ตอนที่ 422 เผ่าพิษหนอนกู่

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 422 เผ่าพิษหนอนกู่

สถานที่ที่ทั้งสองคนไปพักได้รับการแนะนำมาจากไป๋หลี่เฉิน

เดิมทีเผ่าหมอเทวดามีสองฝ่าย หนึ่งคือฝ่ายควบคุมพิษหนอนกู่ อีกฝ่ายคือเผ่าหมอเทวดาที่ตอนนี้อยู่แคว้นชิงเยว่

เผ่าหมอเทวดาที่แคว้นชิงเยว่อยากเป็นผู้ควบคุมพิษหนอนกู่มาโดยตลอด แต่พวกเขาได้มาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนเผ่าพิษหนอนกู่ว่ากันว่ายังมีหมอหญิงอีกคนที่ยังมีชีวิตอยู่

ทว่าเผ่าพิษหนอนกู่โดนทำลายจนเกือบหมด เหลือเพียงสตรีนางนี้ซึ่งกำลังเป็นสาวเต็มตัว หลายวันก่อนไป๋หลี่เฉินพบร่องรอยของนางเข้าจึงนำเรื่องนี้มาบอกเพื่อต้องการเชื่อมไมตรีกับอันหลิงเกอ

แต่เมื่อพวกอันหลิงเกอมาถึงก็มิได้มีผู้ใดอยู่เลย

“เป็นไปได้อย่างไร ? ” มู่จวินฮานรู้สึกประหลาดใจเพราะข่าวของหอสดับพิรุณถือว่ารวดเร็วมาก ตามหลักแล้วข่าวนี้มิน่าหลุดไปได้

“ข่าวคงหลุดตั้งแต่ที่จวนแล้วเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอถอนหายใจออกมา

ที่จวนอ๋อง ดูท่าแล้วตอนที่พวกนางคุยกันคงมีคนได้ยินเข้า ส่วนจักเป็นผู้ใดนั้น…

นางเห็นแววตาของหลิงอวี่หนิงที่มองตามหลังอย่างมิวางตา นางจึงมั่นใจว่าที่หลิงอวี่หนิงเข้าใกล้อวี๋หมิงหลันคงเพราะมู่จวินฮานอย่างแน่นอน

แต่คาดมิถึงว่าขนาดเขาอยู่ในจวนก็ยังมีสตรีเฝ้ามองอย่างปรารถนาเช่นนี้

สถานการณ์น่าขันเช่นนี้ทำให้อันหลิงเกออารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย

นางเหลือบตามองมู่จวินฮานครู่หนึ่งแล้วขืนตัวออกจากอ้อมกอดของเขา “สตรีนางนี้เกรงว่ามีใจรักท่านอย่างล้ำลึกที่สุดในจวนแล้วเจ้าค่ะ”

เขาได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นพลางเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ข้ารู้ แต่ในใจของข้ามีเพียงเจ้า ยิ่งกว่านั้นคนที่รักข้าที่สุดก็คือเกอเอ๋อมิใช่หรือ?”

เมื่อได้ยินเขาสารภาพรักอย่างกะทันหันเช่นนี้ นางก็ชะงักไปชั่วอึดใจพร้อมรอยยิ้มที่ผุดบนใบหน้าอย่างปิดไว้มิมิด และขณะที่นางจักเอ่ยปากต่อก็ถูกมู่จวินฮานขัดขึ้นเสียก่อน “หลิงอวี่หนิงผู้นี้มิธรรมดา เจ้าอย่าใกล้ชิดนางมากนักเพราะข้าเกรงว่านางจักทำร้ายเจ้าเอาได้”

“มิเป็นไรหรอกเจ้าค่ะ เรามาดูกันว่านางมีความสามารถมากพอหรือไม่” อันหลิงเกอตบที่ไหล่ของเขาเบา ๆ เพื่อเป็นการแสดงให้รู้ว่าเข้าใจที่เขากล่าวเป็นอย่างดี

สองสามีภรรยากระซิบกระซาบกันสองคน ส่วนหลิงอวี่หนิงและอวี๋หมิงหลันก็กำลังบ่นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน

หลิงอวี่หนิงเด็ดดอกไม้ในสวนด้วยความโมโหแล้วโยนมันลงพื้นด้วยความผิดหวัง ใบหน้าฉายชัดถึงความมิพอใจ “อันหลิงเกอโชคดีจริง ๆ บุรุษเยี่ยงท่านอ๋องกลับสนใจแต่นางคนเดียว ! ”

“ทว่าบางทีท่านอ๋องแค่ลุ่มหลงเพียงฉาบฉวยก็ได้ อย่างไรเสียอวี๋กู่เหนียงก็รู้จักท่านอ๋องมานานกว่าพระชายาอยู่แล้ว” หลิงอวี่หนิงพูดเสริม

เมื่อนึกถึงภาพที่มู่จวินฮานจับมืออันหลิงเกอขณะเดินจากไป แววตาที่อ่อนโยนคู่นั้นทำให้นางต้องการก้าวต่อไป หากวันหนึ่งบุรุษผู้นี้ใช้สายตาที่อ่อนโยนมองตนบ้าง มิว่าให้นางทำสิ่งใดก็ยอมทั้งนั้น !

