ตอนที่ 348 ถ้าต้องเลือก ก็ต้องเป็นเธอแน่นอน (5) / ตอนที่ 349 ถ้าต้องเลือก ก็ต้องเป็นเธอแน่นอน (6)

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ตอนที่ 348 ถ้าต้องเลือก ก็ต้องเป็นเธอแน่นอน (5)  

 

 

เซิ่งชิงอี้หุบยิ้มลงทันที 

 

 

อันซย่าซย่าไม่ใช่คนก้าวร้าวเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันเธอก็ค่อยๆ อธิบายเหตุผลความเป็นจริงให้เซิ่งชิงอี้ฟัง “คุณลุงคะ ฉันเข้าใจในสิ่งที่คุณพูด เรายังมีช่องว่างระหว่างกัน แต่เราต่างก็มีความชัดเจนต่อกันและกันมาก สิ่งที่เราทำได้คือการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้ความสัมพันธ์อาจจะไม่สมบูรณ์แบบในตอนแรก แต่เราก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องทั้งหมด 

 

 

ฉันกับเขาจะเป็นอย่างไร นั่นเป็นเรื่องของเรา การแต่งงานของเซิ่งอี่เจ๋อก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะตัดสินใจเองได้ ถ้าถึงวันที่เราคุยกันเรื่องแต่งงาน และเขาอยากแต่งงานกับฉันจริงๆ ฉันก็จะแต่งงานกับเขา แม้ว่าจะไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูลเซิ่ง เราก็ยังสามารถไปขอทะเบียนสมรสได้ ฉันคิดว่าการรับรองทางกฎหมายนั้นน่าเชื่อถือมากกว่าการยอมรับจากครอบครัวเสียอีก?” 

 

 

เซิ่งชิงอี้เงียบไปครู่หนึ่งและยิ้มเล็กน้อย “ซย่าซย่า เธอเป็นเด็กที่ฉลาดคนหนึ่ง” 

 

 

ก่อนหน้านี้เขาประเมินอันซย่าซย่าต่ำเกินไป 

 

 

ไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาจะสามารถทำได้ที่จะกล้าพูดคำพูดเหล่านี้ต่อหน้าเขาผู้ซึ่งมีความเด็ดขาดและเยือกเย็นคนหนึ่งในโลกธุรกิจ 

 

 

หลักการดำเนินชีวิตของอันซย่าซย่าก็คือไม่แก่งแย่งชิงดีและอยู่อย่างสันติ 

 

 

แต่เมื่อเจอกับปัญหา เธอก็ไม่เคยกลัว! 

 

 

ดวงตาเธอยิ้มเป็นรูปจันทร์เสี้ยวราวกับดอกท้อที่บานสะพรั่งในเดือนสาม ทั้งสวยงามและอบอุ่น 

 

 

เซิ่งชิงอี้ตระหนักได้ว่าการขู่คุกคามอันซย่าซย่าดูเหมือนจะไร้ประโยชน์! 

 

 

เพราะเธอไม่เก็บมาใส่ใจอยู่แล้ว! 

 

 

หน้าตาของเขาเริ่มบึ้งตึงขึ้นเรื่อยๆ อันซย่าซย่าเอียงศีรษะและพูดว่า “คุณลุง คุณแน่ใจเหรอว่าฉันจะไม่เอาเรื่องพวกนี้ไปบอกเซิ่งอี่เจ๋อ?” 

 

 

เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมา “ฉันบันทึกบทสนทนาเมื่อกี้นี้ไว้แล้วนะคะ ถึงอย่างไรฉันก็ไม่ใช่คนดีอะไรสำหรับคุณ งั้นฉันก็เลวให้สุดไปเลยแล้วกัน ถ้าฉันนำบันทึกเสียงนี้ไปให้เซิ่งอี่เจ๋อ คุณลองเดาดูซิว่าเขาจะหันมาทางฉันหรือหันไปคุณ?” 

 

 

แม้ว่าจะพบเซิ่งชิงอี้แค่ครั้งเดียว แต่เธอก็สังเกตจากท่าทีของเซิ่งอี่เจ๋อได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองพ่อลูกไม่ค่อยดีนัก 

 

 

เซิ่งชิงอี้ต้องการใช้วิธีนี้เพื่อบังคับให้เธอเป็นฝ่ายเลิกกับเซิ่งอี่เจ๋อ แต่วิธีนี้ค่อนข้างLowไปหน่อย! 

 

 

เพราะอย่างน้อยเช็กเงินสดหนึ่งถึงสองล้านก็ต้องเขวี้ยงมาสักใบแล้ว! นี่ไม่เห็นเหมือนในละครทีวีเลย แย่จริงๆ! 

