยินที่พระชายาเอ่ยเมื่อครู่หรือไม่ ? ”

สาวใช้พยักหน้าแล้วมองนางด้วยแววตาสงสัย มิรู้ว่าเหตุใดนางจึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา

อวี๋หมิงหลันมองไปยังทิศทางที่อันหลิงเกอเดินจากไป แววตาของนางเข้มขึ้นแล้วหันไปถามสาวใช้ “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าสิ่งที่นางพูดหมายความว่าอย่างไรและหมายถึงผู้ใด ? ”

อยู่ ๆ ก็ถามขึ้นมาเช่นนี้ สาวใช้จึงมิรู้ว่าควรตอบเช่นไรดีจึงเอียงคอทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หมายความว่ามิให้กู่เหนียงเป็นศัตรูกับพระชายาเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินคำตอบของสาวใช้ อวี๋หมิงหลันจึงส่ายหน้าเพราะรู้สึกว่าคำพูดของอันหลิงเกอแฝงความหมายบางอย่างไว้ แต่ความหมายที่แฝงนั้นคืออันใดนางเองก็เดามิออก

ตอนนี้มีหลิงอวี่หนิงคอยมาอยู่เป็นเพื่อนทุกวันก็ทำให้อวี๋หมิงหลันรู้สึกว่าการอยู่ในจวนมิได้น่าเบื่อเหมือนเคย

แต่สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือจากเดิมนางต้องการอยู่ร่วมกับอันหลิงเกออย่างสันติพอถูกหลิงอวี่หนิงยุยงเรื่อย ๆ ความคิดนั้นจึงหายไปจนสิ้น

หลิงอวี่หนิงมิได้พบมู่จวินฮานเลย ภายในใจก็ค่อย ๆ หมดความอดทนขึ้นมา

สาวใช้เห็นท่าทางของนางก็รีบเอ่ยปลอบ “นายหญิงอย่าท้อแท้ไปเลยเจ้าค่ะ สักวันท่านอ๋องต้องมาที่เรือนนี้แน่นอนเจ้าค่ะ”

“แล้ววันนั้นมันคือวันไหนกันเล่า ? ” นางเข้าใจสิ่งที่สาวใช้กล่าวดี แต่การเข้าใจก็เรื่องหนึ่ง การได้เห็นหน้ามู่จวินฮานก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

อีกอย่างฝ่าบาทกำลังรอข่าวจากนางอยู่ แต่นางมิมีอันใดไปรายงานเลย หากท่านพ่อทราบว่านางมิสามารถเป็นที่โปรดปรานได้จักต้องไปทูลขอฝ่าบาทเพื่อรับตัวนางกลับบ้านแน่นอน

แต่…

สาวใช้กลอกตาไปมาแล้วดึงแขนเสื้อนางเอาไว้ “เช่อเฟย อีกสองสามวันเราลองดูใหม่ดีหรือไม่เจ้าคะ”

หลิงอวี่หนิงมิยอมทิ้งโอกาสได้พบหน้ามู่จวินฮานอย่างแน่นอนจึงพยักหน้ารับ “ข้ามิทิ้งความหวังง่าย ๆ หรอก ! ”

พริบตาเดียวก็ผ่านไปสามวันแล้ว

สุดท้ายหลิงอวี่หนิงก็ทนมิไหวจึงไปหาอวี๋หมิงหลัน

“ไอหยา เหตุใดอวี่หนิงมิบอกสักคำว่าเจ้าจักมา” เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า อวี๋หมิงหลันก็อดตกใจมิได้

หลิงอวี่หนิงก้มหน้าลงพลางหัวเราะเบา ๆ “มิได้พบหน้าพี่สาวหลายวัน ข้ามีของขวัญเล็กน้อยมามอบให้ท่านด้วย”

อวี๋หมิงหลันมิได้สงสัยใด ๆ เพียงแค่ดึงมือของนางเข้าไปในห้องแล้วตบหลังมือของนางเบา ๆ “เจ้าพูดราวกับเป็นคนอื่นคนไกล เจ้าเป็นน้องสาวของข้า เจ้ามิสบายข้าก็ต้องเชิญหมอไปดูอาการอยู่แล้ว”

