ตอนที่ 436 เขาคือคู่หมั้นของฉัน

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 436 เขาคือคู่หมั้นของฉัน
“แม่” หลินหนานสูดหายใจเข้าและมองไปที่แม่หลิน ในขณะเดียวกันก็แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวล จ้องไปที่ใบหน้าของพ่อยวี๋อยู่ครู่หนึ่ง กว่าเขาจะรอจนให้ยวี๋น่าเต็มใจจะแต่งงานกับเขาได้นั้นไม่ง่ายเลย เขาจึงไม่อยากให้เรื่องนี้มาทำให้เสียเรื่องอีก

วันนี้แม่ยวี๋มาเห็นสีหน้าแม่หลินก็รู้สึกไม่พอใจมาก ตอนแรกคิดว่าถ้าน่าน่าโอเคเรื่องนี้ก็จบไป แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเธอจะได้ยินคำพูดแบบนี้ของแม่หลิน เธอก็ไม่เห็นด้วยทันที เธอพูดพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น

“แม่หลินหนานคะ คุณพูดอย่างนี้ได้ยังไง เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นน่าน่าของเราก็เสียใจมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเธอไปเชิญอาจารย์ฉีมา…”

“แม่ ไม่ต้องพูดแล้ว…” ยวี๋น่าเห็นว่าสิ่งต่างๆ ดูเหมือนจะควบคุมไม่ได้แล้ว และเธอกังวลมากจริงๆ ว่าอารมณ์ร้อนของแม่จะทำให้แม่กับแม่หลินทะเลาะกัน เธอจึงรีบห้ามไว้

“ไม่ต้องพูดแล้ว” พ่อยวี๋พูด

พ่อหลินเม้มปากและมองมาที่แม่หลิน พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “คุณก็พูดให้มันน้อยๆ หน่อย ในเมื่อเด็กทั้งสองคนเต็มใจ เราเป็นพ่อแม่ก็ควรเคารพพวกเขา น่าน่าก็เป็นเด็กดีมาก ก็จริงอยู่ที่คุณเคยไม่ถูกกับเธอมาก่อน แต่เดี๋ยวอีกหน่อยทุกคนก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว คุณก็ดีกับน่าน่าหน่อยเถอะ”

“ชิ” แม่หลินได้ยินสามีพูดแบบนี้ก็ทำเสียงไม่พอใจ เมื่อเธอเห็นปฏิกิริยาของหลินหนาน เธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตอบตกลง “โอเค ฉันสัญญา ถ้ายวี๋น่ากับหนานหนานแต่งงานกัน ฉันจะปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นลูกสาวของเรา และจะไม่ทำให้เธอขายหน้า ไม่อย่างนั้นพวกคุณสามารถพาเธอกลับบ้านไปได้ทุกเมื่อ”

เมื่อได้ยินคำสัญญาของแม่หลิน พ่อยวี๋ และแม่ยวี๋ก็ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ และเรื่องนี้ก็ตกลงกันตามนี้

ยวี๋น่าก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ว่าเรื่องจะเป็นยังไง แค่ไม่ทะเลาะกันก็ดีแล้ว

……

ยังเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันการออกแบบ ซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิงอยู่ที่ฝรั่งเศสตลอด พวกเขาออกไปเปิดหูเปิดตาบ่อยๆ เพื่อคิดแบบร่างการออกแบบเพิ่มอีกสองสามฉบับ เพราะไม่ได้มีแค่เสื้อผ้าที่จะเข้าแข่งขันเพียงชิ้นเดียวที่ทำให้เธอหนักใจ

“ซูฉิงพรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปพบใครบางคน”

“ใครเหรอ?”