 

 

ก็แค่ทำร้ายความรู้สึกเธอ! 

 

 

เซิ่งชิงอี้วางถ้วยน้ำชาลงอีกครั้ง ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้ดื่มน้ำแม้แต่อึกเดียว 

 

 

เขาลุกขึ้นเตรียมจะออกไปด้วยสีหน้าอึมครึม แต่ก่อนจะไปเขาพูดกับเธออย่างมีนัยยะว่า “เด็กน้อย อย่าลืมประโยคนี้ล่ะ ฉลาดเกินไปจึงเสียรู้ รู้ไว้ด้วยว่าอย่าบอกเรื่องพวกนี้กับเซิ่งอี่เจ๋อ!” 

 

 

หน้าตาอันซย่าซย่าบริสุทธิ์ไร้อันตราย “เดิมทีฉันก็ไม่ได้คิดจะบอกเขาหรอกค่ะ” 

 

 

เซิ่งชิงอี้ถึงกับผงะและเข้าใจได้ทันทีว่าเขากำลังโดนสาวน้อยคนนี้หลอก! 

 

 

เขาสะบัดแขนเสื้อและจากไปด้วยความโกรธ 

 

 

อันซย่าซย่ายักไหล่ เธอไม่ใช่คนที่ใครจะรังแกได้ง่ายๆ! 

 

 

ในขณะที่กำลังจะรายงานผลสงครามวันนี้ให้ซูเสี่ยวโม่ฟัง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น หน้าจอปรากฏชื่อของป่ะป๊าอัน 

 

 

พอเธอกดรับสายก็ได้ยินเสียงป่ะป๊าอันพูดด้วยความรีบเร่ง “ซย่าซย่า! พี่ชายเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์!” 

 

 

ในหัวอันซย่าซย่าเหมือนมีอะไรบางอย่างระเบิด เธอตะลึงงันไปชั่วขณะ จากนั้นก็รีบหยิบกระเป๋าและเสื้อโค้ทพุ่งตัวออกจากร้านอาหารอย่างบ้าคลั่ง 

 

 

– 

 

 

โรงพยาบาล 

 

 

อันซย่าซย่าตาแดงก่ำอยู่นอกห้องผ่าตัด เธอหันหน้ามองเข้าไปที่ไฟผ่าตัด 

 

 

“เขาจะไปรับเธอที่บ้านตระกูลเซิ่ง…ไม่ทันได้ระวังก็เลยเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง เฮ้อ…” เสียงถอนหายใจของป่ะป๊าอันดังเข้ามาในหู อันซย่าซย่าตำหนิตัวเองจนถึงที่สุด มีกลุ่มไอน้ำแผ่คลุมดวงตาเธออย่างรวดเร็ว 

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเอาแต่ใจหนีออกจากบ้านไป อันอี้เป่ยก็คงไม่ต้องออกมาหาเธอ… 

 

 

พี่ ขอโทษ… 

 

 

พี่ พี่จะต้องไม่เป็นอะไร… 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 349 ถ้าต้องเลือก ก็ต้องเป็นเธอแน่นอน (6)  

 

 

เมื่อเซิ่งอี่เจ๋อมาถึงโรงพยาบาล ฟ้าก็มืดแล้ว 

 

 

ตอนบ่ายอันซย่าซย่าบอกว่าเธอจะไปช็อปปิ้งกับซูเสี่ยวโม่ แต่ก็ไม่กลับมาสักที 

 

 

หลังจากนั้นก็ได้ทราบข่าวว่าพี่อันประสบอุบัติเหตุ 

 

 

เขาจึงรีบตรงดิ่งมาที่นี่ สิ่งที่เห็นคืออันซย่าซย่ากำลังนั่งอยู่บนม้านั่งของโรงพยาบาลด้วยใบหน้าซีดขาว ดวงตาแดงก่ำ 

 

 

เขาเดินไปข้างหน้าและลูบผมอันซย่าซย่า พลางพูดเสียงต่ำ “พี่อันเป็นยังไงบ้าง?” 

 

 

อันซย่าซย่าเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเป็นเขา ปากเธอขยับไปพร้อมกับสูดจมูกหนักๆ “ไม่รู้…เซิ่งอี่เจ๋อ ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน…ฉันกลัวเหลือเกิน…ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ฉันจะทำยังไง…” 

 

 

ชาตินี้เธอจะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว ในเวลาแบบนี้นอกจากเสียใจอย่างไม่มีทางเลี่ยงได้ ก็ได้แต่อัดอั้นตันใจ 

 

 

สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือกอดอันซย่าซย่าให้แน่นยิ่งขึ้น 

 

 

“ซย่าซย่า อย่าเสียใจไปเลย นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่เป็นความผิดของคนขับรถต่างหาก…” 

 

 

อันซย่าซย่ากลั้นน้ำตาอย่างดื้อรั้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยละอองน้ำราวกับว่าน้ำตาของเธอจะร่วงหล่นได้ในพริบตาเดียว 

 

 

“อยากร้องก็ร้องออกมาเถอะ อย่ากลั้นไว้เลยเด็กดี…” เซิ่งอี่เจ๋อปลอบใจเบาๆ และเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ “หิวไหม? ให้ฉันหาอะไรให้กินก่อนไหม?” 