หลิงอวี่หนิงมองอวี๋หมิงหลันอย่างซาบซึ้งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนก้มหน้าลงอย่างเอียงอาย

แม้ว่าบิดาของพวกนางรู้จักกัน แต่นางทั้งสองมิได้มีความเกี่ยวข้องใดมาก่อนเลย

แค่ต่างคนต่างรู้จุดประสงค์ที่เข้ามาในจวนอ๋องของอีกฝ่ายดี ดังนั้นจึงยิ่ง ‘คุยกันถูกคอ’

“พวกเราไปเดินเล่นที่สวนดีหรือไม่ ? ” อวี๋หมิงหลันเอ่ยปากชวน นางก็กำลังประเมินหลิงอวี่หนิงอยู่เช่นกันเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายหลงรักมู่จวินฮานมากเพียงใด

“อืม” แววตาของหลิงอวี่หนิงเปล่งประกายบางอย่างออกมา อวี๋หมิงหลันคิดว่านางคงชอบที่จักได้ทำอันใดร่วมกับตน ที่จริงแล้วมีเพียงตัวของหลิงอวี่หนิงเท่านั้นที่รู้ว่าการออกไปเดินเล่นอาจทำให้ได้พบมู่จวินฮานก็ได้

ทั้งสองสนทนากันระหว่างมุ่งหน้าไปที่สวนและเพิ่งเดินถึงหน้าประตูก็เห็นเงาของคนสองคนที่คุ้นเคย

เป็นอวี๋หมิงหลันที่เดินเข้าไปคำนับก่อน “คารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายาเจ้าค่ะ”

หลิงอวี่หนิงเดินตามมาอยู่ด้านหลังและคำนับเช่นกัน สายตาของนางจ้องไปทางมู่จวินฮานอย่างมิปิดบังแม้แต่น้อย

มู่จวินฮานก็รับรู้ได้ถึงสายตาของอีกฝ่าย เขามองประเมินหลิงอวี่หนิงครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มิธรรมดาจริง ๆ

ครั้งก่อนเขาได้กล่าวอย่างชัดเจนแล้วว่านางแต่งเข้ามาในจวนนี้ต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยม หากอยู่แต่ในเรือนทั้งวันเหมือนทัวป๋าถิงฟางได้ยิ่งดี

มู่จวินฮานมิได้มีท่าทีต่อการปรากฏตัวของนางสองคน จากนั้นเขาก็พาอันหลิงเกอเดินไปทางอื่นทันที

หลังจากครั้งก่อนที่อันหลิงเกอออกนอกจวน เขาก็มิได้ไปหาอวี๋หมิงหลันแม้แต่ครั้งเดียว บุญคุณเช่นนี้มิอาจเทียบกับความรู้สึกของเขาได้หรอก

หลิงอวี่หนิงต้องทนมองทั้งสองคนเดินจากไป ภาพที่ทั้งสองกุมมือกันช่างบาดตานางยิ่งนัก

แต่ตอนนี้หากเทียบระหว่างอวี๋หมิงหลันกับนางแล้ว อย่างน้อยนางก็มีฐานะเป็นพระชายารอง วันหน้าก็ยังมีโอกาสอีก ขอเพียงนางตั้งครรภ์ก็มิต้องช่วยทำงานให้ฝ่าบาทและถึงตอนนั้นมิว่าอย่างไรท่านอ๋องต้องคอยปกป้องนางอยู่แล้ว !

มุมปากของนางยกยิ้มขึ้น แต่เมื่ออวี๋หมิงหลันหันกลับมา รอยยิ้มนั้นก็เลือนหายไปทันที

นางแสร้งทำท่าทางตกตะลึง “พี่สาว คนเมื่อครู่คือท่านอ๋องใช่หรือไม่ ? ”

“ใช่แล้ว” อวี๋หมิงหลันฝืนยิ้มออกมา นางตั้งใจเข้าหาก่อนถึงเพียงนี้ เขากลับมิมองนางด้วยซ้ำ

แต่หลิงอวี่หนิงยังมิยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ จึงเอ่ยต่อ “เข้าจวนมานานขนาดนี้เพราะพระชายาวางอำนาจเคร่งครัด อวี่หนิงจึงยังมิเคยพบ…”