ฮ่อหยุนเฉิงและซูฉิงนอนอยู่ข้างกัน พวกเขาเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ซูฉิงลุกไปเติมของเข้าตู้เย็น เมื่อได้ยินคำถามของเธอ ฮ่อหยุนเฉิงก็หันศีรษะไปมองเธอด้วยรอยยิ้ม

“เพื่อนที่ฉันเคยรู้จักที่นี่น่ะ เป็นเชื้อสายราชวงศ์ เขาเป็นคนดี และคุยเก่ง ฉันจะพาเธอไปพบเขาพรุ่งนี้”

“โอเค”

ตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น ฮ่อหยุนเฉิงพาซูฉิงออกไปข้างนอกตามที่บอก ขับรถไปที่วิลล่าในย่านที่มั่งคั่งของปารีส เขาเดินไปพูดกับรปภ.ด้านนอกประตูสองสามคำ พวกเขาคุยภาษาฝรั่งเศษกันอย่างเชี่ยวชาญมาก รปภ.หัวเราะพร้อมกับพยักหน้า และให้ทั้งสองคนเข้าไป

ประตูใหญ่เปิดออก ซูฉิงเดินตามฮ่อหยุนเฉิงเข้าไปที่ห้องรับแขก การตกแต่งที่นี่แตกต่างไปจากที่เธอคิดไว้อย่างสิ้นเชิง ตรงกันข้าม มันเป็นโทนสีที่เรียบง่าย สีดำ สีขาว และสีเทา แต่มีการตกแต่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ดูอบอุ่นและเป็นเอกลักษณ์มากมาย ทำให้พื้นที่ทั้งหมดไม่ดูน่าเบื่อและดูแข็งทื่อเกินไป
“อ้าวเฉิง เราเจอกันอีกแล้วนะ” ผู้ชายแต่งตัวสบายๆ เดินลงมาจากชั้นสอง เขาดูอายุราวๆ ห้าสิบปี แต่กลับไม่เหมือนชายวัยกลางคนเลย รูปร่างของเขาถูกดูแลมาอย่างดี

เขาเดินลงไปชั้นล่าง อ้าแขนทั้งสองข้างออกเพื่อกอดฮ่อหยุนเฉิง หลังจากที่ทั้งสองปล่อยมือออกจากกัน ชายคนนั้นก็เห็นซูฉิงที่ยืนอยู่ข้างฮ่อหยุนเฉิง ดวงตาของเขามีแววตาความอยากรู้อยากเห็น และเขาก็ถามด้วยรอยยิ้มว่า “เฉิง สาวสวยคนนี้ใครเหรอ? ครั้งที่แล้วที่นายมาหาฉันไม่มีสาวสวยคนนี้มาด้วยนี่นา”

ซูฉิงหลับตาลงและยิ้มอย่างเขินอาย ฮ่อหยุนเฉิงได้ยินเขาชมซูฉิงอย่างนี้ เขาก็ซ่อนสีหน้าแห่งความภาคภูมิใจไว้ไม่มิด เขาจึงจับมือเธอไว้อย่างเป็นธรรมชาติ

“นี่คือคู่หมั้นของฉัน เธอชื่อซู​ฉิง”

ขณะที่พูด ฮ่อหยุนเฉิงก็แนะนำให้ซูฉิงอีกครั้ง “ทีี่ฉันเคยบอกเธอ เพื่อนสนิทที่ฉันรู้จักในฝรั่งเศส เจ้าชายเดอโกล”

ซูฉิงพยักหน้า หลังจากทักทายกับเจ้าชายเดอโกลแล้ว ทั้งสามคนก็ไปนั่งคนกันที่โซฟา หลังจากนั้นไม่นาน ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง และหญิงสาวที่แต่งตัวอย่างมีสไตล์ก็วิ่งเข้ามา

“พ่อ”

ทันทีที่เธอพูดด้วยความกระตือรือร้น เธอก็เห็นนอกจากเดอโกลแล้วยังมีคนสองคนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วย เมื่อเธอเห็นซูฉิงเห็นได้ชัดว่าเธอตกตะลึงมาก แต่เธอก็พูดขึ้นอย่างแปลกใจ “ซูฉิง! เราไม่ได้เจอกันนานมาก ทำไมวันนี้คุณถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”

“รู้จักกันด้วยเหรอ?” เดอโกลแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กสาวเรียกชื่อซูฉิง

ซูชิงก็ประหลาดใจเช่นกันเมื่อเห็นเด็กสาวคนนั้น “เธอนี่เอง! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”

ฮ่อหยุนเฉิงมองเธอด้วยความสงสัย “นี่ใครเหรอ?”