 

 

อันซย่าซย่าส่ายหน้า ในเวลาแบบนี้เธอจะกินลงได้อย่างไรล่ะ 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อจับมือเธอและนั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอที่ทางเดินจนดึกดื่น 

 

 

ในที่สุดไฟในห้องผ่าตัดก็หรี่ลง 

 

 

แพทย์ที่รับผิดชอบการรักษากับป่ะป๊าอันรู้จักกันมานานแล้ว หลังจากที่คุยกันสั้นๆ ไม่กี่ประโยค ป่ะป๊าอันก็กล่าวขอบคุณราวกับโล่งใจได้ 

 

 

“เอาล่ะ พี่ชายเธอไม่เป็นอะไรแล้ว การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น เขาคงจะตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้เช้า” 

 

 

– 

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น 

 

 

อันซย่าซย่าคอยเฝ้าอันอี้เป่ยอยู่ข้างเตียงไม่ยอมห่างไปไหนด้วยความประหม่า เธอจ้องเขาตาไม่กะพริบ 

 

 

แสงแดดยามเช้าสาดเข้ามาในห้องจนมิด อันอี้เป่ยหน้าตาซีดเซียว แต่ถึงอย่างไรมันก็ยากที่จะซ่อนใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับรูปปั้นของเขาได้ 

 

 

ขนตาเริ่มกะพริบ ดูเหมือนเขาไม่สบายตาเมื่อมีแสงส่องเข้ามา พอหรี่ตาลงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น 

 

 

“พี่! ในที่สุดพี่ก็ตื่นแล้ว!” พอตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงอันน่าตื่นเต้นของอันซย่าซย่า 

 

 

มุมปากของเขาโค้งขึ้นโดยไม่ทันสังเกต เสียงแหบพร่า “หืม…ซย่าซย่า” 

 

 

“ขอโทษ…วันหลังฉันจะไม่หนีออกจากบ้านแล้ว…” อันซย่าซย่าขอโทษด้วยท่าทีเชื่องๆ “เป็นเพราะฉันไม่ดีเอง พี่ถึงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์…” 

 

 

“ฉันไม่ได้โทษเธอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง 

 

 

“ห๊ะ?” 

 

 

“เธอเป็นน้องสาวฉัน ฉันจะโทษเธอได้ยังไง” อันอี้เป่ยกล่าวถึงความเป็นจริง แต่อันซย่าซย่าถึงกับช็อกอยู่กับที่ 

 

 

น้ำตาเธอไหลพราก ร้องไห้เสียงดังออกมา 

 

 

“ขอโทษ…ฉันขอโทษ…พี่คะ ฉันจะกลับบ้าน ฉันจะกลับบ้านกับพี่…” 

 

 

บางครั้งการให้อภัยก็ยิ่งเสียใจมากกว่าการดุด่า 

 

 

เป็นครั้งแรกที่อันซย่าซย่ารู้สึกว่าตัวเองควรโตได้แล้ว เธอใช้ชีวิตโดยมีครอบครัวคอยถือหางอย่างไร้กังวลมาโดยตลอด 

 

 

เธออยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทว่ากาลเวลาไม่เคยหยุดอยู่กับที่ 

 

 

เธอควรเรียนรู้ที่จะเติบโต เรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งอยู่เสมอ 

 

 

อันอี้เป่ยขมวดคิ้ว ในขณะที่เช็ดน้ำตาให้เธอก็บ่นไปด้วยว่า “เธออย่าร้องไห้ได้ไหม? เฮ้ เช็ดขี้มูกของเธอซะ…อันซย่าซย่า ถ้าเธอร้องไห้อีกก็อย่าไปพูดล่ะว่าเป็นน้องสาวฉัน! เธอทำให้ฉันดูแย่…” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยืนอยู่หน้าประตูมองพวกเขาสองคนอย่างเงียบๆ 

 

 

อันอี้เป่ยกลอกตาไปมา หลังจากที่เห็นเซิ่งอี่เจ๋อ เขาก็แสยะยิ้มและหันไปถามคำถามที่น่าอึดอัดกับอันซย่าซย่าว่า “ซย่าซย่า ในใจเธอพี่สำคัญหรือว่าแฟนสำคัญ?”