ทว่าแววตาเช่นนั้นมีไว้เพื่ออันหลิงเกอผู้เดียว ยามที่มู่จวินฮานมองนางและอวี๋หมิงหลันกลับเต็มไปด้วยความเย็นชา เมื่อย้อนนึกถึงแววตาเช่นนั้นนางก็ยังอดรู้สึกกลัวขึ้นมามิได้ ดูท่าแล้วท่านอ๋องคงกลัวว่าพวกนางจักรังแกอันหลิงเกอมากเหลือเกิน

นางมองอวี๋หมิงหลันที่อยู่ด้านข้างอย่างดูแคลน มิแปลกที่ท่านอ๋องจักมิชอบผู้หญิงคนนี้ หากท่านอ๋องโปรดผู้หญิงคนนี้ นางก็จักได้อาศัยความโปรดปรานนั้นเพื่อให้ตนได้เป็นพระชายารองตัวจริง มิใช่แค่ในนามเยี่ยงทุกวันนี้

น่าเสียดายที่ฐานะเยี่ยงอวี๋หมิงหลันน่าจักกุมหัวใจของมู่จวินฮานไว้ได้ แต่ก็ไร้ความสามารถเช่นนั้นเลย

เมื่อมีโอกาสที่จักได้ครองรักกับคนที่เติบโตมาด้วยกัน นางกลับคว้าเอาไว้มิได้ เฮอะ ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง

ภายในใจของหลิงอวี่หนิงยังดูแคลนอวี๋หมิงหลันที่อยู่ข้างกายมิหยุด แต่อวี๋หมิงหลันกำลังดำดิ่งอยู่กับอารมณ์ด้านลบของตน มิได้สังเกตถึงแววตาเย้ยหยันและดูแคลนจากอีกฝ่ายเลย

“นางและท่านอ๋องมิได้สนิทสนมกันมาก่อน แค่เป็นการสมรสที่ฝ่าบาทประทานให้เท่านั้น ! ” หลิงอวี่หนิงกัดฟันกล่าวออกมา ความอ่อนโยนของมู่จวินฮานเมื่อครู่นั้นอวี๋หมิงหลันก็เห็นและเกิดความริษยามิน้อย ส่วนหลิงอวี่หนิงไตร่ตรองในใจพลางมองอวี๋หมิงหลันไปด้วย ดูท่าแล้วสตรีผู้นี้คงมิอาจเข้าใกล้ท่านอ๋องได้เป็นแน่ มีเพียงต้องสนิทสนมกับอันหลิงเกอจึงทำให้นางสามารถเข้าใกล้ท่านอ๋องได้จริง

มิได้ หากเป็นเช่นนั้นนางต้องรีบไปสานสัมพันธ์กับอันหลิงเกอ มิเช่นนั้นถ้ามัวแต่ตามหลังผู้หญิงคนนี้ ทั้งชีวิตนี้ของนางคงมิได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง

เมื่อตัดสินใจได้แล้วนางจึงคิดแผนการที่จักให้อวี๋หมิงหลันไปหาเรื่องอันหลิงเกอก่อน เพียงให้อีกฝ่ายทะเลาะกันแล้วนางก็จักออกตัวยืนอยู่ฝ่ายอันหลิงเกอ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นนางจึงสามารถประจบเอาใจอันหลิงเกอได้

เมื่อคิดได้ดังนั้นนางจึงเดินไปด้านหน้าของอวี๋หมิงหลัน “พี่สาว ข้าคิดว่าพระชายาอาจพูดให้ร้ายท่านใส่ท่านอ๋องก็ได้ มิเช่นนั้นเมื่อก่อนท่านเป็นที่โปรดปรานมาก แล้วพอนางเข้ามาท่านอ๋องจึงโปรดปรานแต่นางผู้เดียว จักเป็นไปได้อย่างไร ? ”

“ข้าคิดว่าเพราะตอนเด็กท่านอ๋องมิได้มีใจผูกพัน แต่คาดมิถึงว่าตอนนี้มีอันหลิงเกอเข้ามาก็ยิ่งทำให้ท่านอ๋องห่างเหินต่อข้าเพียงนี้ ข้าคงต้องไปคุยกับพระชายาให้รู้เรื่อง”