นางแสร้งทำมิรู้จักมู่จวินฮาน อวี๋หมิงหลันเข้ามาในจวนทีหลังย่อมมิรู้เรื่องราวก่อนหน้านี้ของหลิงอวี่หนิง เมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ก็ยิ่งเข้าใจอันหลิงเกอผิดมากขึ้น

“เช่นนั้น ข้าลองช่วยเจ้าดีหรือไม่ ? ” นางมองหลิงอวี่หนิงด้วยความตื่นเต้น อย่างไรนางก็ต้องการดาบเล่มหนึ่งเพื่อใช้ปกป้องภาพลักษณ์สตรีจิตใจดีของนางอยู่แล้ว

ให้หลิงอวี่หนิงเป็นดาบเล่มนั้นแล้วกัน !

คิดได้ดังนั้นอวี๋หมิงหลันจึงเดินตามหลังท่านอ๋องไปแล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ท่านอ๋อง ตอนนี้หมิงหลันและหลิงเช่อเฟยสนิทกันมากเจ้าค่ะ”

เขากวาดตามองคนด้านหน้าครู่หนึ่ง มิรู้ว่าพวกนางเดินมาอยู่ตรงนี้เพื่อเหตุใด เขาจึงเอ่ยเสียงเข้ม “มีเรื่องอันใด ? ”

“คือ…” อวี๋หมิงหลันก้มหน้าลงด้วยความกลัว เมื่อเห็นท่าทางของมู่จวินฮานจึงมิรู้ว่าควรตอบอย่างไรดี

“เชี่ยเซินเพียงแค่นับถือท่านอ๋องมานาน ได้ยินว่าท่านอ๋องงานยุ่งมิน้อยจึงอยากอาศัยชื่อของอวี๋กู่เหนียงเพื่อได้พบท่านอ๋องเจ้าค่ะ”

ทุกคนในที่นี้มิคิดว่าหลิงอวี่หนิงจักกล้ากล่าวออกมาเช่นนี้ มู่จวินฮานถึงขั้นเลิกคิ้วขึ้น “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยพบเปิ่นหวางเลยหรือ ? ”

“ก่อนหน้านี้อวี่หนิงมิได้โชคดีเช่นนี้เจ้าค่ะ”

มู่จวินฮานมิได้เปิดโปงนางเพราะในใจเขายังอยากปกป้องจิตใจที่ดีของอวี๋หมิงหลันเอาไว้

ส่วนหลิงอวี่หนิงก้มหน้าลงและมิได้กล่าวสิ่งใดอีก ทว่าดวงตาฉายแววตื่นเต้นจนปิดมิมิด

เมื่อเห็นนางมิได้เอ่ยสิ่งใดอีก มู่จวินฮานก็คิดแต่จักพาอันหลิงเกอออกจากจวนให้เร็วที่สุดเพราะตอนนี้ใกล้ถึงเวลาพิษหนอนกู่กำเริบเข้ามาทุกที เขาต้องสืบจนรู้ให้ได้ !

อวี๋หมิงหลันและหลิงอวี่หนิงย่อมมิกล้าขวางเขาไว้ หลิงอวี่หนิงทำเหมือนจักตามไปอีกแต่โดนอวี๋หมิงหลันรั้งไว้เสียก่อน “อย่าเลย…”

หลังอันหลิงเกอและมู่จวินฮานจากมาแล้วก็สนทนาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่บนรถม้า “คาดมิถึงว่าหลิงอวี่หนิงกล้าถึงเพียงนี้ ทั้งยังมีบางอย่างแปลก ๆ อีกด้วยเจ้าค่ะ”

อันหลิงเกอที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาคาดเดาเป้าหมายของหลิงอวี่หนิงได้แล้ว แต่นางก็ยังมิได้บอกมู่จวินฮาน

ช่วงนี้หลิงอวี่หนิงต้องสืบข่าวเพื่อส่งเข้าวังเป็นแน่ แม้มู่จวินฮานเป็นถึงท่านอ๋องที่ชนะศึกทั่วสารทิศ แต่ความคิดของเขามิได้ละเอียดอ่อนเท่าสตรี

ตอนนี้เรื่องภายในจวนนางต้องเป็นคนคอยคิดให้เขา พอนานวันเข้าอันหลิงเกอก็รู้สึกว่าตนละเอียดรอบคอบขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า