เป็นอีกครั้งที่เข็มยาเปลี่ยนให้เชียนอ้าวเซี่ยกลายเป็นเม่น ยาที่เขาต้องกินก็มีไม่น้อยเลย อีกทั้งยาทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็นยาที่กินได้ยากยิ่งนัก
หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นลงแล้ว เชียนอ้าวเซี่ยนั้นรู้สึกร่างแทบแตกสลาย ความลำบากทุกข์ทนเขาล้วนแต่ได้รับมาหมดแล้ว ทว่ามันเทียบไม่ได้เลยกับหลายวันนี้ที่ผ่านมา
มู่เฉียนซี “เอาล่ะ ในเมื่อเจ้ารู้สึกเจ็บปวด เช่นนั้นเจ้ายังไม่รู้จักรักชีวิตของตนเองอีก หากเจ้าบอกข้าถึงสาเหตุที่ร่างกายของเจ้าพังเจียนตายได้ถึงเพียงนี้ ข้าอาจจะสามารถรักษาที่ต้นเหตุได้ แต่ทว่าตอนนี้ข้าทำได้เพียงยืดอายุเจ้าออกไปสามปีเท่านั้น”
สามปี! เชียนอ้าวเซี่ยตะลึงงัน บรรดาหมอที่มีชื่อเสียงในใต้หล้าหรือแม้แต่ปรมาจารย์ปรุงยาระดับสูง เรื่องที่พวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถทำได้ เสี่ยวซีซีกลับทำมันได้
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างตื่นเต้น “เสี่ยวซีซีเจ้าช่วยชีวิตข้า ข้าอยากตอบแทนเจ้าด้วยกายและใจ เจ้าให้ข้าได้ทำหน้าที่นั้นเถอะ…”
มู่เฉียนซีมองใบหน้าของเขาก่อนจะกล่าวออกมา “ถึงแม้ว่าจะสามารถยืดอายุออกไปได้อีกสามปี แต่อย่างไรสุดท้ายเจ้าก็เป็นผู้ที่ต้องตายไปอยู่ดี เจ้าให้ข้าเป็นคนของเจ้า เจ้าคิดจะให้ข้ากลายเป็นหม้ายหรืออย่างไรกัน ?”
เชียนอ้าวเซี่ย “ข้านั้นไม่ถือสา ถึงตอนนั้นแล้วเสี่ยวซีซีก็ไปแต่งงานกับใครอีกสักคนที่รักเจ้าจริงก็ได้”
“น่าเบื่อ” มู่เฉียนซียังคงเป็นเช่นเคย นางคร้านที่จะสนใจเขา “ฟังให้ดี ๆ นะคุณชายเซี่ย ชีวิตของเจ้า ข้าต่ออายุเพิ่มให้อีกสามปี ค่าตอบแทนเรื่องข้อตกลงทางการค้าข้าก็จ่ายให้แล้ว เช่นนั้นเจ้าจงช่วยข้าจัดการกิจธุระให้ดี หากข้ารู้ว่าข้าทำให้เจ้าอยู่ต่อไปได้อีกสามปีแต่เจ้าไม่ทำประโยชน์อะไรให้ข้าเลย ข้านั้นจะเอาชีวิตของเจ้ากลับคืนมา”
เชียนอ้าวเซี่ยเอามือกุมหัวใจและกล่าวอย่างเจ็บปวดรวดร้าว “เสี่ยวซีซีเจ้ามักจะทำให้หัวใจข้าแตกสลายอย่างไร้ความปราณีอยู่เสมอ”
“โอ้! หัวใจเจ้าแตกสลายแล้วรึ ? เช่นนั้นข้าควักหัวใจเจ้าออกมาเย็บให้สักหน่อยเป็นอย่างไร ?” มู่เฉียนซีกล่าวหยอกล้อ มือก็ควักเอามีดสำหรับใช้รักษาผู้คนออกมา
“ข้า…”
“คุณชายเซี่ย เจ้าอย่าได้มากล่าววาจาน่ารำคาญกับข้าเลย ข้ารำคาญที่จะฟัง” มู่เฉียนซีกล่าวหน้านิ่วคิ้วขมวด เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ความเย็นชาและฝีปากร้ายของนาง เขาคุ้นเคยดี “เสี่ยวซีซี มิใช่ว่าข้าชินไปแล้วหรือที่จะกล่าววาจาเช่นนี้กับเจ้า ? ข้าแก้ไม่ได้หรอก”