เมื่อกล่าวจบอวี๋หมิงหลันก็เดินไปทางเรือนของอันหลิงเกอทันที หลิงอวี่หนิงก็ก้าวตามไปเช่นกัน…

อวี๋หมิงหลันเป็นคนที่คิดอันใดง่าย ๆ นางคิดว่าถ้ากล่าวเรื่องนี้ออกมาก็จักสามารถแก้ไขทุกอย่างได้ ตอนนี้นางยังมิได้ต้องการเป็นศัตรูกับอันหลิงเกอ เพียงแค่ต้องการแย่งมู่จวินฮานคืนมาเท่านั้น

แต่คาดมิถึงว่าเมื่อนางผลักประตูห้องเข้าไปจักเห็นอันหลิงเกอและมู่จวินฮานอยู่ด้วยกันในห้อง

อวี๋หมิงหลันถึงขั้นตกตะลึงทันที นางมิคิดว่าท่านอ๋องก็อยู่ด้วย ยิ่งเมื่อเห็นท่าทางสนิทสนมของทั้งสองคน กอปรกับคำพูดของหลิงอวี่หนิง นางจึงพุ่งตัวเข้าไปในห้อง “จวินฮาน เหตุใดท่านต้องทนอยู่กับสตรีเยี่ยงนี้ด้วย ? ”

ทนหรือ ?

อันหลิงเกอมองสตรีที่พุ่งเข้ามาในห้องด้วยความประหลาดใจและมิเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังเอ่ยเรื่องใดอยู่ แต่มินานก็เห็นหลิงอวี่หนิงยืนอยู่ด้านหลังและเพียงพริบตาเดียวนางก็รู้ถึงสาเหตุของเรื่องนี้ทันที

เกรงว่าหลิงอวี่หนิงไปใส่ไฟลับหลังเป็นแน่ อวี๋หมิงหลันจึงมาแสดงความหึงหวงต่อหน้าเช่นนี้

“เจ้าพูดเรื่องอันใด ? ” อันหลิงเกอยังมิทันเอ่ยปาก มู่จวินฮานก็จ้องอีกฝ่ายด้วยความโกรธ ไร้มารยาทถึงเพียงนี้ อวี๋หมิงหลันคนเดิมคงเปลี่ยนไปแล้ว !

อวี๋หมิงหลันมองมู่จวินฮานด้วยแววตาน่าสงสาร น้ำตาพร้อมร่วงลงมาตลอดเวลา “ท่านอ๋อง…”

“ออกไป” เขาขมวดคิ้ว รู้สึกรังเกียจหลิงอวี่หนิงมากขึ้นไปอีก หากมิใช่เพราะนางยังมีประโยชน์อยู่ เขามิมีทางปล่อยไว้ในจวนอย่างแน่นอน ส่วนอวี๋หมิงหลันโดนยุยงมาเยี่ยงคนโง่งม มู่จวินฮานจึงมิเสียเวลาไปสนใจนางเช่นกัน

ดูท่าแล้วเขาคงเอาปัญหาเข้าจวนจริง ๆ

อันหลิงเกอที่นั่งอยู่ด้านข้างยังมิทันได้เอ่ยสิ่งใด อวี๋หมิงหลันกลับมั่นใจว่านางพูดใส่ร้ายลับหลังจนท่านอ๋องรังเกียจเช่นนี้จึงยิ่งดื้อดึงมิยอมออกไปตามคำสั่ง แต่ชี้หน้าอันหลิงเกอแทน “เหตุใดนางอยู่ที่นี่ได้ แต่หมิงหลันต้องออกไปเจ้าคะ ? ”

มิทราบว่าผู้หญิงคนนี้ถูกอันใดเข้าสิงมาเพราะแม้แต่คำสั่งของเขาก็ยังกล้าขัด

เมื่อเห็นท่าทางของท่านอ๋องเหมือนลุกขึ้นมาจับนางโยนออกไป ด้านหลังของอวี๋หมิงหลันก็ปรากฏเสียงหัวเราะขึ้นมา “อวี๋กู่เหนียงช่างโมโหร้ายเสียจริง”

หลิงอวี่หนิงทำราวกับมองมิเห็นสายตาของทุกคนในที่นั้นแล้วเอ่ยต่อ “ท่านอ๋องและพระชายาสนทนากันอยู่ในห้อง อวี๋กู่เหนียงกลับพุ่งเข้ามา ช่างไร้มารยาทจริง ๆ ”

“เจ้า…” อวี๋หมิงหลันถึงขั้นเบิกตาโพลง นึกมิถึงว่าเวลานี้อีกฝ่ายออกตัวแทนอันหลิงเกอเสียได้ หรือเมื่อครู่ทุกอย่างที่กล่าวออกมาล้วนเป็นเรื่องโกหก ?