เจ้าชายเดอโกลยิ้มและกล่าวว่า “นี่คือลูกสาวของฉัน มิเชล นับตามศักดิ์ในตอนนี้แล้ว เธอเป็นเจ้าหญิง”

ซูฉิงอธิบายกับเดอโกลและฮ่อหยุนเฉิงว่า “เมื่อก่อนตอนฉันเปิดสตูดิโอ ฉันเคยเจอกับมิเชลครั้งหรือสองครั้ง และเราก็เข้ากันได้ดี เราจึงเป็นเพื่อนกัน”

มิเชลวิ่งไปหาเธอ ดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกฮ่อหยุนเฉิงซึ่งนั่งอยู่ข้างซูฉิงดึงดูดสายตาไปก่อน เธอบอกได้เลยว่าเธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนหน้าตาดีขนาดนี้มาก่อน ไม่ว่าจะอยู่ที่ปารีสหรือจีน ฮ่อหยุนเฉิงเป็นคนแรก

เธอยังรู้สึกว่าหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และหูของเธอก็ร้อนขึ้น

“ซูฉิงนี่คือเพื่อนของคุณเหรอ?” มิเชลยิ้มให้ฮ่อหยุนเฉิง จ้องไปที่ใบหน้าของเขาและถามอย่างไ

ซูฉิงส่ายหัวและพูดว่า “เขาเป็นคู่หมั้นของฉัน ชื่อฮ่อหยุนเฉิง”

【คู่หมั้น อ๋า… 】

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มิเชลก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ และรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ค่อยๆ จางลง เธอไม่คิดว่าฮ่อหยุนเฉิงจะเป็นแฟนกับซูฉิง ในใจของเด็กสาวแรกแย้มเมื่อมีรักแรกพบแต่กลับรู้ว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว แน่นอนว่าในใจก็รู้สึกอึดอัด และหดหู่เล็กน้อย

“พ่อคะ หนูกลับมาจากข้างนอก จู่ๆ รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ขอขึ้นไปพักผ่อนบนชั้นบนก่อนนะคะ” มิเชลปรับอารมณ์ของเธอ และพูดกับเจ้าชายเดอโกล

เมื่อเห็นเดอโกลพยักหน้า เธอจึงขึ้นไปชั้นบน ซูฉิงมองเธออย่างครุ่นคิด

เดอโกลไม่ได้คิดอะไร และทั้งสามคนก็คุยกันอยู่ครู่หนึ่ง และไม่นานก็พลบค่ำ เจ้าชายเดอโกลมองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังแล้วถามว่า “เฉิง นี่เป็นครั้งแรกที่คุณพาแฟนสาวมาที่นี่ ตอนนี้ก็ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว งั้นฉันขอจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำให้ก็แล้วกัน โอเคไหม”

“อ่า… ไม่ต้องหรอก ฉันเตรียมอาหารไว้ที่บ้านแล้ว พวกเราก็มาที่นี่กันตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว ฉันเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ ขอกลับก่อนดีกว่า” ซูฉิงคิดเกี่ยวกับสายตาของมิเชลเมื่อครู่นี้ จึงปฏิเสธอย่างสุภาพ

ฮ่อหยุนเฉิงมองเธออย่างกังวล “เป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

“ไม่เป็นไรหรอก” ซูฉิงส่ายหัว “ฉันแค่ง่วงนิดหน่อย เรารีบกลับกันเถอะ”