“จะทำอย่างไรได้นอกเสียจากไม่ต้องพบเจอหน้ากันบ่อยเกินไป ไม่เจอหน้าก็ไม่รำคาญ” มู่เฉียนซีกล่าวพลางหันหลังเดินจากไป
เชียนอ้าวเซี่ยมองแผ่นหลังนางอย่างงุนงงพลางยิ้มอย่างขมขื่นในใจ “นี่เป็นผลกรรมรึ ? ข้านั้นที่ผ่านมาหลอกสตรีมานับไม่ถ้วน ไม่ง่ายเลยที่คิดจะจริงจังเสียที เมื่อคิดจริงจัง นางกลับไม่เชื่อว่าข้านั้นจริงจัง”
“แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว…”
เมื่อถูกรักษาอย่างโหดร้ายไปรอบหนึ่ง ร่างกายเชียนอ้าวเซี่ยก็ดีขึ้นเป็นอย่างมาก แต่จิตใจเขานั้นเหี่ยวฟีบ…
……
เวลานี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ‘นักฆ่าเทพมรณะ’ ได้ฆ่านายน้อยสำนักนอกนิกายของสำนักอวิ๋นเยียนสิ้นลม
เหล่าผู้คนได้ยินมาว่านักฆ่าเทพมรณะผู้นั้นหลบหนีไปยังเมืองเหยียนตู หลายกองกำลังพยายามตามตัวนักฆ่าเทพมรณะผู้นั้นอยู่เพื่อเตรียมที่จะแก้แค้นให้แก่นายน้อยผู้มีพรสวรรค์ผู้นั้นที่ต้องตายไป และหลายคนยังได้ยินมาว่านักฆ่าเทพมรณะผู้นั้นเวลานี้ได้รับบาดเจ็บ
เสี่ยวชีที่มู่เฉียนซีให้ออกไปปฏิบัติภารกิจ นางปล่อยให้เขาได้อิสระในการฝึกฝน ทว่านางมาเจอเข้ากับเขาที่เมืองเหยียนตูแห่งนี้ด้วยความบังเอิญ เช่นนั้นช่วยเขาสักคราหนึ่งก็ไม่เห็นจะเป็นไร ส่วนตัวนางได้ยินข่าวนี้มาก็ด้วยเพราะมีคนผู้หนึ่งที่ใช้การเรื่องสืบหาข่าวสารได้เป็นอย่างดีอยู่ข้างกาย เขาผู้นั้นคือผู้นำหอเชียนอินหรือเจ้าของหอเชียนอิน—เชียนอ้าวเซี่ย
“แม่นางมู่ มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือ ?” เชียนอ้าวเซี่ยถามอย่างเป็นทางการ
“นักฆ่าเทพมรณะที่กำลังเป็นที่โด่งดังในเมืองเหยียนตูนั้น ตอนนี้เขาหนีไปอยู่ที่ตำแหน่งไหนรึ ?”
“หากเรามีใจที่จะตามหาก็สามารถตามหาได้พบไม่ยาก แต่หากจะจับเป็นมือสังหารเทพมรณะผู้นั้นค่อนข้างลำบากอยู่บ้าง” นักฆ่าผู้นั้นจัดเป็นนักฆ่าที่ดุดันอย่างมาก
“อู๋ตี้!” มู่เฉียนซีตะโกนเรียกอู๋ตี้ออกมาก่อนจะกล่าวกับเชียนอ้าวเซี่ย “ให้สัตว์พันธสัญญาของข้าไปกับเจ้า แล้วนักฆ่าผู้นั้นจะไม่ต่อต้านเจ้า”
“ได้ ว่าแต่… เสี่ยวซีซีกำลังตามหานักฆ่าผู้นั้นอยู่รึ ?!” เชียนอ้าวเซี่ยถามอย่างตระหนกเล็กน้อย
…
คนของหอเชียนอินหาเสี่ยวชีพบ เดิมทีเสี่ยวชีหมายจะฆ่าปิดปากเขา แต่ปรากฏว่าเขากลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคยลอยออกมา “เจ้าหนู โชคของเจ้านั้นไม่เลวเลย เวลานี้นายท่านอยู่ที่เมืองเหยียน เจ้ารีบไปหานางเพื่อรักษาบาดแผลเร็วเถอะ ตอนนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บไม่เบา”
เสี่ยวชีตกตะลึง “อู๋ตี้!”
นักฆ่าเทพมรณะที่สำนักใหญ่หลายสำนักได้ยินชื่อแล้วต้องเปลี่ยนสีหน้า เมื่อมาเจอกับแมวน้อยน่ารักก็ได้ทำตัวเป็นเด็กน้อยเสียอย่างนั้น นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้อื่นยากที่จะเชื่อยิ่งนัก
หลังจากที่นักฆ่าผู้นี้เผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา หลายคนก็ได้เห็นว่าใบหน้าของเขาดูงดงามไม่แพ้เทพเซียน พวกเขารู้สึกว่าท่านผู้นำหอเชียนอินของตนกำลังตกที่นั่งลำบาก
ถ้าหากแม่นางมู่ชอบคนอ่อนเยาว์เช่นนี้ เช่นนั้นท่านผู้นำหอเชียนอินของพวกเขานั้นจะร้องคงยังไม่มีที่จะให้ร้องไห้แล้วกระมัง “เจ้าว่าเจ้าหมอนั่นสง่างาม หรือว่าข้าสง่างาม” เชียนอ้าวเซี่ยถามขึ้นอย่างตื่นเต้น
“หากจะกล่าวถึงระดับความรูปงามของใบหน้า ย่อมเป็นนายท่านแน่นอนขอรับ เด็กหนุ่มคนนั้นเขาอายุยังน้อย”
“เหอะ! ต้นกล้าผักอ่อนเช่นนั้น เสี่ยวซีซีไม่ชอบเป็นแน่” เชียนอ้าวเซี่ยพูดเองเออเอง
“ไม่ได้ ข้ายังไม่วางใจ ข้าจะไปดูสักหน่อย”
มู่เฉียนซีรักษาอาการบาดเจ็บของเสี่ยวชีอย่างรวดเร็ว เสี่ยวชีก้มหน้าพลางกล่าวขึ้น “ครั้งนี้ข้าประมาทไปมาก” ศิษย์ของสำนักนอกนิกายของสำนักอวิ๋นเยียนนั้นตายตกไปมากมาย พวกเขาออกเดินทางไปไหนก็ตื่นตัว และได้นำคนระดับจักพรรดิมาซุ่มเป็นกับดักไว้อยู่ไม่น้อยเลย ดังนั้นเสี่ยวชีจึงได้ติดกับเข้าให้
“ผู้ที่ถูกเรียกว่านักฆ่านั้นต้องเพิ่มความว่องไวต่อการรับรู้ในเรื่องของกับดักและการซุ่มโจมตี ครั้งนี้ให้เจ้าได้รับบทเรียนเล็กน้อยเป็นธรรมดา”
“ขอรับ”
นอกจากอุบัติเหตุในวันนี้แล้ว ภารกิจของเสี่ยวชีก็ได้ปฏิบัติลุล่วงไปอย่างราบรื่น พวกสำนักอวิ๋นเยียนนั้นรู้สึกหวาดกลัวมาก พวกเขาอยู่อย่างไม่เป็นสุขเลยก็ว่าได้
— ปัง! —
ประตูถูกผลักออกไปอย่างหยาบคาย เข็มยาเข็มหนึ่งของมู่เฉียนซีจึงได้พุ่งไป เชียนอ้าวเซี่ยร้องตะโกน “เสี่ยวซีซีนี่ข้าเอง เจ้าทำให้ข้าตายได้ลงหรือ ?”
มู่เฉียนซีรีบหยุดลงมือ จะพลาดพลั้งเผลอทำให้เขาตายไม่ได้ สายข่าวของเจ้าคนน่ารำคาญผู้นี้นั้นไม่ใช่เพียงแค่รวดเร็วธรรมดา หากแต่รวดเร็วอย่างเรียกได้ว่าท้าทายฟ้าดิน ไม่เสียทีที่เขาเป็นท่านผู้นำของหอเชียนอิน
เชียนอ้าวเซี่ยลูบคางอันละเอียดอ่อนของตนเอง สายจาก็จ้องมองเสี่ยวชีอย่างพิจารณาแล้วกล่าวขึ้น “อย่างที่คิดไว้ เจ้าไม่ได้รูปงามไปกว่าข้า”
เสี่ยวชีสัมผัสได้ถึงความเป็นปรปักษ์ของบุรุษที่อยู่ตรงหน้า ทว่าแววตายังคงสงบนิ่ง ขอเพียงเขาไม่ได้เป็นศัตรูกับนายท่านของเขา ทุกอย่างก็ไม่เป็นปัญหา
มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้น “คุณชายเซี่ยเจ้ามาทำอะไรที่นี่ ?” “ข้ามาดูว่าหนุ่มน้อยที่ซ่อนตัวอยู่ในเกี้ยวทองของเสี่ยวซีซีนั้นจะงดงามสักเพียงใด แต่เมื่อมาเห็นก็งั้น ๆ เทียบกับข้าช่างห่างไกล เสี่ยวซีซี เจ้าว่าใช่หรือไม่ล่ะ ?” เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มอย่างมีเสน่ห์
“เจ้ามันหลงตัวเอง”
“ข้าพูดความจริง”
“ไสหัวไป!”
มู่เฉียนซีบอกว่าให้ไสหัวไป เชียนอ้าวเซี่ยผู้คุ้นชินกับคำนี้ดีจึงไม่เชื่อฟัง เขากล่าวอย่างดื้อดึง “ยังข้ายังไม่ไป เสี่ยวซีซี เจ้าหมอนี่ได้ถูกหอเงามืดจับตาหมายหัวไว้แล้ว ดูเหมือนว่าผู้นำของหอเงามืดนั้นจะสนใจในตัวเขาเป็นพิเศษนะ …สำนักอวิ๋นเยียนได้เชิญหอเงามืดมาด้วย คนเหล่านั้นรู้สึกว่าเมื่อเผชิญกับนักฆ่า หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง เจ้าลอบซุ่มซ่อนเขาไว้นั้นจัดว่าอันตรายยิ่งนัก”
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ใบหน้าของเสี่ยวชีนั้นยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าไปแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซี “ข้ามอบภารกิจให้เจ้าอีกภารกิจหนึ่ง ในใบรายชื่อนี้ยังขาดใครอีก ?”
เมื่อเชียนอ้าวเซี่ยมองดู เขาก็ส่ายหน้าก่อนจะกล่าวขึ้น “เสี่ยวซีซี ใบรายชื่อนี้ช่างทำอย่างชั่วชุ่ยนัก”
“ข้าเพียงแค่อยากลองถามดูแบบธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ว่ามีหอเชียนอินอยู่บนผืนแผ่นดินนี้” เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มหวาน “เสี่ยวซีซีหมายถึง เจ้าอยากจะเจอข้าให้ไวกว่านี้ใช่หรือไม่ ? ข้าเองก็อยากที่จะเจอกับเจ้าให้ไวกว่านี้ หากสิบปีหรือสิบหกปีก่อนสามารถพบเจอกับเจ้าได้ก็คงดี”
“เข้าเรื่องเสียทีเถอะ”
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มยียวน เขานำพู่กันขึ้นมาแล้วเติมชื่อคนลงไปในนั้นไม่น้อยเลย
“ชื่อที่ด้านบนของเจ้านั้นล้วนแต่เป็นผู้ที่ผู้คนทั้งใต้หล้านั้นรู้จัก แต่ชื่อที่ข้าเขียนเพิ่มให้ใหม่นี้ เป็นพวกอัจฉริยะที่แต่ละสำนักย่อยขนาดใหญ่ได้ซ่อนตัวเอาไว้ แน่นอนว่าระดับความยากนั้นจะเพิ่มขึ้นอีกมาก เจ้าต้องการจะยืมคนของข้าสักหน่อยไหมเล่า ?”
มู่เฉียนซี “ไม่ต้อง เดิมทีนี่เป็นการฝึกฝนของเสี่ยวชีอยู่แล้ว”
“ข้านั้นสงสัยมาโดยตลอดว่าผู้ที่คอยชักใยนักฆ่าเทพมรณะผู้นั้นคือใคร ที่แท้เป็นเจ้านั่นเองเสี่ยวซีซี”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างใจเย็น “ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว แล้วเจ้าคิดจะทำเช่นไรล่ะ ? ไปแจ้งเรื่องข้าที่สำนักอวิ๋นเยียนรึ ? แล้วจากนั้นก็ได้รับผลประโยชน์”
“เสี่ยวซีซี ดูเหมือนเจ้าจะไม่ชอบสำนักอวิ๋นเยียนเป็นอย่างมากใช่หรือไม่ ?” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวถามอย่างจริงจัง
.
.
.